ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 2 บทที่ 46 นางไม่รู้หนังสือหรอกหรือ
ตอนเช้ายังคงเป็นโจ๊กเหมือน ไข่ต้มคนละหนึ่งฟอง และผัดผักจี้ช่ายสดใหม่อีกหนึ่งจานใหญ่ ทั้งสามคนกินจนอิ่ม
เซียวจื่อเซวียนล้างชามเสร็จจึงไปเก็บผักป่าในนา เซี่ยยวี่หลัวพาเซียวจื่อเมิ่งไปเดินเล่นในหมู่บ้าน
หลังจากฟ่านซื่อมีความคิดจะช่วยเซียวยิงหาผู้ช่วยคัดตำรา ก็คอยหาคนในหมู่บ้านที่มีลายมือสวย บอกว่าช่วยเซียวยิงคัดตำรา หากลายมือสวย และคัดได้ดี หนึ่งเล่มจะได้ค่าตอบแทนสามสิบห้าอิแปะ คนจำนวนไม่น้อยต่างก็อยากลอง แต่สุดท้ายก็ได้แต่ล้มเลิกความตั้งใจเพราะไม่มีความสามารถเช่นนั้น
ตะโกนหาคนอยู่ในหมู่บ้านมาตลอดช่วงเช้าและบ่าย ได้รับตัวอย่างลายมือมาเพียงไม่กี่แผ่น เมื่อรับมาดู ฟ่านซื่อก็ได้แต่ส่ายหน้า
ถ้าไม่ใช่ลายมือหวัดเหมือนเขียนยันต์ปราบภูตผีจนอ่านไม่ออก ก็เป็นตัวหนังสือบิดเบี้ยวเทียบกับเด็กเริ่มหัดเขียนยังไม่ได้ หาคนที่ลายมือสวยไม่ได้แม้แต่คนเดียว นี่ทำเอาฟ่านซื่อรู้สึกร้อนใจเล็กน้อย
ดูท่าจะเป็นดั่งที่เซียวยิงกล่าวไว้ คนที่ลายมือสวย โดยพื้นฐานล้วนเป็นผู้มีความรู้ และเวลานี้เหล่าผู้มีความรู้ต่างก็ไปสนามสอบกันหมด ส่วนคนที่เหลืออยู่ ล้วนแต่เป็นคนที่ไม่เคยเรียนหนังสือ คนที่พอจะเขียนได้ จะเขียนได้ดีแค่ไหนเชียว!
ฟ่านซื่อหาคนไม่ได้ก็ร้อนใจยิ่งนัก ทว่าต่อให้ร้อนใจแค่ไหน ก็ไม่อาจหาคนที่เขียนหนังสือได้
เซี่ยยวี่หลัวเดินเข้าไปในหมู่บ้าน ก็ได้ยินว่าฟ่านซื่อกำลังเยือนแต่ละบ้านเพื่อหาคนคัดตำรา คัดตำราหนึ่งเล่มจะได้ค่าตอบแทนสามสิบห้าอิแปะ คัดสิบเล่มก็เป็นสามร้อยห้าสิบอิแปะ หากคัดสามสิบเล่ม ก็ได้เงินหนึ่งตำลึงแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวอยากลองขึ้นมาทันที
ลายมือของนางสวย โดยเฉพาะการเขียนพู่กันที่ถือว่าประณีต ตั้งแต่จับพู่กันเป็น ก็เขียนพู่กันกับคุณปู่มาตลอด
คุณปู่เป็นนักเขียนพู่กันจีนที่มีชื่อเสียง ศึกษาค้นคว้าด้านการเขียนพู่กันและจิตรกรรมมาอย่างลึกซึ้ง ท่านบอกเซี่ยยวี่หลัวว่าตัวหนังสือก็เหมือนคนเขียน ท่านสอนเซี่ยยวี่หลัวตั้งแต่การขีดเขียนลากเส้นมากับมือ จนเซี่ยยวี่หลัวเขียนออกมาได้สวยงาม
เซียวยิงต้องการหาคนที่ลายมือสวย ตนเองก็ตรงตามเงื่อนไขของเขาพอดีไม่ใช่หรือ?
เซี่ยยวี่หลัวรีบไปหาฟ่านซื่อ
ส่วนฟ่านซื่อในยามนี้แม้จะร้อนใจที่ไม่สามารถช่วยสามีของตนเองได้ จึงได้แต่เลี้ยงดูบุตรและทำงานบ้านงานเรือนให้ดี ทำอาหารโอชารสให้เซียวยิงกิน
ตั้งแต่ก่อนนางจะออกไปหาคน เซียวยิงก็รู้แล้วว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นนี้ เขาไม่รีบร้อน ทั้งยังปลอบโยนฟ่านซื่อ “แม้ว่าตำรานี้จะมีมาก ในเมื่อหาคนมาช่วยไม่ได้ เช่นนั้นข้าก็คัดเอง คัดได้มากก็ได้ค่าตอบแทนมาก เมื่อได้รับค่าตอบแทน ข้าจะไปซื้อปิ่นปักผมเงินที่ครั้งก่อนเจ้าอยากได้มาให้”
ฟ่านซื่อรู้ว่าเซียวยิงกำลังปลอบใจนาง ได้แต่ตอบตกลง “เช่นนั้นท่านก็อย่าฝืนเกินไป พักแขนให้มาก เขียนครู่หนึ่งก็ลุกขึ้นมาเคลื่อนไหวร่างกาย อย่าให้ปวดแขนเล่า”
ระหว่างที่สนทนากันอยู่ เสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอก
“ตึงๆๆ…”
“ใครกันที่มาเวลานี้? หรือจะมีคนมาคัดตำราอีก?” ฟ่านซื่อวิ่งไปเปิดประตูด้วยความตื่นเต้นดีใจ เมื่อไปถึงก็เห็นสตรีผู้หนึ่งยืนอยู่หน้าประตูด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม นั่นคือเซี่ยยวี่หลัวที่บอกว่าเป็นภรรยาของเซียวยวี่
“เจ้าเองหรือ!” ฟ่านซื่อตกใจเล็กน้อย
เซี่ยยวี่หลัวยิ้มจนคิ้วงามโก่งโค้ง แย้มรอยยิ้มด้วยความจริงใจ “ข้าได้ยินคนในหมู่บ้านบอกว่า พวกท่านกำลังหาคนคัดตำรา?”
เซียวยิงเอ่ยถามจากด้านใน “ใครงั้นหรือ?”
ฟ่านซื่อรีบขวางหน้าเซี่ยยวี่หลัว และตะโกนตอบกลับ “อ่อ ไม่ใช่ใคร เป็นเพื่อนในหมู่บ้านน่ะ”
เซียวยิงรู้จักเซียวยวี่ เช่นนั้น เซียวยิงน่าจะรู้จักนาง ในเมื่อฟ่านซื่อรู้ว่านางเป็นภรรยาของเซียวยวี่ แต่กลับไม่บอกฐานะที่แท้จริงของนาง ดูท่า เซียวยิงน่าจะมีอคติต่อนางมากทีเดียว!
เซี่ยยวี่หลัวกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “พี่ฟ่าน ข้าเขียนหนังสือเป็น ตัวหนังสือสวยมากทีเดียว ถ้าอย่างไรให้ข้าลองดูได้หรือไม่?”
ฟ่านซื่อเป็นคนในตัวเมือง หากต่อไปมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ไม่แน่ว่ายังสามารถถามนางเกี่ยวกับเรื่องราวภายนอกได้ เพื่อเตรียมความพร้อมหลังจากตัวเองออกจากหมู่บ้านสกุลเซียว
ฟ่านซื่อกลับขวางนางไว้ กล่าวด้วยท่าทางเย็นชา “เจ้ากลับไปเถอะ ข้ารับเจ้าไม่ได้!”
เซี่ยยวี่หลัวถามด้วยความประหลาดใจ “พวกท่านต้องการหาคนคัดตำราไม่ใช่หรือ? ดูตัวหนังสือของข้าก่อนค่อยตัดสินใจก็ยังไม่สาย!”
ฟ่านซื่อส่ายหน้าพร้อมกล่าว “เชิญกลับไปเถอะ”
เซียวยิงรู้สึกไม่ดีต่อเซี่ยยวี่หลัวมาก ฟ่านซื่อเป็นสตรีที่ยึดธรรมเนียมปฏิบัติดั้งเดิม สามีเปรียบเสมือนฟ้า เซียวยิงกล่าวอะไร นางก็เชื่อตามนั้น เซียวยิงไม่ชอบเซี่ยยวี่หลัว เช่นนั้นฟ่านซื่อก็ย่อมไม่ชอบเซี่ยยวี่หลัว
นางไม่มีทางให้คนที่สามีไม่ชอบมาช่วยคัดตำราแน่!
เสียงของเซียวยิงดังขึ้นจากด้านในอีก “เหวินจวิน ทำไมถึงไม่เชิญแขกเข้ามานั่งเล่า?”
ฟ่านซื่อกดเสียงต่ำ “เจ้ารีบไปเถอะ เดี๋ยวสามีของข้าจะตำหนิข้าได้!”
กล่าวจบ นางก็ปิดประตูทันที
เซี่ยยวี่หลัวถูกปิดประตูใส่หน้า
ครั้งก่อนฟ่านซื่อช่วยกล่าวว่าผู้อื่นแทนเซียวยวี่ แต่กลับชักสีหน้าใส่นาง เป็นอีกคนที่เกลียดชังนาง
นางรู้สึกท้อแท้ แต่ยังไม่ถอดใจ ไม่แน่ว่าหลังจากเห็นตัวหนังสือของนางแล้ว ฟ่านซื่ออาจเปลี่ยนความคิดก็เป็นได้?
เซี่ยยวี่หลัวจูงมือเซียวจื่อเมิ่งกลับบ้าน กลับถึงบ้านก็พุ่งเข้าไปในห้องของเซียวยวี่ด้วยความตื่นเต้น
เซียวจื่อเมิ่งเห็นพี่สะใภ้ใหญ่นำกระดาษและพู่กันออกมา ก็ประหลาดใจนัก “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านจะทำอะไรหรือเจ้าคะ?”
เซี่ยยวี่หลัวกล่าวด้วยความรู้สึกตื่นเต้น “พวกเขากำลังหาคนคัดตำราไม่ใช่หรือ? ข้าจะลองดู!”
“ท่าน…” เซียวจื่อเมิ่งถึงกับตะลึงงัน
พี่สะใภ้ใหญ่จะไปคัดตำรา?
“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านไม่รู้หนังสือไม่ใช่หรือเจ้าคะ?” เซียวจื่อเมิ่งกล่าวด้วยท่าทางสงสัย
เซี่ยยวี่หลัวจับพู่กันขึ้นแต้มน้ำหมึก กำลังจะเขียน เมื่อได้ยินวาจานี้ เซี่ยยวี่หลัวก็ไม่อาจเขียนได้เลย
นางไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม เซี่ยยวี่หลัวไม่รู้หนังสือ?
แม่เจ้า!
แล้วเซี่ยยวี่หลัวผู้นี้ทำอะไรเป็นบ้าง นอกจากหน้าตาดีและแต่งตัวเป็น ก็เท่ากับทำอะไรไม่เป็นเลยไม่ใช่หรือ?
ไม่รู้หนังสือด้วยซ้ำ เซี่ยยวี่หลัวประหลาดใจนัก เซียวยวี่ที่ร่ำเรียนตำราจนมีความรู้เต็มเปี่ยมยินยอมแต่งงานกับสตรีที่ไม่รู้แม้แต่หนังสือได้อย่างไร!
เพื่อไม่ให้เซียวจื่อเมิ่งสงสัย เซี่ยยวี่หลัวได้แต่หัวเราะร่า จับพู่กันขึ้น หลังจากแต้มลงไป ก็เขียนตัวหนังสือหวัดเหมือนเขียนยันต์ปราบภูตผี “ก็แค่เขียนเล่นไม่ใช่หรือ? คาดว่าพวกเขาก็คงไม่ชอบตัวหนังสือของข้า!”
ไม่ชอบจริงไม่ใช่หรือ?
ดูสิว่าเขียนอะไรออกมา!
ตัวหนังสือใหญ่เกือบเท่าวัวทั้งตัว น้ำหมึกสาดกระเด็นไปทั่ว หนาบ้างบางบ้าง ดูไม่ออกเลยว่านี่เป็นกองน้ำหมึก หรือเป็นตัวหนังสือหนึ่งตัว
เซียวจื่อเมิ่งปิดปากหัวเราะ “พี่สะใภ้ใหญ่ ตัวหนังสือของท่านเหมือนกับตัวหนังสือที่ข้าเขียนเลยเจ้าค่ะ”
กล่าวจบ นางก็จับพู่กันเขียนตัวหนังสือหนึ่งตัว ท่าจับพู่กันเหมือนตอนจับตะเกียบ เขียนตัวหนังสือหนึ่งตัวก็แย่จนทนดูไม่ได้เหมือนกัน
“พี่ใหญ่ของเจ้าไม่ได้สอนเจ้าเขียนหนังสืองั้นหรือ?” เซี่ยยวี่หลัวถามขณะดูตัวหนังสือที่ดูไม่ได้นั่น
เซียวจื่อเมิ่ง “สอนแล้วเจ้าค่ะ พี่ใหญ่สอนหนังสือให้ข้ากับพี่รอง พี่รองเขียนได้สวยมาก แต่ข้าเขียนไม่เป็น”
จับพู่กันยังไม่มั่นคงด้วยซ้ำ
เซี่ยยวี่หลัวยิ้ม “ไม่เป็นไร ต่อไปเรามาเรียนด้วยกันเถอะ!”
เซียวจื่อเมิ่งหัวเราะร่า
ในเมื่อเจ้าของร่างเดิมเขียนหนังสือไม่เป็น เซี่ยยวี่หลัวจึงได้แต่พับความคิดที่จะอาศัยการคัดตำราเพื่อหาเงิน
น่าโมโหนัก ต้องเสียโอกาสหาเงินที่ดีขนาดนี้ไป
ดูท่าต่อไปตัวเองต้องแสดงออกว่าเขียนหนังสือเป็น ไม่อย่างนั้นหากในอนาคตมีโอกาสดีแบบนี้ก็ต้องปล่อยไปอีก มันช่างน่าเสียดายนัก!