ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 2 บทที่ 50 เจ้ากลัวว่าข้าจะสวมเขาให้เซียวยวี่
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 2 บทที่ 50 เจ้ากลัวว่าข้าจะสวมเขาให้เซียวยวี่
เมื่อเห็นเซี่ยยวี่หลัวกล่าวหาพี่ใหญ่ เซียวจื่อเซวียนจึงรีบโต้แย้ง “ไม่ใช่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพี่ใหญ่ เป็นข้าเอง ข้าอยากจับตาดูท่านเอง”
“ทำไมเจ้าต้องจับตาดูข้า?” เซี่ยยวี่หลัวกำหมัดแน่น เส้นเลือดบนมือยิ่งเผยชัด พอจะดูออกว่าเวลานี้นางเดือดดาลเพียงใด
ต้นเหตุเกิดจากเซียวยวี่ แม้เรื่องนี้เซียวยวี่จะไม่ได้บงการเซียวจื่อเซวียน แต่สุดท้ายก็ยังเป็นเพราะเขา
เซี่ยยวี่หลัวโมโหแทบตาย “เจ้ากลัวว่าข้าจะสวมเขาให้พี่ใหญ่ของเจ้า?”
นางเป็นสตรีที่มีประวัติดีไร้มลทิน บัดนี้กลับถึงขั้นต้องถูกคนเฝ้าจับตาดู ถูกสงสัยว่าจะทำเรื่องผิดศีลธรรมอยู่ข้างนอก
ที่แท้เซียวจื่อเซวียนก็กลัวว่านางจะสวมเขาให้เซียวยวี่!
ไร้เหตุผลสิ้นดี
เซี่ยยวี่หลัวโยนถังไม้ในมือลงบนพื้น เสียงน้ำสาดกระจายดังชัดเจน ฟังดูคล้ายกำลังเกรี้ยวกราด “เช่นนั้นเจ้าวางใจได้ พี่ใหญ่ของเจ้าเขียนหนังสือหย่าให้ข้าแล้ว ตอนนี้ข้าถือว่าเป็นอิสระไร้ซึ่งพันธะ หากเจ้าไม่เชื่อใจข้า เช่นนั้นข้าไปก็ได้ แบบนี้เจ้าจะได้ไม่ต้องกังวลว่าข้าจะทำให้ชื่อเสียงของพี่ใหญ่เจ้าแปดเปื้อน”
เซี่ยยวี่หลัวโมโหมากจริงๆ
ที่โกรธเคือง ก็เพราะช่วงหลายวันที่ผ่านมานางทำอะไรมากมาย เฝ้าดูแลเด็กสองคนอย่างขยันขันแข็ง เหตุใดเซียวจื่อเซวียนถึงไม่มีความรู้สึกดีต่อนาง
ไม่มีความรู้สึกดีก็ไม่เป็นอะไร แต่เด็กคนนี้กลับยังสงสัยว่านางเป็นสตรีไร้ยางอายเช่นนั้น
เซี่ยยวี่หลัวจะกล้ำกลืนฝืนทนโทสะกระแสนี้ได้อย่างไร
หากไม่ใช่เพราะนางสังเกตเห็นว่าระยะนี้ทุกครั้งที่เซียวจื่อเซวียนเห็นเนื้อหมูกับไข่จะเงียบขรึม รวมถึงวาจาเหน็บแนมของท่านปู่เซียว นางก็คงไม่คิดจะใช้วิธีนี้ คิดไม่ถึงว่าจะได้รู้เรื่องที่เซียวจื่อเซวียนเฝ้าจับตาดูนางด้วย
“ขอโทษ” เซียวจื่อเซวียนกัดริมฝีปาก กล่าวด้วยน้ำเสียงสะอื้น “ข้ารู้ว่าท่านดูแคลนพี่ใหญ่ จึงพูดมาตลอดว่าจะไปจากบ้านสกุลเซียว แต่พี่ใหญ่ดีมากจริงๆ…”
พี่ใหญ่ทั้งรู้หนังสือ ทั้งอ่อนโยน หน้าตาก็ดี
ก่อนที่ครอบครัวของพวกเขาจะเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ สตรีมากมายที่ได้เห็นพี่ใหญ่ต่างก็ถึงกับเข่าอ่อนจนไม่มีแรงเดินต่อ ทั้งยังมีคนเสนอเกี่ยวดองกับบ้านสกุลเซียว นั่นก็เพื่อพี่ใหญ่ แต่ว่าตอนนี้…
ทุกสิ่งในอดีตไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เมื่อก่อนพี่ใหญ่เป็นที่รักมากเพียงใด ตอนนี้ก็ถูกรังเกียจมากเท่านั้น ทุกคนต่างออกห่างบ้านสกุลเซียวราวกับหลีกหนีจากสัตว์ร้าย ไม่ยอมมีความเกี่ยวข้องแม้แต่น้อย พี่ใหญ่อายุสิบเจ็ดแล้ว ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้แต่งงาน แม้จะเป็นภรรยาที่มีนิสัยร้ายกาจ แต่อย่างน้อยพี่ใหญ่ก็ถือว่าทำเรื่องใหญ่ในชีวิตสำเร็จแล้ว!
“ข้ารู้ว่าท่านไม่ชอบพี่ใหญ่ พี่ใหญ่ก็ไม่ชอบท่าน แต่พี่ใหญ่ไม่เคยทำเรื่องผิดต่อท่านมาก่อน!”
ฝีเท้าของเซี่ยยวี่หลัวที่กำลังเดินจากไปพลันชะงักงัน
“ก่อนพี่ใหญ่จะไป หาเงินได้ห้าตำลึง เขาไปขอยืมจากท่านปู่เซียวอีกห้าตำลึง ในบ้านเรามีเงินที่ได้จากการประหยัดอดออมเพียงสองตำลึง เขามอบให้ท่านห้าตำลึง จากนั้นแอบมอบให้ข้าห้าตำลึง ให้ข้าดูแลน้องสาวให้ดี ทั้งยังกำชับข้าไม่ให้บอกท่าน ที่เหลืออีกสองตำลึง เขาพกติดตัวไป แต่เขาต้องเดินทาง ต้องไปนานสามถึงสี่เดือน ค่ากินค่าอยู่ค่าเดินทางล้วนต้องใช้เงิน เงินสองตำลึงจะพอได้อย่างไร ทุกวันที่ข้าเห็นพวกเราได้กินเนื้อหมูกินไข่กินข้าวหุง โดยที่ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่อยู่ข้างนอกต้องใช้ชีวิตอย่างไร ข้าก็รู้สึกทรมานใจจริงๆ! ฮือๆ…” เซียวจื่อเซวียนสะอื้นไห้
เซี่ยยวี่หลัวหันกลับมาด้วยความรู้สึกตกตะลึง “เจ้าว่าอะไรนะ? พี่ใหญ่ของเจ้าออกไป พกเงินไปแค่สองตำลึง?”
เงินห้าตำลึง เซี่ยยวี่หลัวยังกลัวว่าจะอยู่ไม่ได้ เซียวยวี่กลับออกเดินทางโดยพกเงินแค่สองตำลึง? เขาไม่กลัวจะอดตายระหว่างทางหรืออย่างไร?
เซียวจื่อเซวียนกัดฟันแน่น ความรู้สึกผิดในตอนแรก แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธแค้นในทันใด เขาถลึงตามองเซี่ยยวี่หลัว “ท่านไม่รู้หรือ? ท่านยังอาละวาดใส่พี่ใหญ่ ให้เขามอบเงินสองตำลึงนั้นให้ท่านด้วย…”
เซี่ยยวี่หลัว “…” นางทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้ด้วยงั้นหรือ!
หรือว่านางคิดจะไม่ให้เซียวยวี่พกเงินไปแม้แต่อิแปะเดียว?
แบบนั้นยังจะสอบอะไรอีก!
เซี่ยยวี่หลัวตะลึงลานทำตัวไม่ถูก “ขอโทษ ข้า… ข้า…”
นางจำไม่ได้จริงๆ ความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม นางไม่มีแม้แต่น้อย นางจึงไม่รู้ ว่าเซี่ยยวี่หลัวเคยกล่าวอะไรกับเซียวยวี่ และจำไม่ได้ว่าเซี่ยยวี่หลัวเคยทำอะไรกับเซียวยวี่ไว้!
หากนางอยากได้แม้กระทั่งเงินสองตำลึงที่เซียวยวี่จะพกไปสอบด้วย เช่นนั้นนางก็เห็นแก่ตัวเกินไปแล้ว
“ข้าเก็บเงินห้าตำลึงไว้ยังไม่ได้แตะ…” เซียวจื่อเซวียนกล่าวด้วยความทรมานใจ “แต่ตอนนั้นพี่ใหญ่ไม่ได้ตั้งใจปิดบังท่านเรื่องให้เงินพวกเรา เขากลัวว่าพวกเราจะหิว… ข้าก็ไม่ได้ตั้งใจจับตาดูท่าน ท่านมักจะบอกว่าท่านมีคนรู้ใจที่ดีกว่าพี่ใหญ่ร้อยเท่าพันเท่าอยู่ข้างนอก ข้ากลัวว่าท่านไปกับผู้อื่น แล้วจะไม่กลับมาอีก!”
พูดไปพูดมา แม้พวกเขาจะรังเกียจเซี่ยยวี่หลัว แต่ก็ไม่อยากให้เซี่ยยวี่หลัวจากไป
ถึงอย่างไร พี่ใหญ่ก็ดูแลพวกเขามาตลอด พวกเขาก็อยากให้มีคนมาดูแลพี่ใหญ่เหมือนกัน
เซี่ยยวี่หลัวทนฟังต่อไปไม่ได้
เพราะรู้ว่านางจะไม่ให้น้องชายน้องสาวกินข้าว ดังนั้นจึงแอบให้เงินพวกเขา ให้พวกเขาเก็บไว้ให้ดี นี่คือเหตุผลที่ท่านปู่เซียวเอ่ยวาจาเหล่านั้น บอกพวกเขาว่าอย่าให้พี่ใหญ่เสียแรงเปล่า
ที่แท้ก็มีความหมายเช่นนี้เอง!
“หากท่านไม่ชอบให้พวกเราอยู่กับพี่ใหญ่ รอให้พี่ใหญ่กลับมา พวกเราก็แยกกันอยู่ จะไม่มากวนใจท่านอีก แต่ขอร้อง ท่านอย่าไปจากพี่ใหญ่เลย!” เขาคิดมาตลอด ว่าสาเหตุที่เซี่ยยวี่หลัวไม่อยากอยู่บ้านสกุลเซียว ไม่ใช่เพราะนางดูแคลนพี่ใหญ่ แต่เป็นเพราะนางไม่ชอบที่พี่ใหญ่มีพวกเขาเป็นภาระอีกสองคน
ดังนั้น เซียวจื่อเซวียนคิดมาตลอด ว่าต่อไปเขาจะพาน้องสาวไปใช้ชีวิตที่อื่น ขอเพียงพี่ใหญ่สบายดี เขากับน้องสาวก็พอใจแล้ว
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา พี่ใหญ่ต้องทำหน้าที่เป็นทั้งบิดาและมารดา ดูแลน้องชายน้องสาว ทำให้เขาเสียเวลาไปมาก แม้แต่เรื่องที่เขาชอบที่สุดอย่างการเรียนหนังสือยังต้องหยุดไว้ เมื่อก่อนผู้คนมักจะบอกว่า พี่ชายต้องเป็นบัณฑิตอายุน้อยที่สุดแน่นอน แต่ตอนนี้เล่า?
พี่ใหญ่ใกล้จะกลายเป็นตัวตลกที่คนกล่าวถึงในยามว่างอยู่แล้ว
ไม่ง่ายเลยกว่าพี่ใหญ่จะได้แต่งภรรยา จะให้ชีวิตคู่ของพี่ใหญ่พังทลายเพราะพวกเขาไม่ได้
ในที่สุดเซี่ยยวี่หลัวก็เข้าใจ
นางมีความหยิ่งทะนงและศักดิ์ศรีอย่างเมื่อครู่นี้ เป็นเพราะนางไม่เคยทำเรื่องในอดีตเหล่านั้น ทว่าเซี่ยยวี่หลัวคนเดิม นางเคยทำ ตอนนี้นางยึดครองร่างกายของเซี่ยยวี่หลัว สิ่งที่เซี่ยยวี่หลัวคนเดิมเคยกล่าวและกระทำ ก็ถือเป็นสิ่งที่นางในตอนนี้เคยกล่าวและกระทำ!
ถูกคนจับตาดู ถูกคนทอดทิ้ง นั่นก็สมควรแล้ว!
เซี่ยยวี่หลัว เจ้าสมควรโดนแล้ว!
เซี่ยยวี่หลัวปิดหูไว้ พร้อมกล่าวเสียงเบา “ไม่ต้องพูดแล้ว!”
หากฟังต่ออีก นางคงอยากตบหน้าตัวเองสักฉาดสองฉาด!
และตัวนางเอง ก็ตบหน้าตัวเองหนึ่งฉาดต่อหน้าเซียวจื่อเซวียนที่จ้องมองด้วยความตกตะลึง
ฉับไวและดังกังวาน
“พี่สะใภ้ใหญ่…” เซียวจื่อเซวียนร้องเรียกด้วยความตกใจ
เซี่ยยวี่หลัวตบแรงมาก นางจับใบหน้าข้างที่ร้อนผ่าว มองเซียวจื่อเซวียน พร้อมกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้ารู้ว่าเมื่อก่อนข้าทำเรื่องไม่ดีต่อเจ้าและพี่ใหญ่ของเจ้ามากมายนัก แต่ตอนนี้ข้าจะไม่ทำอีก ทุกสิ่งที่ข้าเคยกระทำและเคยกล่าวในอดีต ล้วนไม่ใช่เจตนาของข้าในตอนนี้ ข้าในตอนนี้กับข้าในอดีต ไม่ใช่คนเดียวกัน!”
นั่นเป็นสิ่งที่เซี่ยยวี่หลัวคนเดิมกล่าวไว้ ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับเซี่ยยวี่หลัวในตอนนี้!
เซียวจื่อเซวียนเบิกตากว้าง งุนงงจนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร เขาไม่เข้าใจ นางในตอนนี้กับนางในอดีตไม่ใช่คนเดียวกัน หมายความว่าอย่างไรกันแน่?