ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 4 บทที่ 108 นางเป็นเพียงตัวประกอบ
ในตะกร้าหวายขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างๆ มีผักใส่อยู่เต็มสิบห้าตะกร้า หนึ่งตะกร้าหนักยี่สิบกว่าจิน ตลอดช่วงเช้ารับซื้อผักตี้เอ่อได้สามร้อยกว่าจิน
ชั่งน้ำหนักผักตี้เอ่อ หนึ่งจานก็ต้องใช้หนึ่งถึงสองจินแล้ว
เมื่อรับซื้อผักตี้เอ่อเสร็จ เซี่ยยวี่หลัวและเซียวจื่อเซวียนไปรอรถม้าของเซียนจวีโหลวที่ปากทางเข้าหมู่บ้านด้วยกัน
เมื่อถึงหน้าหมู่บ้าน ก็เห็นรถม้าคันหนึ่งกำลังควบม้ามา เมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าหมู่บ้าน รถม้าจึงหยุดจอด คนผู้หนึ่งที่เซี่ยยวี่หลัวเคยพบครั้งหนึ่งกระโดดลงจากรถม้า
นั่นคือซ่งฝูที่เป็นบ่าวรับใช้ติดตามอยู่ข้างกายซ่งฉางชิงมาตลอด
ซ่งฝูกระโดดลงจากรถม้า ประสานมือคำนับเซี่ยยวี่หลัว “ฮูหยิน…”
เซี่ยยวี่หลัวชี้ไปยังบ้านด้านหน้าพร้อมกล่าว “พวกเรารับซื้อผักตี้เอ่อไว้แล้ว ครั้งนี้สามารถนำไปได้ทั้งหมด”
รถม้านำอยู่ด้านหน้า ซ่งฝูไม่ได้ตามเซี่ยยวี่หลัว ด้วยเกรงว่าตนเองจะสร้างความลำบากให้เซี่ยยวี่หลัวโดยใช่เหตุ
เมื่อถึงหน้าบ้านท่านปู่เซียว ซ่งฝูกระโดดลงจากรถม้า เมื่อเห็นตะกร้าที่มีผักใส่อยู่เต็มวางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ภายในตะกร้าล้วนแต่เป็นผักตี้เอ่อที่ล้างจนสะอาดแล้ว ซ่งฝูรู้สึกตกตะลึงในประสิทธิภาพการทำงานของเซี่ยยวี่หลัวเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้ คุณชายยังกังวลว่าในครั้งแรกเซี่ยยวี่หลัวจะรับซื้อได้แค่ประมาณหนึ่งร้อยจิน แต่เมื่อลองนับดู เซี่ยยวี่หลัวรับซื้อได้สามร้อยกว่าจิน
หักลบน้ำหนักของตะกร้า สามร้อยสิบสองจิน เซี่ยยวี่หลัวหักเศษสิบสองจินออก คำนวณได้เงินจำนวนหนึ่งตำลึงครึ่ง
ซ่งฝูพึงพอใจกับปริมาณและคุณภาพของผักตี้เอ่อเป็นอย่างมาก จึงไม่ทันสังเกตว่าเซี่ยยวี่หลัวใช้เวลาเพียงชั่วพริบตาก็คำนวณเงินสำหรับผักสามร้อยจินได้ เขาหยิบเงินออกจากกระเป๋าเงินตามสัญชาตญาณ
เมื่อสัมผัสได้ถึงน้ำหนักของเงินในมือ เซี่ยยวี่หลัวจึงยิ้มด้วยความยินดีจนคิ้วงามโก่งโค้ง แววตาดุจมีดวงดารากำลังเปล่งประกายวิบวับ
นางดีใจมาก รับซื้อจินละสามอิแปะ นางเสียเงินไปเก้าร้อยอิแปะ แต่ขายได้หนึ่งตำลึงครึ่ง ได้กำไรหกร้อยอิแปะถ้วน!
ซ่งฝูมองนางอย่างตั้งอกตั้งใจแวบหนึ่ง จากนั้นจึงเก็บคืนสายตา
ท่านปู่เซียวนั่งอยู่ตรงเก้าอี้โยก มองเซี่ยยวี่หลัวรับเงินด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
เมื่อวานเซี่ยยวี่หลัวบอกเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟังแล้ว ผักตี้เอ่อหนึ่งจินขายได้ห้าอิแปะ เซี่ยยวี่หลัวรับซื้อสามอิแปะ ท่านปู่เซียวยังรู้สึกว่านางให้มากไป
หากเป็นคนทั่วไป ให้สักสองอิแปะก็ถือว่าเยอะมากแล้ว ถึงอย่างไร ผักตี้เอ่อหนึ่งจินที่เก็บมาจากท้องนา ขึ้นเองตามธรรมชาติ ไม่ต้องเอาใจใส่ดูแลแม้แต่น้อย สามารถขายได้สองอิแปะก็ถือว่าเป็นราคาสูงแล้ว
ไข่ไก่เพิ่งฟองละหนึ่งอิแปะเท่านั้น
กลุ่มคนที่มาในช่วงเช้า บ้านใดบ้างที่ไม่ได้รับสามสิบถึงสี่สิบอิแปะ ถือว่าเป็นเงินจำนวนมาก ครอบครัวใดสามารถหาเงินได้มากถึงเพียงนี้ในหนึ่งวันบ้าง
ไม่ใช่เพราะเซี่ยยวี่หลัวให้พวกเขาหรอกหรือ!
หากไม่ใช่เพราะเซี่ยยวี่หลัว คนในหมู่บ้านใดจะหาเงินได้เร็วขนาดนี้!
นางกำลังช่วยให้คนในหมู่บ้านได้รับผลประโยชน์อยู่!
ยิ่งท่านปู่เซียวมองภรรยาเซียวยวี่ ก็ยิ่งรู้สึกว่าภรรยาของเซียวยวี่ผู้นี้ไม่ธรรมดา
ออกเงินอย่างใจกว้าง ทั้งยังมีมันสมอง ไม่ธรรมดาเสียจริง
หลังจากซ่งฝูให้เงิน จึงบอกต่อสิ่งที่ซ่งฉางชิงฝากบอกมา
“ผักตี้เอ่อที่เมื่อวานฮูหยินส่งไป เถ้าแก่ร้านข้าลองให้ลูกค้าประจำชิมดูแล้ว ต่างก็บอกว่ารสชาติไม่เลว เห็นว่าวันนี้จะมากินอีก”
พอซ่งฝูคิดถึงเหตุวุ่นวายอลหม่านเล็กน้อยที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ก็รู้สึกตื่นเต้น
เซียนจวีโหลวไม่ได้ครึกครื้นเช่นนี้มานานมากแล้ว ลูกค้าเจาะจงจะกินผักตี้เอ่อ นี่ถือเป็นสัญญาณที่ดี
เซี่ยยวี่หลัวยิ้มอย่างได้ใจ “วันนี้ต้องครึกครื้นยิ่งกว่าแน่นอน”
ซ่งฝูยังต้องไปส่งผักในตัวเมือง จึงจากไปอย่างรวดเร็ว เซี่ยยวี่หลัวนับเงินหนึ่งร้อยอิแปะ มอบให้ท่านปู่เซียว
ท่านปู่เซียวหรี่ตา “เจ้ากำลังทำอะไร? ”
เซี่ยยวี่หลัวกล่าวด้วยความจริงใจ “ท่านปู่เซียว พวกเราให้ท่านช่วยออกหน้า ก็ด้วยความจำเป็น วันนี้ท่านช่วยพวกเรามากขนาดนี้ ทั้งยังให้เรายืมสถานที่ นี่เป็นสิ่งที่ท่านสมควรได้เจ้าค่ะ”
หากให้คนในหมู่บ้านรู้ว่าความจริงว่านางเป็นคนรับซื้อผักตี้เอ่อ วันแรกจะรับซื้อได้มากเพียงนี้อย่างไรกัน ยิ่งไปกว่านั้น สตรีคนหนึ่งออกหน้าทำการค้า เกรงว่าผู้คนในหมู่บ้านคงตำหนินางอย่างหนัก
เซี่ยยวี่หลัวไม่เกรงกลัว ทว่ายังมีเซียวยวี่อยู่!
เซียวยวี่เป็นคนเรียนหนังสือ ให้ความสำคัญกับจารีตประเพณีรู้ผิดชอบชั่วดีเป็นที่สุด หากให้เขารู้ว่านางกำลังทำการค้า เกรงว่าคงเอาเรื่องนางถึงที่สุด
ถึงแม้เซี่ยยวี่หลัวไม่มีความคิดว่าในอนาคตจะอยู่กับเซียวยวี่ อย่างไรเสียในนิยายนางก็เป็นเพียงตัวประกอบ ไม่มีบทอะไร
ทว่า ก่อนที่นางจะออกจากหมู่บ้านสกุลเซียว ก็อย่าให้เซียวยวี่เกลียดชังนางจะดีกว่า!
ในภายภาคหน้าเซียวยวี่จะมีอำนาจล้นฟ้า ประหนึ่งสามารถปิดฟ้าด้วยมือเดียว ฐานะสูงส่งไม่มีผู้ใดทัดเทียม หากเขาเกลียดชังนาง นางต้องไม่ได้อยู่อย่างสงบสุขเป็นแน่
เหมือนว่าเซี่ยยวี่หลัวจะนึกถึงจุดจบอันน่าอนาถของตนเองที่เขียนไว้ในหนังสืออีกครั้ง ลูบลำคอตัวเอง ลำคอระหงเย็นวาบเล็กน้อย รู้สึกหนาวขึ้นมา
ท่านปู่เซียวพาดกล้องยาสูบไว้ที่เอว ส่งเสียงเย็นในลำคอทีหนึ่ง “เก็บไปซะ ข้าไม่ต้องการ! ”
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกวางตัวไม่ค่อยถูก “แต่ข้าต้องขอบคุณท่านเจ้าค่ะ! ”
“ขอเพียงเจ้าดีต่อเด็กสองคน อย่าทำเรื่องที่ผิดต่ออายวี่ ก็ถือเป็นการขอบคุณข้าได้ดีที่สุดแล้ว! ”
ท่านปู่เซียวรักใคร่เอ็นดูพวกเซียวยวี่สามคนจากใจจริง
เขาเข้าใจว่าเซี่ยยวี่หลัวไม่อยากติดค้างหนี้บุญคุณเขา
ท่านปู่เซียวรู้สึกว่าวาจาของตนเองดูหักหาญน้ำใจเกินไป จึงรีบกล่าวเสริม “ขณะนี้เจ้าดูแลเด็กสองคนได้ดีมาก พยายามต่อไป หากเจ้าอยากขอบคุณข้าจริง อาหารในตอนเช้าของเจ้าทำได้ไม่เลว พรุ่งนี้เช้าเจ้าทำมาให้ข้าอีก”
ผักตี้เอ่อผัดไข่ชามนั้น ท่านปู่เซียวยังรู้สึกว่ากินได้ไม่หนำใจเลย แม่หนูนี่ วันนี้ทำให้ท่านปู่เซียวรู้สึกว่าได้เปิดหูเปิดตาจริงๆ
เซี่ยยวี่หลัวยิ้ม “เจ้าค่ะ”
นางรู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก อคติที่ท่านปู่เซียวมีต่อนาง น่าจะหายไปจนสิ้นแล้ว
ซ่งฝูมุ่งตรงกลับไปยังเซียนจวีโหลว
เมื่อถึงสวนด้านหลัง ทางนี้เพิ่งรับผักทั้งหมดเสร็จสิ้น
ซ่งฉางชิงกำลังเก็บของ ซ่งฝูเรียกคนมายกของลง เพื่อชั่งน้ำหนักอีกครั้ง
“ไม่ต้องแล้ว” ซ่งฉางชิงโบกมือ “ให้คนยกของเข้าไปได้”
เขาเชื่อมั่นในความสามารถการทำงานของซ่งฝูมาก
งานที่เหลือย่อมมีเสี่ยวเอ้อและพ่อครัวในร้านเป็นคนทำต่อ ซ่งฝูตามอยู่ด้านหลังซ่งฉางชิง เข้าไปในห้องพิเศษที่อยู่บนชั้นสองของภัตตาคาร
ที่นั่นมีห้องหนึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนและที่ทำงานของซ่งฉางชิงโดยเฉพาะ ถึงแม้ว่าเวลาส่วนใหญ่เขาจะยืนอยู่ข้างโต๊ะเก็บเงินเพื่อคิดบัญชีและเก็บเงินก็ตาม
แต่เวลานี้ไม่มีลูกค้า ไม่จำเป็นต้องคิดบัญชีและเก็บเงิน ซ่งฉางชิงจึงเข้าไปในห้องพักของตนเอง
ซ่งฝูรายงานผลการทำงานวันนี้ให้ซ่งฉางชิงฟังอย่างละเอียด