ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 3 บทที่ 63 บนภูเขาด้านหลังมีของล้ำค่ามากมาย
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 3 บทที่ 63 บนภูเขาด้านหลังมีของล้ำค่ามากมาย
เส้นทางสายนี้ไม่มีคนเดินผ่าน เซียวจื่อเซวียนนำอยู่ด้านหน้า ถือท่อนไม้ไว้หนึ่งท่อนเพื่อเปิดทาง เซี่ยยวี่หลัวกลัวเซียวจื่อเมิ่งจะหกล้ม จึงแบกนางไว้ตลอด นางมองดูทางข้างหน้า แต่ก็ไม่ได้ละเลยต้นไม้ขนาดเล็กริมทางที่มีใบไม้สีเขียวมรกต
ใบไม้ของต้นไม้บางชนิดสามารถนำมาผัดเป็นอาหารได้ ยกตัวอย่างเช่น…
บนกิ่งเถาวัลย์เรียวยาวที่อยู่ตรงหน้า ใบไม้ที่ทั้งเขียวทั้งอ่อนนั่น คือใบอ่อนเก๋ากี้ไม่ใช่หรือ!
ใบอ่อนเก๋ากี้สามารถนำมาผัดน้ำมันกินได้!
เซี่ยยวี่หลัวเรียกให้เซียวจื่อเซวียนหยุดด้วยความตื่นเต้นดีใจ “จื่อเซวียน รีบมาดู”
เซียวจื่อเซวียนกลับมา “พี่สะใภ้ใหญ่ เป็นอะไรไป? ”
“รีบดูเร็ว ใบอ่อนเก๋ากี้ พวกเราเก็บกลับไปผัดกินได้! ” เซี่ยยวี่หลัววางเซียวจื่อเมิ่งลงด้วยความตื่นเต้น ก่อนไปเก็บใบอ่อนเก๋ากี้
เมื่อเซียวจื่อเซวียนเห็นใบอ่อนเก๋ากี้ จึงเอ่ยถาม “พี่สะใภ้ใหญ่ นี่คือผักหวานไม่ใช่หรือ? มันขมมาก! ”
ใบอ่อนเก๋ากี้มีรสขมจริง คนที่ชอบกินรสชาติแบบนี้จะชอบมาก ส่วนคนที่ไม่ชอบก็จะเกลียดมาก
แต่ใครให้เซี่ยยวี่หลัวชอบรสชาตินี้ล่ะ!
“ไม่เป็นอะไร กลับไปข้าจะทำให้พวกเจ้าชิมก่อน หากไม่ชอบจริงๆ เราก็ตากแห้งไว้ชงเป็นชาดื่มก็ได้ คลายร้อนดีต่อร่างกาย บำรุงตับและสายตา! ” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวด้วยท่าทางตื่นเต้นดีใจ
รอให้เซียวยวี่กลับมา หากอ่านตำรามากเกินไป สายตาไม่ดี ยังสามารถนำไปชงชา เพื่อบำรุงสายตาได้!
เมื่อเซียวจื่อเซวียนได้ยินว่านี่เป็นของดี จึงช่วยนางเก็บด้วย ที่นี่มีต้นเก๋ากี้สองต้น ตอนนี้เป็นช่วงแตกใบอ่อน ทั้งสองคนใช้เวลาสองเค่อ [1] ก็เก็บใบอ่อนจากทั้งสองต้นจนเกลี้ยง ได้มากว่าครึ่งตะกร้า
หลังจากเก็บใบอ่อนเก๋ากี้เสร็จ เซี่ยยวี่หลัวให้เซียวจื่อเซวียนจดจำสถานที่นี้ไว้ มีต้นเก๋ากี้ ย่อมมีผลเก๋ากี้ ถึงเวลาลองมาดูเก๋ากี้ เก็บกลับไปตากแห้ง แช่น้ำแล้วนำไปตุ๋นซุปได้ เป็นเครื่องบำรุงที่ไม่ต้องเสียเงิน
เมื่อเซียวจื่อเซวียนได้ยินว่าเก๋ากี้มีสรรพคุณมากถึงเพียงนี้ จึงสอดส่ายสายตามองดูรอบๆ จดจำสถานที่แห่งนี้ไว้
เก็บเสร็จแล้วทั้งสามคนจึงเดินไปข้างหน้าต่อ เดินจนใกล้ถึงริมแม่น้ำ ก็ไม่พบต้นเก๋ากี้อีก
แม่น้ำสายเล็กไม่กว้างมาก แต่ก็ไม่แคบเท่าไหร่ เซี่ยยวี่หลัวล้างมือ น้ำในแม่น้ำสายเล็กใสสะอาดจนเห็นก้นแม่น้ำ สามารถเห็นก้อนหินที่อยู่ด้านล่าง หินกรวดแต่ละก้อนถูกน้ำชะล้างจนผิวเรียบละเอียดแวววาว เซี่ยยวี่มีใจนึกสนุกขึ้นมา จึงเก็บหินกรวดทรงกลมสีขาวแวววาวดุจหยกที่มีรูปร่างแปลกประหลาดขึ้นมาหลายก้อน
“พี่สะใภ้ใหญ่ ปลา ปลา ปลา มีปลา…” เซี่ยยวี่หลัวกำลังเก็บหินกรวด ก็ได้ยินเซียวจื่อเมิ่งร้องตะโกนด้วยความตื่นเต้น
จากนั้นก็มีปลาความยาวประมาณหนึ่งนิ้วว่ายผ่านตรงหน้าเซี่ยยวี่หลัวไปหลายตัว เซี่ยยวี่หลัวไม่ทันได้มองอย่างชัดเจนด้วยซ้ำว่านั่นคือปลาอะไร ก็เห็นพวกมันว่ายผ่านไปแล้ว
มีปลาก็ดี
เซี่ยยวี่หลัวนำตะกร้าเปล่าออกมาหนึ่งอัน วางไว้ใต้ตำแหน่งที่ปลาว่ายผ่านเมื่อครู่ เพียงครู่เดียว ก็มีปลาอีกหลายตัวว่ายผ่านมา เซี่ยยวี่หลัวยกตะกร้าขึ้น จับได้หนึ่งตัว ปลาตัวหนึ่งดีดดิ้นไปมาอยู่ในตะกร้า เซี่ยยวี่หลัวทำซ้ำด้วยความตื่นเต้นยินดี
ในภายหลัง นางวางตะกร้าอีกหลายครั้ง ไม่ใช่เพราะไม่มีปลา แต่เป็นเพราะปลาเหล่านั้นไหวตัวทัน ทั้งยังว่ายไปตามน้ำอย่างรวดเร็ว เซี่ยยวี่หลัววนเวียนอยู่ริมแม่น้ำนานกว่าครึ่งชั่วยาม ก็จับปลาจี้ที่มีความยาวประมาณนิ้วหนึ่งได้ห้าตัวเท่านั้น
ทว่า เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้ท้อใจ
มีใบอ่อนเก๋ากี้ และมีปลาจี้ตัวเล็กอีกห้าตัว กลับไปต้มซุปปลาจี้ ทั้งหอมอร่อยและดีต่อร่างกาย ยังมีข้าวอีกคนละหนึ่งชาม ก็เพียงพอแล้ว
เมื่อเห็นว่าใกล้ถึงช่วงเที่ยง พวกเขาจึงกลับบ้าน เซี่ยยวี่หลัวคิดจะมาลองดูอีกครั้งในช่วงบ่าย
กลับถึงบ้าน เซี่ยยวี่หลัวล้างปลาจนสะอาด หลังจากอุ่นกระทะ จึงเหยาะน้ำมันเล็กน้อย ทอดปลาทั้งห้าตัวในน้ำมันครู่หนึ่ง ก่อนจะเทลงไปในน้ำที่เดือดแล้ว เคี่ยวไปเรื่อยๆ เมื่อเคี่ยวจนซุปปลากลายเป็นสีขาว กลิ่นหอมที่ลอยมาแตะจมูก ลอยตลบอบอวลอยู่เต็มห้องครัว ทั้งสามคนอยากกินจนน้ำลายแทบไหลออกมา
เพราะเป็นปลาจี้ ทั้งตัวเล็กและมีก้างจำนวนมาก เซี่ยยวี่หลัวมอบไข่ปลาทั้งหมดในท้องปลาให้เด็กสองคน เนื้อส่วนท้องของปลาไม่ค่อยมีก้าง เซี่ยยวี่หลัวล้างจนสะอาด เมื่อมั่นใจแล้วว่าท้องปลาไม่มีก้าง จึงคีบให้เด็กสองคน
แต่นางก็ยังรู้สึกเป็นห่วง “พวกเจ้ากินช้าๆ กินระวัง ไม่รู้ว่าเอาก้างออกหมดหรือยัง”
เด็กสองคนกล่าวขอบคุณพี่สะใภ้ใหญ่ด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ก่อนกินอย่างเอร็ดอร่อย
เพราะปลาเหล่านี้ถูกทอดด้วยน้ำมันก่อนแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีกลิ่นคาวแม้แต่น้อย ซุปปลาหอมหวน เนื้อปลาอ่อนนุ่ม อร่อยยิ่งนัก
หลังจากล้างใบอ่อนเก๋ากี้จนสะอาด เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้ใช้มันมาผัดมากเท่าไหร่ ด้วยเกรงว่าเด็กสองคนจะไม่ชอบรสขม เด็กสองคนแทบไม่ได้กิน ต่างก็ไม่ชอบเพราะรสชาติขม เซี่ยยวี่หลัวก็ไม่ฝืน กินใบอ่อนเก๋ากี้ที่เหลือกว่าครึ่งจานจนหมดคนเดียว
ทั้งสามคนมีข้าวคนละหนึ่งชาม ซุปปลาคนละสองถ้วย กินจนอิ่ม
หลังกินอาหารเที่ยง เซียวจื่อเซวียนยังคงไปล้างชาม เซี่ยยวี่หลัวและเซียวจื่อเมิ่งนำใบอ่อนเก๋ากี้ไปตาก
วางใบอ่อนเก๋ากี้ไว้ในกระด้งสะอาด ตากแดดไว้ เซี่ยยวี่หลัวมองดูลานหน้าบ้าน ลานหน้าบ้านถือว่าไม่เล็ก แต่ก็ไม่ใหญ่มาก จู่ๆนางก็นึกถึงด้านหลังตัวบ้าน นางยังไม่เคยไปดู มีแค่บางครั้งที่เปิดหน้าต่าง เห็นหญ้ารกขึ้นอยู่ด้านหลัง
เซี่ยยวี่หลัว “จื่อเมิ่ง เราข้ามไปด้านหลังบ้านได้หรือไม่? ”
เซียวจื่อเมิ่งพยักหน้า “ข้ามไปได้ ในห้องพี่รองมีประตูบานหนึ่ง! ”
เมื่อเปิดประตูบานนั้นในห้องเซียวจื่อเซวียน ก็มองไม่เห็นเลยว่าสวนหลังบ้านมีอะไรบ้าง
เพราะพื้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยหญ้ารก ไม่ต่างจากที่ร้างที่ยังไม่ถูกบุกเบิก ดูโทรมเสียยิ่งกว่าอะไร
เซี่ยยวี่หลัว “…”
นี่มันที่บ้าอะไรกัน มีหญ้ารกมากถึงเพียงนี้ ในนั้นคงไม่มีงูใช่ไหม?
เช่นนั้นทุกวันที่นางเปิดหน้าต่าง…
เซี่ยยวี่หลัวแค่ลองคิดดู ก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา ตอนนี้อากาศกำลังค่อยๆอุ่นขึ้น จะปิดหน้าต่างทุกวันก็ไม่ได้ เซี่ยยวี่หลัวอยากหาผ้าโปร่งที่ระบายอากาศและแสงลอดผ่านมาได้สักผืนหนึ่ง ตอกปิดหน้าต่างอย่างเร่งด่วน
หากมีงูเลื้อยเข้ามา เช่นนั้นก็จบกันแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวกลัวงู!
แม้จะกลัว หากมีงูจริง เซี่ยยวี่หลัวก็รู้ว่าไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ถึงอย่างไรในภูเขาลึก สถานที่ที่ไม่มีคน ต้องมีงูจำนวนมากแน่
เพื่อให้มีชีวิตรอดต่อไป ต่อให้รู้ว่ามีงูก็ได้แต่ฝืนเผชิญหน้า
แต่หากหักร้างถางพงที่ผืนหนึ่งในบ้านตัวเอง ปลูกผักเลี้ยงปลาล่ะ? แบบนั้นนางก็ไม่ต้องขึ้นเขาบ่อยนักไม่ใช่หรือ?
ดวงตาของเซี่ยยวี่หลัวเหมือนกำลังเปล่งประกายแสง
เซียวจื่อเซวียนล้างชามกับตะเกียบเสร็จแล้ว กำลังจะออกไป จึงมาบอกกล่าวกับเซี่ยยวี่หลัวที่สวนหลังบ้านก่อน “พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าจะออกไปแล้ว! ”
“เดี๋ยวก่อน…”
เซี่ยยวี่หลัวเรียกเขาไว้ “จื่อเซวียน พื้นที่ว่างด้านหลังนี่ เป็นของบ้านเรางั้นหรือ? ”
เซียวจื่อเซวียนมองดูสวนหลังบ้านที่เต็มไปด้วยหญ้ารก ก่อนพยักหน้า “เป็นของบ้านเรา”
ข้างๆไม่มีใครอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น ด้านหลังเต็มไปด้วยหญ้ารก ล้วนเป็นที่ของพวกเขา
เซี่ยยวี่หลัวกล่าวด้วยท่าทางยินดียิ่ง “เช่นนั้นพวกเราก็หักร้างถางพงที่ผืนนี้ด้วยแล้วกัน! ”
นางอยากปลูกผัก ปลูกดอกไม้ ทำให้ที่นี่กลายเป็นสวนดอกไม้หลังบ้าน แบบนี้ดีกว่าบ้านปูนที่อยู่อาศัยในยุคปัจจุบันมากทีเดียว มีสวนกว้างขนาดนี้ด้วย!
ความใฝ่ฝันตั้งแต่เด็กของนางคือการสร้างสวนดอกไม้ของตัวเอง นางอยากทำอะไรในนั้นก็ได้ ตอนนี้มีที่ดินที่ยังไม่ได้บุกเบิกผืนใหญ่ขนาดนี้ ก็คือสิ่งที่นางเฝ้าใฝ่ฝันมาตลอดไม่ใช่หรือ?
เมื่อเห็นท่าทางพี่สะใภ้ใหญ่ที่แสดงสีหน้าตื่นเต้นดีใจ เซียวจื่อเซวียนมองหญ้ารกอย่างไม่เข้าใจ พี่สะใภ้ใหญ่คิดอยากทำอะไร!
สิ่งที่เซี่ยยวี่หลัวคิดอยากทำนั้นมีมากมาย แต่ทั้งหมดนี้ต้องรอให้ที่บ้านไม่ขาดอาหารก่อน อาหารในบ้านใกล้จะหมดแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องออกไปหาอาหาร
เซี่ยยวี่หลัวพาเซียวจื่อเมิ่งและเซียวจื่อเซวียนออกไปพร้อมกัน
เชิงอรรถ
[1] เค่อ คือหน่วยวัดเวลาของจีน 1 เค่อ = 15 นาที