ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 3 บทที่ 64 พบโพรงกระต่าย
“พี่สะใภ้ใหญ่ ทำไมท่านถึงไม่นอนพักก่อน? ” เซียวจื่อเซวียนเห็นเซี่ยยวี่หลัวตามออกมาด้วย จึงรีบเอ่ยถาม
ช่วงก่อนหน้านี้ต้องหักร้างถางพงปลูกถั่ว เซี่ยยวี่หลัวจึงแก้นิสัยเดิมที่ต้องนอนกลางวันทุกวัน ตอนนี้ไม่ยุ่งขนาดนั้นแล้ว นางก็ยังไม่นอนงั้นหรือ?
เซี่ยยวี่หลัวโบกมือ “ไม่นอนแล้ว ไป พวกเราไปหาอาหารกันเถอะ! ”
รอให้ชีวิตในแต่ละวันดีขึ้นก่อนค่อยนอน หากตอนนี้ไม่พยายาม ก็จะไม่มีอะไรให้กินแล้ว
เซียวจื่อเซวียนขานตอบ รับตะกร้าในมือเซี่ยยวี่หลัวมาสะพายไว้ด้านหลัง
พวกเขามายังสถานที่จับปลาในช่วงเช้าอีกครั้ง เซี่ยยวี่หลัวอยากไปดูในบริเวณโดยรอบว่ายังมีอาหารอย่างอื่นที่กินได้หรือไม่ จึงให้เซียวจื่อเซวียนอยู่ริมแม่น้ำคอยจับปลาด้วยวิธีที่นางใช้เพียงลำพัง
ส่วนนางพาเซียวจื่อเมิ่งเดินไปรอบๆ
เซียวจื่อเซวียนเป็นห่วงพวกนาง “พี่สะใภ้ใหญ่ พวกท่านอย่าเดินไกลเกินไป”
เขากำลังเป็นห่วงนาง!
เซี่ยยวี่หลัวยิ้ม “รู้แล้ว พวกเราจะเดินดูรอบๆ ”
เซียวจื่อเซวียนก็ยิ้มเช่นกัน
เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้พาเซียวจื่อเมิ่งเดินไกลเกินไป เพียงเดินไปตามริมแม่น้ำ เดือนสามเป็นช่วงเวลาที่สรรพสิ่งตื่นขึ้น ผักป่าจำนวนไม่น้อยล้วนแตกใบอ่อน เซี่ยยวี่หลัวค้นหาตามพงหญ้าอย่างตั้งอกตั้งใจ คาดหวังว่าจะพบของอร่อยบ้าง
เพียงแต่ หลังจากค้นหาในบริเวณโดยรอบอยู่นาน ริมแม่น้ำก็ดูแล้ว ตรงตีนเขาก็ดูแล้ว บนเนินดินเต็มไปด้วยหญ้ารกขึ้นเต็ม แต่ไม่เห็นว่าจะมีของที่กินได้แม้แต่อย่างเดียว
เซี่ยยวี่หลัวจูงมือเซียวจื่อเมิ่งหาพื้นสะอาดเพื่อนั่งพัก
โค้งตัวก้มหน้าหาอยู่นานสองนาน เซี่ยยวี่หลัวเริ่มรู้สึกเหนื่อยแล้ว ทั้งสองคนเพิ่งนั่งลงดื่มน้ำไปไม่กี่คำ ทันใดนั้น ในพงหญ้าสีเขียวมรกตที่อยู่ไม่ห่างนักเหมือนจะมีตัวอะไรกระโดดเข้าไป
นั่นคือกระต่าย!
เซียวจื่อเมิ่งกำลังจะส่งเสียงอุทาน ก็ถูกเซี่ยยวี่หลัวปิดปากไว้ ก่อนกล่าวเสียงเบา “อย่าส่งเสียง! “
กระต่ายนั้นตื่นตัวมาก มีลมพัดหญ้าไหวแม้เพียงนิดเดียวก็จะรู้ตัว
เซียวจื่อเมิ่งรีบปิดปากไว้ เซี่ยยวี่หลัวขยับไปกระซิบข้างหูนาง “เจ้าย่อตัวอยู่ตรงนี้อย่าขยับ ข้าจะลองไปดู”
ที่นี่มีกระต่ายตัวใหญ่ถึงเพียงนี้ด้วย ไม่แน่ว่าระแวกนี้อาจมีโพรงกระต่าย
เจ้าตัวสีขาวดุจหิมะทำหูตั้งฟังความเคลื่อนไหวรอบด้าน หลังจากพบว่าไม่มีอันตรายใดๆ มันก็ย่อตัวลง กระโดดผ่านพงหญ้าแห่งหนึ่ง จากนั้นจึงหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เซี่ยยวี่หลัวย่องเข้าใกล้เงียบๆ เมื่อเห็นว่าข้างเนินดินตรงตีนเขาที่อยู่ข้างพงหญ้า มีพุ่มไม้เล็กปิดอยู่ ก็พบว่าด้านในมีโพรงอยู่หนึ่งโพรง
โพรงถูกขุดลึกลงไป บนดินโคลนตรงปากโพรงมีรอยเท้ายุ่งเหยิงจำนวนมาก แต่หากมองโดยละเอียด รอยเท้านั่นคล้ายกับดอกเหมยสามกลีบที่ยังไม่ได้ผลิบานโดยสมบูรณ์
รอยเท้ากระต่ายก็เป็นรูปทรงดอกเหมย!
นี่คือโพรงกระต่าย!
เมื่อค้นพบโพรงนี้ เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกตื่นเต้นยินดียิ่งนัก นางก็ไม่กล้าผลีผลาม รีบหาดินโคลนก้อนใหญ่ในระแวกนั้นปิดกั้นปากโพรงไว้ จากนั้นจึงโบกมือให้เซียวจื่อเมิ่ง ตะโกนโดยกดเสียงให้ต่ำ “รีบไปตามพี่รองของเจ้ามา บอกเขาว่าพวกเราพบโพรงกระต่าย”
เซียวจื่อเมิ่งได้ยินดังนั้น จึงรีบกระโดดลงไปด้วยความดีใจ สาวเท้าวิ่งไปทางเซียวจื่อเซวียนทันที
ส่วนเซี่ยยวี่หลัวก็ย่อตัวลง คอยเฝ้าดูปากทางเข้าโพรงกระต่าย ครุ่นคิดอยู่ตลอดว่าจะต้อนกระต่ายออกมาอย่างไร
กระต่ายขุดโพรงจะขุดลึกมาก นอกจากนั้นปากทางเข้าโพรงก็จะแคบ ภายในกว้างมาก ทางข้างในโพรงคดเคี้ยว ยื่นมือเข้าไปจับไม่ได้เลย
ต่อให้จับได้ก็อันตรายมาก หากมีศัตรูบุกรุกเข้าไปในโพรง กระต่ายก็กัดคนเป็น
เซี่ยยวี่หลัวนึกถึงวิดีโอและบทความเกี่ยวกับการจับกระต่ายที่นางเคยดู ภายในใจก็ค่อยๆคิดวิธีได้
ขุดหลุมหรือจุดควันไฟก็ได้
เซียวจื่อเซวียนได้ยินว่าพี่สะใภ้ใหญ่พบโพรงกระต่าย ก็รู้สึกตื่นเต้นมาก ทางเขาจับปลาได้สองตัวแล้ว เก็บตะกร้าเสร็จก็รู้สึกหดหู่เล็กน้อย
กระต่ายนั้นจับยากมาก ต่อให้พบโพรงกระต่ายแล้วจะทำอะไรได้ โพรงกระต่ายลึกมาก จับยากยิ่งนัก
เซียวจื่อเมิ่งจูงมือเซียวจื่อเซวียนวิ่งไป “พี่สะใภ้ใหญ่บอกให้ท่านนำของไปด้วย พี่สะใภ้ใหญ่บอกว่านางย่อมมีวิธี”
เมื่อได้ยินว่าพี่สะใภ้ใหญ่มีวิธี เซียวจื่อเซวียนก็รู้สึกตื่นเต้นยินดี รีบหิ้วข้าวของทั้งหมดวิ่งตามเซียวจื่อเมิ่งมา
เซี่ยยวี่หลัวยังย่อตัวเฝ้าอยู่ตรงปากทางเข้าโพรง!
นางกองดินโคลนจำนวนมากเพื่ออุดโพรงไว้ ป้องกันไม่ให้กระต่ายหนีไป
เมื่อครู่เซี่ยยวี่หลัวเห็นเพียงแวบเดียว นั่นเป็นกระต่ายสีขาวดุจหิมะทั้งตัว หากจับเป็นได้ แค่ขนก็สามารถขายได้ราคาดีแล้ว!
เซียวจื่อเซวียนวิ่งมา “พี่สะใภ้ใหญ่…”
เซี่ยยวี่หลัว “นำตะบันไฟมาด้วยหรือไม่? “
เซียวจื่อเซวียนพยักหน้า “นำมาด้วย”
ออกจากบ้านไม่รู้ว่าจะเผชิญกับอะไรบ้าง เซียวจื่อเซวียนจะพกตะบันไฟและมีดไว้ เผื่อใช้ในยามฉุกเฉิน
เซี่ยยวี่หลัว “ดี ให้ข้า พวกเจ้ารีบไปเก็บหญ้าแห้งมาเล็กน้อย เอาแบบที่เผาไหม้ได้ง่าย”
นางจะเผาหญ้าแห้งตรงหน้าโพรง หญ้าแห้งจะก่อให้เกิดควันขโมง เมื่อควันลอยเข้าไปในโพรงกระต่าย กระต่ายก็จะทนไม่ไหว จนต้องออกจากโพรง
สองพี่น้องนำหญ้าแห้งจำนวนมากมาให้เซี่ยยวี่หลัวอย่างรวดเร็ว เซี่ยยวี่หลัวนำดินโคลนที่ปิดโพรงไว้ออกอย่างระมัดระวัง นางกลัวว่ากระต่ายสัมผัสได้ถึงอันตรายแล้วจะหนีไป แต่กระต่ายตัวใหญ่นั่นไม่ได้ออกมา
หลังจากเซี่ยยวี่หลัวใช้ตะบันไฟจุดหญ้า ก็ใส่หญ้าแห้งที่ลุกไหม้เข้าไปในโพรง จากนั้นจึงใช้ปากเป่าอย่างต่อเนื่อง ควันที่เกิดจากการเผาหญ้าแห้งลอยเข้าไปในโพรง เซี่ยยวี่หลัวเพิ่มหญ้าแห้งอีกจำนวนหนึ่ง จากนั้นจึงนำตะข้องปากแคบแต่ด้านในกว้างมาอุดไว้ตรงปากโพรง
นางให้เซียวจื่อเซวียนค้ำด้านล่างของตะข้องไว้ แนบติดกับปากโพรงให้สนิท ส่วนเซี่ยยวี่หลัวก็มองผ่านช่องเล็กๆตรงปากทางเข้าโพรง เฝ้าสังเกตความเคลื่อนไหว
หลังจากหญ้าแห้งไหม้หมดแล้ว เซี่ยยวี่หลัวเห็นวัตถุสีขาวเคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว จากนั้น ก็มีเสียงแผ่วเบาดังขึ้นในตะข้อง เหมือนมีอะไรหล่นเข้าไป
จากนั้นจึงเป็นเสียงที่สอง เสียงที่สาม เสียงที่สี่ เซี่ยยวี่หลัวเห็นอย่างชัดเจน ว่าเป็นกระต่ายตัวเล็กสี่ตัว ตัวสุดท้ายที่ออกมา คือกระต่ายสีขาวดุจหิมะตัวใหญ่ที่เมื่อครู่นี้เซี่ยยวี่หลัวเห็นอยู่ด้านนอก มันก็มุดเข้าไปในตะข้องจนเกิดเสียง “แกร้ก” เสียงดังกว่าเมื่อครู่นี้เสียอีก
แม่กระต่ายให้ลูกกระต่ายหนีออกมาก่อน นางตามอยู่หลังสุด กระต่ายทั้งหมดน่าจะอยู่ในนี้แล้ว
เซี่ยยวี่หลัวรีบนำฝาปิดตะข้องมาปิดไว้ ยกตะข้องขึ้น มีเสียง “แกร่กแกร่ก” ดังอยู่ครู่หนึ่ง ตะข้องหนักกว่าเดิมไม่น้อย
เซี่ยยวี่หลัวแง้มฝาดูเล็กน้อย ก็เห็นกระต่ายสีขาวดุจหิมะอยู่เต็ม
“หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า…” เซี่ยยวี่หลัวลองนับดู รู้สึกตื่นเต้นดีใจเสียยิ่งกว่าอะไร “ลูกกระต่ายสี่ตัว กระต่ายตัวใหญ่อีกหนึ่งตัว”
เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งต่างก็รีบขยับเข้ามาดู กระต่ายขนสีขาวดุจหิมะ แต่ละตัวแววตาฉายประกายตื่นกลัว
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกดีใจยิ่ง “จื่อเซวียน กระต่ายนี่ขายได้หรือไม่? “
หากขายได้ กระต่ายนี่น่าจะขายได้เงินมากทีเดียว!
เซียวจื่อเซวียนกล่าวด้วยท่าทางตื่นเต้น “ขายได้ ขายได้! บ้านท่านปู่เซียวรับซื้อ! โดยเฉพาะตัวที่ยังมีชีวิต รับซื้อในราคาสูงมาก”
เซียวเหลียงมักจะแวะกลับมาที่หมู่บ้านสกุลเซียว บางครั้งหากคนในหมู่บ้านล่าสัตว์ป่ากลับมาได้ ก็จะนำไปขายให้ท่านปู่เซียว จากนั้นเซียวเหลียงก็จะนำไปขายที่ภัตตาคารในตัวเมือง
ตอนนี้เซียวเหลียงร่วมงานกับภัตตาคารที่อยู่ในตัวเมือง จึงขายสัตว์ป่าได้สะดวกมาก ทั้งยังได้ราคาไม่เลว เทียบกับการที่ชาวบ้านในหมู่บ้านนำไปขายในตัวเมืองเอง ก็ได้เงินน้อยกว่ากันไม่มากนัก แบบนี้ทั้งสะดวกทั้งขายได้เร็ว ทุกคนจึงชอบให้เซียวเหลียงไปขายต่อ
จับกระต่ายได้ห้าตัว เซี่ยยวี่หลัวดีใจเสียยิ่งกว่าอะไร แม้แต่เรื่องที่หาผักป่าไม่เจอก็ไม่คิดมากแล้ว
พวกเขาไปริมแม่น้ำอีกครั้ง จับปลายาวประมาณหนึ่งนิ้วได้อีกห้าถึงหกตัว อาศัยช่วงที่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน รีบกลับบ้านก่อน
หลังจากพวกเขากลับถึงบ้าน เซี่ยยวี่หลัวดูกระต่ายห้าตัวในตะข้อง จับกระต่ายสีขาวตัวใหญ่ออกมา กระต่ายหนักมาก เกรงว่าจะหนักสี่ถึงห้าจิน นอกจากนั้น กระต่ายตัวใหญ่เป็นสีขาวหิมะทั้งตัว ไม่มีสีอื่นปนแม้แต่น้อย หากจัดการหนังและขนให้ดี ก็สามารถขยายได้ราคาดีเช่นกัน
แต่เซี่ยยวี่หลัวจัดการหนังและขนไม่เป็น ได้แต่ปล่อยไป
ขายแบบที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็น่าจะขายได้ราคาดีเหมือนกัน!
กระต่ายน้อยสี่ตัวที่เหลืออยู่ในตะข้อง ปากเล็กสามกลีบขมุบขมิบ แหงนหน้ามองดูภายนอกตะข้อง สีขาวหิมะทั้งตัวไม่มีสีอื่นเจือปน ตัวกระต่ายทั้งอ้วนและกลม ดวงตาสีแดงดูสดใสน่ารัก เห็นแล้วก็รู้สึกชอบจนไม่อยากปล่อยไป
ดวงตาคู่โตของเซียวจื่อเมิ่งเปล่งประกายระยิบระยับขณะนำหญ้าที่ตัดมาป้อนให้กระต่ายน้อยกิน “เจ้ากระต่ายน้อย กินข้าวได้แล้ว…”
เซี่ยยวี่หลัวเห็นว่าเซียวจื่อเมิ่งชอบถึงเพียงนั้น จึงคิดอะไรบางอย่างได้ “จื่อเมิ่ง เราขายกระต่ายตัวใหญ่เสีย ส่วนกระต่ายน้อยสี่ตัวนี่เราเก็บไว้ให้เจ้าเลี้ยง ดีหรือไม่? “
เซียวจื่อเมิ่งแสดงสีหน้ายินดี “จริงหรือ? ข้าเลี้ยงพวกมันได้งั้นหรือ? “
“ได้แน่นอน เจ้าเลี้ยงกระต่ายเหล่านี้ไว้ รอให้เลี้ยงจนโต เราค่อยขาย แบบนี้จะได้ราคาดีกว่าขายกระต่ายตัวเล็กมาก! เจ้ายอมเลี้ยงไว้หรือไม่? “
“ข้ายอม ข้ายอม! พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าจะดูแลพวกมันอย่างดีแน่นอน! ” เซียวจื่อเมิ่งยิ้มจนเห็นแต่ฟันแทบไม่เห็นตา เซียวจื่อเซวียนก็รู้สึกดีใจ “พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าก็จะช่วยเลี้ยงกระต่ายกับจื่อเมิ่งด้วย”
“ได้ เจ้านำกระต่ายตัวนี้ไปขายที่บ้านท่านปู่เซียว จำไว้ ระหว่างทางอย่าให้คนอื่นเห็น หากเห็นเข้าก็อย่าบอกว่าเราจับได้อย่างไร เข้าใจหรือไม่? ” เซี่ยยวี่หลัวไม่รู้ว่าคนอื่นรู้วิธีจับกระต่ายแบบนี้หรือไม่ แต่หากไม่รู้ มีคนรู้น้อยลงหนึ่งคน ต่อไปนางก็จะจับกระต่ายเพิ่มได้อีกหนึ่งโพรง
ตอนนี้ยังไม่มีอะไรให้กิน เซี่ยยวี่หลัวยังไม่อาจแบ่งปันวิธีการจับกระต่ายของตัวเองได้
เซียวจื่อเซวียนย่อมเข้าใจ พยักหน้าพลางตอบรับ ใส่กระต่ายไว้ในตะกร้าก่อนจะรีบเดินไปบ้านท่านปู่เซียวอย่างรวดเร็ว
ระหว่างทางไม่ได้พบกับใคร เมื่อถึงบ้านท่านปู่เซียว ก็เห็นรถม้าคันหนึ่งจอดอยู่หน้าประตู ท่านอาเซียวเหลียงมาแล้ว
เซียวจื่อเซวียนเอ่ยเรียกท่านปู่เซียวและท่านอาเซียวเหลียงด้วยความตื่นเต้น เซียวเหลียงเดินออกมา เมื่อเห็นเซียวจื่อเซวียน จึงโบกมือ “จื่อเซวียนมางั้นหรือ? รีบเข้ามาเร็ว อาเอาขนมมาด้วย เข้ามากินสักสองชิ้น! “
เซียวจื่อเซวียนเข้าไป ไม่ได้รับขนมที่เซียวเหลียงยื่นให้ เพียงกล่าว “ท่านอาเซียวเหลียง ท่านรับซื้อสัตว์ป่าใช่หรือไม่? “
“รับสิ รับสิ! ” เซียวเหลียงกล่าว “เจ้าไปจับสัตว์ป่ามางั้นหรือ? “
เซียวจื่อเซวียนเปิดฝาตะกร้า กระต่ายสีขาวตัวใหญ่ที่ขนขาวดุจหิมะไม่มีสีอื่นปนแม้แต่น้อยกำลังกระโดดโลดเต้นอยู่ด้านใน
ยังมีชีวิตอยู่!
เซียวเหลียงเคยล่าสัตว์ เคยจับกระต่ายมาไม่น้อย และเคยรับซื้อกระต่ายมาไม่น้อย แต่กระต่ายตัวเป็นๆที่ไม่มีขนสีอื่นผสมเลยแบบตัวนี้ก็ถือว่าหาได้ยาก จึงแสดงสีหน้าตกใจระคนประหลาดใจ “เจ้าเป็นคนจับ? “
“พี่สะใภ้ใหญ่ของข้าเป็นคนจับ! ” เซียวจื่อเซวียนกล่าวด้วยท่าทางภาคภูมิใจ
“พี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้าเป็นคนจับ? ” เซียวเหลียงตกตะลึง ในห้วงภวังค์หวนคิดถึงสตรีผู้บอบบางที่พบคราวก่อน คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีความสามารถเช่นนี้ด้วย!
เขาไม่ได้ถามว่าจับมาได้อย่างไร เพียงกล่าวอย่างชื่นชม “กระต่ายนี่ไม่เลวเลย! กระต่ายที่สวยขนาดนี้ขายได้ราคาดีทีเดียว! “
เนื้อของมันสามารถนำไปขายที่ภัตตาคารได้ หลังจากแปรรูปหนังและขนแล้วสามารถนำไปขายที่ร้านรับซื้อขน ผืนเล็กเท่านี้ ปกติขายได้แค่ประมาณสิบอิแปะ แต่ผืนนี้ต่างกัน ผืนนี้ขนเป็นประกายเงางาม ทั้งยังเป็นสีขาวหิมะไม่มีสีอื่นปนแม้แต่เส้นเดียว อย่างน้อยราคาก็สูงขึ้นอีกหลายเท่าตัว!
ขนกระต่ายนั้นหาง่าย แต่ของดีเยี่ยมแบบนี้หาได้ยากนัก!