ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 3 บทที่ 62 บาดเจ็บที่มือ เซียวจื่อเซวียนปวดใจ
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 3 บทที่ 62 บาดเจ็บที่มือ เซียวจื่อเซวียนปวดใจ
มือของเซี่ยยวี่หลัวใกล้จะใช้การไม่ได้แล้วจริงๆ
หลังจากกลับถึงบ้าน แกะผ้าพันแผลที่ฝ่ามือออก จึงได้เห็นว่าตุ่มน้ำพองบางส่วนถูกบีบจนเปลี่ยนรูปแล้ว บางส่วนก็แตกแล้ว มีเลือดไหลออกมา ย้อมผ้าพันแผลจนกลายเป็นสีแดง
เจ็บเหลือเกิน!
ในภพที่แล้วเซี่ยยวี่หลัวยังไม่เคยเจ็บขนาดนี้มาก่อน
เพียงสัมผัสตุ่มน้ำพองเหล่านั้นก็เจ็บปวดถึงหัวใจ
แต่นางไม่ได้ให้เด็กๆ รู้ ก่อนจะรีบเปลี่ยนผ้าพันแผลผืนใหม่ที่สะอาด ห่อมือไว้อีกครั้ง ก่อนจะเริ่มทำงานต่อ
เพียงแต่ มีผ้าพันแผลพันอยู่เต็มมือ ตอนซาวข้าวจึงได้แต่ใช้ตะเกียบคนด้านใน ตอนผัดอาหาร นางพยายามจับด้ามไม้เบาๆ แต่ก็ยังเจ็บ
ท่าทางของนางดูไม่คล่องแคล่ว เซียวจื่อเซวียนเห็นเข้าพอดี จากนั้นจึงมองผ้าพันแผลในมือเซี่ยยวี่หลัว จู่ๆก็เข้าใจอะไรบางอย่าง
“พี่สะใภ้ใหญ่ มือของท่านเป็นอะไรไป? ” เซียวจื่อเซวียนลุกขึ้นด้วยความตกใจ จ้องมองมือของนางที่พันผ้าพันแผลไว้อย่างแน่นหนา
มือของพี่สะใภ้ใหญ่พันผ้าพันแผลไว้ตั้งแต่หลายวันก่อนแล้ว แต่เขาไม่เคยคิดเป็นอื่นเลย เพราะพี่สะใภ้ใหญ่บอกว่าพันผ้าพันแผลไว้ มือจะได้ไม่บาดเจ็บง่ายๆ เขาจึงเชื่อตามนั้น
แต่ตอนนี้ มือยังคงเป็นมือเดิม ทว่า ท่าทางกลับดูเงอะงะไร้พลัง ต่างจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
เซี่ยยวี่หลัวยิ้มอ่อน “ไม่เป็นอะไร อาจเพราะขุดดินจนมือเจ็บเล็กน้อย ไม่เป็นอะไร อีกสองวันก็หายแล้ว! “
เซียวจื่อเซวียนไม่เชื่อ “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านแกะออกให้ข้าดู! “
“แกะออกยุ่งยาก เดี๋ยวก็ต้องพันไว้อีก ยุ่งยากเกินไป! ” เซี่ยยวี่หลัวไม่ยอม
จู่ๆเซียวจื่อเซวียนก็จับมือของเซี่ยยวี่หลัวไว้
“จื่อเซวียน…”
“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านแกะออก ให้ข้าดู! ” เซียวจื่อเซวียนกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและเด็ดขาด
เซี่ยยวี่หลัวรู้ว่าคราวนี้ไม่อาจปิดบังได้อีก ได้แต่ตอบตกลง “เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะให้เจ้าดู แต่เจ้าห้ามพูดอะไร ห้ามบอกจื่อเมิ่ง! “
เซียวจื่อเมิ่งกำลังเล่นอยู่ภายในห้อง
เซียวจื่อเซวียนพยักหน้าด้วยความหนักแน่น
เมื่อเซี่ยยวี่หลัวแกะผ้าพันแผลออก เซียวจื่อเซวียนจึงเห็นว่ามือเล็กที่เดิมทีเรียวงาม บัดนี้กลับบวมเป่ง บนมือเต็มไปด้วยตุ่มน้ำพองเล็กบ้างใหญ่บ้าง บางตุ่มก็แตกแล้ว มีเลือดผสมกับน้ำไหลออกจากฝ่ามือ บางตุ่มยังไม่แตก แต่กลับถูกบีบอัดจนเปลี่ยนรูป อาจแตกได้ทุกเมื่อ
เซียวจื่อเซวียนเห็นแล้วรู้สึกกระวนกระวายใจ จับมือของเซี่ยยวี่หลัวด้วยอาการสั่นเทิ้ม
เซี่ยยวี่หลัวรู้ว่าเด็กคนนี้รู้สึกกลัว จึงรีบชักมือกลับ “ไม่เป็นอะไร ผ่านไปสองวันก็หาย! “
เซี่ยยวี่หลัวในอดีต หากมีเส้นผมหลุดร่วงแม้เพียงเส้นเดียวก็ทั้งร่ำไห้ทั้งโวยวาย แทบอยากให้คนทั้งโลกได้รู้ แต่ในตอนนี้ มือคู่นี้มีตุ่มน้ำพองขึ้นตั้งมากมาย นางกลับเก็บซ่อนปิดบังไม่ให้ใครเห็น ทั้งยังปลอบประโลมเขา
บอกว่าอีกไม่นานก็หาย!
เซียวจื่อเซวียนรู้สึกแสบจมูกขึ้นมา
จากนั้นจึงพุ่งพรวดออกจากประตูบ้านทันที
เซี่ยยวี่หลัวไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร จึงตะโกนเรียก “จื่อเซวียนเจ้าจะไปไหน” ไม่มีคนตอบนาง เขาวิ่งออกไปนานแล้วจนไม่เห็นแม้แต่เงา
เมื่อทำอาหารเย็นเสร็จ เซียวจื่อเซวียนจึงกลับมา
ในมือถือหญ้าสมุนไพรไว้กองหนึ่ง
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกอบอุ่นในใจ “เจ้าออกไปเก็บสมุนไพรให้ข้างั้นหรือ? “
ท้องฟ้าข้างนอกมืดสนิทแล้ว
เซียวจื่อเซวียนล้างสมุนไพรจนสะอาด จากนั้นจึงสับจนละเอียด “เมื่อก่อนข้าเห็นคนอื่นมีตุ่มน้ำพองขึ้นที่มือก็ใช้หญ้าสมุนไพรชนิดนี้ ใช้สองวันตุ่มน้ำก็จะหายไป”
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกอบอุ่นหัวใจยิ่งนัก “ขอบใจเจ้ามาก! “
มือของเซียวจื่อเซวียนที่กำลังพันแผลให้เซี่ยยวี่หลัวพลันหยุดชะงัก เหมือนจะไม่คาดคิดว่าเซี่ยยวี่หลัวจะขอบคุณเขา เขาช่วยทายาและพันแผลให้นางอย่างรวดเร็ว เซียวจื่อเมิ่งกระโดดโลดเต้นเข้ามา
เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้กล่าวอะไร
เซียวจื่อเซวียนนั่งอยู่ด้านหลังเตาไฟเพื่อใส่ฟืน ไม่ได้กล่าวอะไรเช่นกัน แต่สายตาของเขาคอยจับจ้องที่มือของเซี่ยยวี่หลัวอยู่ตลอด หากนางจะทำงานหนักอะไร เขาก็จะรีบชิงทำก่อน
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกอบอุ่นอยู่ในใจ
แม้จะเจ็บมือ แต่ในใจกลับอบอุ่น ต่อให้เจ็บเพียงใดก็รู้สึกไม่เจ็บแล้ว!
ยังดีที่กำจัดหญ้ารกในที่นาไปหมดแล้ว และกลับหน้าดินเรียบร้อย ตอนนี้เหลือเพียงแค่นำถั่วไปหว่านปลูกเท่านั้น
นี่ไม่ถือเป็นงานหนัก ช่วงสองวันนี้เซียวจื่อเซวียนช่วยทายาที่มือของเซี่ยยวี่หลัวตลอด จึงไม่เจ็บเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
ในที่สุดก็นำถั่วไปปลูกจนหมด
ตุ่มน้ำพองของเซี่ยยวี่หลัวก็หายไปหมดแล้ว กำลังค่อยๆตกสะเก็ด ส่วนเซียวเฉิงซานผู้นั้นก็ไม่เคยมาอีก เซียวจื่อเซวียนจึงผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอก
ในภายหลังได้ยินมาว่าเขาไปก่อกวนบ้านคนอื่นในหมู่บ้าน ทั้งกินทั้งดื่มอย่างไร้ยางอายอยู่หลายวัน เซียวจื่อเซวียนจึงโล่งใจ
เซียวเฉิงซานผู้นั้นมีความกล้าเพียงพูดปากเปล่าเท่านั้น เขายังไม่กล้ากระทำการบุ่มบ่าม
หว่านเมล็ดถั่วเสร็จ ก็ผ่านเดือนสอง เข้าสู่เดือนสาม
ตอนนี้เป็นช่วงฤดูฝนพลัม [1] ถ้าไม่ใช่วันฝนตกก็เป็นวันฟ้าโปร่ง หลังจากวันฟ้าโปร่ง อุณหภูมิก็สูงขึ้นเรื่อยๆ
ผักจี้ช่ายตามท้องนาก็แก่แล้ว มีดอกผลิบาน กินไม่ได้แล้ว
เวลานี้แสงอาทิตย์เจิดจ้า สรรพสิ่งตื่นขึ้น สรรพสัตว์ก็ทยอยกันตื่นจากการจำศีลในฤดูหนาว หลังจากทำงานในไร่นาจนเสร็จไปกว่าครึ่ง ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ล่าสัตว์เป็นพากันเข้าไปในภูเขา ล่าสัตว์เล็กจำนวนหนึ่งที่ตื่นจากการจำศีลนำกลับมาเป็นอาหารที่บ้าน
เซี่ยยวี่หลัวล่าสัตว์ไม่เป็น แต่ภพก่อนนางเคยเรียนรู้วิธีการวางกับดัก เพียงแต่ เรื่องอย่างการล่าสัตว์นั้นยากเป็นพิเศษ เซี่ยยวี่หลัวจึงไม่ได้คิดไตร่ตรองเรื่องนี้
นางพาเด็กสองคน เดินไปพลางมองหาไปพลาง ดูว่าบนเขามีผักป่าอะไรที่นำมากินได้บ้าง รวมทั้งมองหาปลาในแม่น้ำ
มีแม่น้ำก็มีปลา มีปลาก็มีอาหารให้กิน เซี่ยยวี่หลัวไม่เชื่อ ว่านางมีมันสมองที่เก็บความรู้ต่างๆไว้นับพันนับหมื่น ทั้งยังมีมือคู่ที่ขยันขันแข็งมากความสามารถ จะเลี้ยงดูตนเองและเด็กสองคนไม่ได้
เซี่ยยวี่หลัวพาเด็กสองคน เดินขึ้นเขาไป ข้างทางมีใบอ่อนที่กำลังแตกใบใหม่ เซี่ยยวี่หลัวเรียนเกษตรมา เคยค้นคว้าวิจัยด้านพฤกษศาสตร์มามาก แค่กวาดสายตามองดู พืชชนิดใดกินได้ชนิดใดกินไม่ได้ แค่มองนางก็รู้อย่างชัดเจน
ต้นไม้ในช่วงแรก ล้วนแต่เป็นพวกต้นสนและต้นหวาย กินไม่ได้ หญ้าในบริเวณรอบข้างก็ไม่มีชนิดที่สามารถนำไปทำอาหารได้ เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกหดหู่เล็กน้อยอย่างอดไม่ได้
บนเขาไม่มี เช่นนั้นก็ลองไปหาในแม่น้ำดู
เซียวจื่อเซวียนนำทางอยู่ด้านหน้า พวกเขาเดินตามเส้นทางที่ไม่เคยมีใครเดินผ่านเพื่อเดินไปยังริมแม่น้ำ
————————
เชิงอรรถ
[1] ฤดูฝนพลัม มีอีกชื่อเรียกคือ ฤดูฝนเอเชียตะวันออก หรือ ฝนเดือนห้า เป็นช่วงที่มีฝนตกชุกและตรงกับช่วงเวลาในการเก็บลูกพลัม จึงตั้งชื่อว่าฤดูฝนพลัม