ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 2 บทที่ 43 ที่แท้คนผู้นี้ก็คือคนที่มีใจให้เขา
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 2 บทที่ 43 ที่แท้คนผู้นี้ก็คือคนที่มีใจให้เขา
แต่ในตอนนี้ ตัวหนังสือในตำราบนมือเซี่ยยวี่หลัว ลายมืองามสง่า หนักแน่นและแฝงเร้นด้วยความหมายลึกซึ้ง เซียวยวี่ในช่วงวัยเยาว์ น่าจะยังเป็นคุณชายที่อ่อนโยนดุจหยก มีอนาคตไกล
เขาในยามนี้ที่โดดเดี่ยวและต้อยต่ำ กับเขาในภายภาคหน้าที่จะมีอำนาจในราชสำนักอยู่เหนือคนนับหมื่นอยู่ใต้เพียงผู้เดียว ต้องพานพบกับประสบการณ์แสนเจ็บปวดเช่นไรบ้าง ระหว่างเผชิญกับความเจ็บปวดเหล่านั้น ถึงได้เลือกเส้นทางที่ทำให้เขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกบีบคั้นหัวใจ
นางมองบทความในมืออย่างละเอียด ลายมือแฝงเร้นความนัยลึกซึ้ง เนื้อหาน่าดึงดูด คนเช่นนี้ มิน่าล่ะถึงได้ก้าวขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งสูงขนาดนั้นอย่างรวดเร็ว
ช่างหาได้ยากนัก นางที่ในภพก่อนยังไม่เคยคบหาชายใด หลังทะลุมิติเข้ามาในหนังสือ ไม่เพียงแต่แต่งงานแล้ว ทั้งยังให้นางได้แต่งกับผู้มีความสามารถแฝงที่ทรงพลังเช่นนี้
เซี่ยยวี่หลัวแสดงสีหน้าบ่งบอกว่ารู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจ
ตอนที่เซียวจื่อเซวียนเดินออกมา ก็เห็นเซี่ยยวี่หลัวย่อตัวอยู่บนพื้น จับตำราของพี่ใหญ่ไว้ มองด้วยอาการเหม่อลอย
ไม่มีความรู้สึกดูแคลนและหยามเหยียดเหมือนที่ผ่านมา ตอนนี้เซียวจื่อเซวียนกลับเห็นประกายชื่นชมจากแววตาของเซี่ยยวี่หลัว
เซียวจื่อเซวียนมองเครื่องนอนและเสื้อผ้าที่ตากอยู่เต็มลาน ยังมีแผ่นไม้สองแผ่นที่ยกมาวางโดยเฉพาะ เอาวางไว้บนพื้นเพื่อตากตำรา เซียวจื่อเซวียนไม่เข้าใจเซี่ยยวี่หลัวยิ่งกว่าเดิม
ช่วงเที่ยง ท่านลุงสี่กลับบ้านมา นำเกวียนเทียมวัวไปเก็บ กำลังจะนำน้ำตาลทรายแดงไปมอบให้เซียวจื่อเซวียน เซียวหมิงจูอาสาจะไปส่งของให้
เมื่อถึงบ้านเซียวจื่อเซวียน นางยังไม่ทันเคาะประตูก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของเซียวจื่อเมิ่งที่ใสกังวานดุจกระดิ่งเงินดังมาจากด้านใน นี่เป็นเสียงหัวเราะจากใจจริง ไม่มีความระแวงใดๆ มือของเซียวหมิงจูที่ยื่นออกมาพลันหยุดชะงัก
นางนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนยกมือขึ้นเคาะประตู
คนที่มาเปิดประตูคือเซียวจื่อเมิ่ง เมื่อเห็นเซียวหมิงจู นางเอ่ยเรียก “พี่หมิงจู” ด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
แต่เซียวหมิงจูกลับรู้สึกหดหู่ใจ
ที่ผ่านมาเมื่อเซียวจื่อเมิ่งเห็นนาง จะโผเข้ามากอดพร้อมเอ่ยเรียก “พี่หมิงจู” ตอนนี้นางกลับไม่เข้ามากอดตนเองแล้ว
เซียวหมิงจูนำผ้าเช็ดหน้าที่ห่อขนมไว้จำนวนหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ พร้อมกล่าวเป็นเชิงหยอกล้อกับเซียวจื่อเมิ่ง “อาเมิ่ง ดูสิว่าพี่หมิงจูเอาอะไรมาให้เจ้า”
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เซียวจื่อเมิ่งต้องโผเข้ามาหาด้วยท่าทางดีอกดีใจ ทว่าคราวนี้…
เซียวจื่อเมิ่งเพียงมองแวบหนึ่ง กล่าวว่าขนม สายตาก็มองไปทางอื่นแล้ว ไม่มีท่าทางตื่นเต้นดีใจ และความปรารถนาเพราะทนหิวเหมือนเมื่อก่อนแม้แต่น้อย
เซียวหมิงจูรู้สึกห่อเหี่ยว “ทำไม ไม่อยากกินหรือ?”
เซียวจื่อเมิ่งส่ายหน้า “อยาก!”
“เช่นนั้นก็ให้เจ้า เจ้ารีบเก็บไว้ อย่าให้คนคนนั้นเห็นเข้า” เซียวหมิงจูรีบใส่เข้าไปในมือเซียวจื่อเมิ่ง เซียวจื่อเมิ่งชักมือกลับ
“เป็นอะไรไป?”
เซียวจื่อเมิ่งกล่าวเสียงใสด้วยท่าทีจริงจัง “ข้าจะรับของของคนอื่นโดยง่ายไม่ได้เจ้าค่ะ”
ครั้งก่อนพี่สะใภ้ใหญ่บอกนางแล้ว ไม่ว่าจะเป็นของของใคร ก็จะหยิบหรือรับมาโดยง่ายไม่ได้
ตอนนี้พี่สะใภ้ใหญ่ดีกับนางขนาดนี้ นางต้องเชื่อฟังพี่สะใภ้ใหญ่
เซียวจื่อเซวียนได้ยินเสียง เมื่อออกมาก็ได้ยินเสียงกังวานใสของเซียวจื่อเมิ่งเข้าพอดี เซียวจื่อเซวียนรู้สึกยินดียิ่ง เมื่อก่อนเขาก็อยากกล่าวเช่นนี้กับเซียวจื่อเมิ่ง แต่เพราะกลัวว่าจื่อเมิ่งจะหิว ดังนั้นจึงไม่กล้ากล่าว ตอนนี้จื่อเมิ่งเอ่ยวาจาเหล่านี้ออกมาเอง เซียวจื่อเซวียนรู้สึกดีใจเสียยิ่งกว่าอะไร
“ใครพูดแบบนี้กับเจ้า? ข้าเป็นคนอื่นหรืออย่างไร? ข้าเป็นพี่หมิงจูของเจ้า!” เซียวหมิงจูอึดอัดจนทนไม่ไหว นี่เพิ่งผ่านไปแค่กี่วัน เหตุใดเด็กคนนี้ถึงห่างเหินกับตนได้ถึงเพียงนี้
“พี่สะใภ้ใหญ่เป็นคนบอกข้า พี่สะใภ้ใหญ่บอกว่า นอกจากของของพี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ และพี่รอง ของของคนอื่นล้วนไม่สามารถรับโดยง่ายเจ้าค่ะ” เซียวจื่อเมิ่งกล่าวเสียงใส วาจาที่เอ่ยออกมาฟังชัดเจนมีพลัง ไม่มีความหวาดกลัวเหมือนก่อนหน้านี้เลย
เซียวจื่อเซวียนตกตะลึงเมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงของน้องสาว เหมือนที่ตกตะลึงกับความเปลี่ยนแปลงของเซี่ยยวี่หลัว
เวลานี้เซี่ยยวี่หลัวหิ้วถังน้ำออกมา นางถกแขนเสื้อขึ้น มือคู่งามดุจหยกขาวเต็มไปด้วยน้ำเปียกชื้น ในมือยังถือผ้าขี้ริ้วผืนหนึ่ง น้ำใสสะอาดในถังน้ำ บัดนี้กลายเป็นน้ำสกปรกแล้ว
เมื่อครู่นางเช็ดทำความสะอาดข้าวของทั้งหมดภายในห้อง น้ำในถังจึงสกปรก
หิ้วน้ำหนึ่งถังค่อนข้างกินแรง ต้องหิ้วสองมือ เมื่อเซียวจื่อเซวียนเห็น จึงรีบวิ่งไปหา รับถังน้ำมาจากมือเซี่ยยวี่หลัว เซี่ยยวี่หลัวก็ไม่ได้เกรงใจ ปล่อยให้เขารับไป
เดิมทีเมื่อครู่เขาก็เป็นคนหิ้วเข้ามา ผสมน้ำร้อนไว้ในถัง น้ำอุ่นมาก ไม่เย็นเลยสักนิด
แต่ได้ออกกำลังกายบ้าง ก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าดี
รอบเดือนที่ไม่เจ็บปวดช่างรู้สึกดีเสียจริง
เมื่อเห็นใบหน้างดงามที่ออกมาจากห้องของเซียวยวี่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เซียวหมิงจูก็ผงะไป
เซียวจื่อเมิ่งเอ่ยถามเสียงใส “พี่หมิงจู ท่านมีธุระหรือเปล่า?”
หมิงจู?
เมื่อเซี่ยยวี่หลัวได้ยินชื่อนี้ ก็หันขวับตามสัญชาตญาณ มองไปทางคนที่อยู่หน้าประตู
เซียวหมิงจูก็กำลังมองเซี่ยยวี่หลัว เซี่ยยวี่หลัวเหลือบมอง เซียวหมิงจูหลบไม่ทัน จึงถูกเซี่ยยวี่หลัวจ้องพอดี
เห็นเพียงคนที่มาสวมใส่เสื้อสีขาวลายดอกไม้สีฟ้า ปกเสื้อตั้งขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าเล็กสีชมพูนวลเนียน ดวงตากลมดุจผลซิ่งแฝงเร้นด้วยประกายแห่งความรัก ถือเป็นหญิงงามอย่างแท้จริง
ถูกเซี่ยยวี่หลัวเห็นเข้า ดวงตากลมคู่นั้นพลันเบิกกว้าง เหมือนจะถลึงตาใส่เซี่ยยวี่หลัวแวบหนึ่งด้วยอารมณ์โมโห
เซี่ยยวี่หลัวทอดถอนใจ ที่แท้นางก็คือหมิงจูที่แอบมอบผ้าเช็ดหน้ายวนยางเล่นน้ำให้เซียวยวี่เพื่อสื่อรักนี่เอง
เทียบกับตนเอง รูปโฉมถือว่าด้อยกว่าเล็กน้อย แต่ภายในหมู่บ้านมีหญิงงามเช่นนี้ ก็ถือว่าหาได้ยากนัก เมื่อครู่นางถลึงตามอง เซี่ยยวี่หลัวเห็นอย่างชัดเจน
มีความโกรธแค้น โมโห วิตกกังวล ทั้งยังมีความอิจฉาริษยาอย่างลึกซึ้งแบบที่ปิดอย่างไรก็ไม่มิด
เซี่ยยวี่หลัวเผยรอยยิ้มบาง
ในอนาคตภรรยาของเซียวยวี่เป็นสตรีอีกคนหนึ่งที่มีอำนาจบารมี ไม่ใช่หมิงจูที่อยู่ตรงหน้า และไม่ใช่เซี่ยยวี่หลัว หมิงจูผู้นี้เกรงว่าจะโกรธแค้นผิดคนแล้ว
ใบหน้างดงามนั่นแย้มรอยยิ้มให้ตนเอง เซียวหมิงจูผงะไป
เดิมนางคิดว่าเซี่ยยวี่หลัวจะด่านางว่าหน้าไม่อาย ใครจะไปรู้ว่านางจะไม่กล่าวอะไรแม้แต่คำเดียว เรื่องนี้ทำให้เซียวหมิงจูยิ่งตกตะลึง
เซียวจื่อเซวียนไม่เข้าใจการปะทะในที่แจ้งและที่ลับระหว่างทั้งสองคน เขามองห่อกระดาษในมือเซียวหมิงจูพร้อมกล่าว “พี่หมิงจูนำน้ำตาลทรายแดงมาให้งั้นหรือ?”
เซียวหมิงจูเพิ่งตอบสนอง มองห่อกระดาษในมือพร้อมกล่าว “ใช่ พ่อข้าซื้อกลับมา ให้ข้านำมามอบให้เจ้า”
เซียวจื่อเซวียนรับมา ก่อนกล่าวกับเซี่ยยวี่หลัว “ข้าจะไปต้มน้ำตาลทรายแดงให้ถ้วยหนึ่ง”
เซี่ยยวี่หลัวเป็นรอบเดือน น้ำต้มน้ำตาลทรายแดงย่อมต้องให้เซี่ยยวี่หลัวดื่ม เซียวหมิงจูตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม เซียวจื่อเซวียนถึงกับต้มน้ำตาลทรายแดงให้เซี่ยยวี่หลัว
เรื่องที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่าคือหลังจากนั้น เมื่อนางเห็นตำราที่จัดเรียงอย่างเป็นระเบียบภายในลาน นางจึงพบว่า เซี่ยยวี่หลัวช่วยเซียวยวี่ตากตำรา รวมทั้งเครื่องนอน
นี่นางแตะต้องของของเซียวยวี่
เซียวหมิงจูไม่รู้ว่าตัวเองกลับบ้านไปอย่างไร รู้แต่ว่าหลังจากกลับถึงบ้าน ก็ตกอยู่ในสภาพมึนงง แม้แต่ตอนท่านป้าสี่เรียกนางให้ไปช่วยในห้องครัว นางก็ไม่ได้ตอบสนอง
ท่านป้าสี่สังเกตเห็นความผิดปกติ “เมื่อครู่เจ้าไปที่ไหนมา?”
เซียวหมิงจูคิดแต่เรื่องของตัวเอง จึงไม่ได้ยิน
ท่านป้าสี่โมโห เดินขึ้นหน้าออกแรงหยิกเนื้อตรงเอวเซียวหมิงจูอย่างแรง
“โอ๊ย…”