ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 4 บทที่ 111 ร่างกายของท่านสำคัญกว่าอะไรทั้งสิ้น
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 4 บทที่ 111 ร่างกายของท่านสำคัญกว่าอะไรทั้งสิ้น
ครั้งนี้เซียวเหลียงหางานเก็บผักตี้เอ่อที่ดีขนาดนี้มาให้ เซียวไฉซุ่นตื่นแต่เช้ามืดไปเก็บผัก ก่อนออกบ้านในตอนเช้าก็ตระเตรียมอาหารทั้งวันสำหรับเด็กๆ ไว้ กว่าเขาจะกลับมาก็เป็นช่วงเกือบค่ำแล้ว
ต้าจ้วงและเสี่ยวฮวาอายุแปดขวบและหกขวบ ดูเซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่ง ก็อายุแปดขวบและหกขวบเช่นกัน ยังไปเก็บผักตี้เอ่อกับเซี่ยยวี่หลัวเพื่อหาเงิน เด็กบ้านเขากลับยังเล่นซนไปทั่ว ไม่เพียงไม่ลดภาระให้ที่บ้าน ทั้งยังก่อปัญหาให้ที่บ้านทุกวี่ทุกวัน
นั่นเป็นบุตรของตนเอง เขาและหลัวซื่อเลี้ยงดูจนกลายเป็นเช่นนี้ เซียวไฉซุ่นไม่มีอะไรจะพูด!
หลัวซื่อเองเดินไม่ไหว เห็นสามีของตนเองออกไปด้วยสีหน้าบึ้งตึง รู้ว่าเขารังเกียจตนเองแล้ว นางโมโหจนอยากกระโดดลุกขึ้นพุ่งพรวดไปตรงหน้าเซียวไฉซุ่นเพื่อพูดคุยกันให้รู้เรื่อง
ทว่าครั้งนี้นางทำไม่ได้ ทำได้เพียงทนดูเซียวไฉซุ่นออกไป ตัวนางนอนอยู่บนเตียงราวกับคนพิการก็มิปาน!
ต้าจ้วงและเสี่ยวฮวาไม่รู้ว่าในบ้านเกิดเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ รู้เพียงว่าเมื่อฟ้ามืด พวกเขาก็กลับบ้าน เข้าบ้านก็บ่นอุบว่าหิวแทบตายจะกินข้าวแล้ว
กลับไม่มีคนใดเลยคิดจะเข้าห้องครัวไปช่วยเซียวไฉซุ่น!
เด็กสองคนพุ่งพรวดเข้าไปในห้องของหลัวซื่อ พูดคุยกับหลัวซื่อ สภาพจิตใจของหลัวซื่อจึงดีขึ้นบ้าง นางแทบจะกัดฟันพูด “ต่อไปพวกเจ้าเล่นให้เต็มที่ อยากไปเล่นที่ใดก็ไปเล่น ไม่เกี่ยวอะไรกับเซี่ยยวี่หลัว! ”
เด็กสองคนหัวเราะคิกคักพร้อมบอกว่าได้
พวกเขาย่อมต้องไปเล่นอยู่แล้ว ที่แม่น้ำเย็นสบาย ในน้ำยังมีปลา สนุกเสียยิ่งกว่ากระไร!
ฟ้ามืดแล้ว หลังจากในหมู่บ้านครึกครื้นอยู่ชั่วครู่ ก็สงบเงียบลง แต่ละบ้านต่างทยอยดับไฟ ทั้งหมู่บ้านถูกความมืดมิดปกคลุม
มีเพียงดวงจันทร์บนท้องฟ้าที่ฉายแสงจันทร์ขาวผ่องสาดส่องลงมา และเสียงสุนัขเห่าหอนที่ดังจากบ้านของคนในหมู่บ้านเป็นครั้งคราว
ส่วนเมืองโยวหลันในยามนี้ กลับยังมีไฟสว่างไสว คึกคักกว่าปกติ
หลังจากส่งลูกค้ากลุ่มสุดท้ายเสร็จ ในที่สุดเซียนจวีโหลวที่ครึกครื้นมาตลอดวันก็เงียบสงบลง ซ่งฉางชิงหยิบสมุดบัญชีของวันนี้ คำนวณอยู่เกือบครึ่งชั่วยาม ในที่สุดก็คำนวณได้ตัวเลขผลประกอบการในวันนี้
วันนี้แค่ผักตี้เอ่อเพียงอย่างเดียว ก็ขายได้ห้าสิบกว่าตำลึง นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ซ่งฉางชิงมองดูตัวเลขที่ปรากฏอยู่บนลูกคิดที่เขาคำนวณได้ มุมปากค่อยๆ เผยรอยยิ้ม
ใครบ้างไม่ชอบให้กิจการดี ใครบ้างไม่ชอบผลกำไรเป็นกอบเป็นกำ!
หากเมื่อวานนี้ เขาปฏิเสธข้อเสนอของเซี่ยยวี่หลัว วันนี้กิจการอันรุ่งเรืองของเซียนจวีโหลว เกรงว่าคงต้องเป็นของคนอื่นเสียแล้ว
วันนี้เขายุ่งจนแทบไม่ได้พัก ถึงแม้จะเหนื่อยล้า แต่กิจการภัตตาคารไม่ได้รุ่งเรืองเช่นนี้มานานมากแล้ว ต่อให้ยุ่งกว่านี้ ซ่งฉางชิงก็รู้สึกว่าคุ้มค่า
ซ่งฉางชิงนวดคลึงหว่างคิ้วที่รู้สึกเมื่อยล้าเล็กน้อย ลุกขึ้นยืนมายืดเส้นยืดสายที่ริมหน้าต่าง เปิดหน้าต่างออก กระแสลมเย็นโบกพัดเข้ามา ช่วยให้ห้วงความคิดของเขาที่สับสนวุ่นวายปลอดโปร่งขึ้น
เวลานี้ก็ดึกแล้ว ในตัวเมืองเงียบสงบแล้ว ซ่งฉางชิงรู้สึกชื่นชอบช่วงเวลาเงียบสงบเช่นนี้ เขาก้มตัวลง วางแขนไว้ตรงขอบหน้าต่าง ทิ้งน้ำหนักร่างกายลงบนนั้น ชะโงกตัวออกไปกึ่งหนึ่ง ชมความเงียบสงบของตัวเมืองในยามนี้
บนถนนที่เจริญรุ่งเรือง โคมไฟสีแดงพลิ้วไหวตามสายลม ก่อให้เกิดแสงสว่างและเงามืดเป็นแห่งๆ บนถนนปราศจากผู้คน ช่างเงียบสงบนัก
ซ่งฉางชิงแหงนหน้ามองท้องฟ้า ดวงจันทร์เสี้ยวหนึ่งลอยล่องอยู่บนท้องนภา ช่างคล้ายรอยยิ้มของบางคนที่ยิ้มจนคิ้วงามโก่งโค้ง
เขาตวัดมุมปากขึ้นโดยไม่ทันรู้ตัวอีกครั้ง เพราะเหตุไรถึงมีคนที่ยิ้มได้ดูดีถึงเพียงนั้น!
ขณะที่ซ่งฝูเข้ามา ก็เห็นรอยยิ้มบางที่มุมปากซ่งฉางชิงเข้าพอดี นั่นเป็นรอยยิ้มที่มาจากใจอย่างแท้จริง
กี่ปีมาแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ซ่งฝูเห็นรอยยิ้มจากใจจริงเช่นนี้บนใบหน้าคุณชายของตนเอง
วันนี้กิจการไม่เลว คุณชายกำลังรู้สึกดีใจ!
ซ่งฝูก็รู้สึกดีใจ
กลับไปบอกให้ฮูหยินเฒ่าฟัง ฮูหยินเฒ่าดีใจ คุณหนูเยว่ก็ดีใจมาก!
“คุณชาย ข้าบอกฮูหยินเฒ่าแล้วว่าคืนนี้ท่านไม่กลับไป ท่านพักผ่อนเถอะขอรับ” ซ่งฝูเคาะประตูก่อนเดินเข้ามา พร้อมกล่าวเสียงเบา
ซ่งฉางชิงขานตอบ “ฮูหยินเฒ่านอนหรือยัง? ”
“นอนแล้วขอรับ คุณหนูเยว่ปรนนิบัติจนฮูหยินเฒ่านอนหลับ ข้ารอจนฮูหยินเฒ่าหลับแล้ว จึงกลับมาขอรับ” คุณชายและฮูหยินเฒ่าช่างเป็นแม่ลูกที่ผูกพันกันยิ่งนัก
เมื่อได้อาหารดีอย่างผักตี้เอ่อ คุณชายให้ห้องครัวผัดไว้สองที่ ตอนเช้าและตอนเย็นให้เขานำไปส่ง ทั้งยังให้เขาอยู่พูดคุยกับฮูหยินเฒ่า รอให้ฮูหยินเฒ่านอนหลับแล้วค่อยกลับมา
“ฮูหยินเฒ่ารู้ว่ากิจการของเซียนจวีโหลวรุ่งเรืองขึ้น รู้สึกดีใจเป็นพิเศษ จึงคุยกับข้าน้อยอยู่นาน ทั้งยังให้ข้าน้อยเตือนท่าน ว่ากิจการดี แต่ก็อย่าได้ละเลยสุขภาพร่างกายของตัวเอง ร่างกายของท่านสำคัญยิ่งกว่ากิจการ”
ซ่งฝูบอกต่อวาจาของฮูหยินเฒ่า
นายท่านจากโลกนี้ไปอย่างกะทันหัน คุณชายที่ไม่เคยทำการค้า รู้จักแต่เพียงเรียนหนังสือ ต้องรับช่วงสืบต่อกิจการใหญ่อย่างเซียนจวีโหลวอย่างไม่ได้ตั้งตัว จึงลุกลี้ลุกลนจนทำอะไรไม่ถูก เขายังไม่เคยเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องการทำกิจการ จากคนที่ไม่รู้อะไรแม้แต่น้อย จนถึงปัจจุบันนี้ที่มีความเจนจัด ต้องใช้เวลานานหลายปีทีเดียว
โดยเฉพาะการไกล่เกลี่ยเจรจา และการคิดคำนวณบัญชี คุณชายต้องใช้แรงกายแรงใจไปมาก และต้องตัดสินใจเป็นการใหญ่
ละทิ้งเส้นทางการเป็นขุนนาง เลือกเป็นพ่อค้าที่ถือว่ามีระดับต่ำที่สุดในสายอาชีพคนเรียนหนังสือ เกษตรกร ช่างฝีมือ และค้าขายทั้งสี่สายอาชีพ
ฮูหยินเฒ่ารู้สึกผิดมาก แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น เซียนจวีโหลวเป็นมรดกตกทอดจากบรรพชนของตระกูลซ่ง หากไม่มีเซียนจวีโหลว ตระกูลซ่งคงตกต่ำอย่างแท้จริง
ซ่งฉางชิงขานตอบทีหนึ่ง “ข้ารู้แล้ว เจ้าไปได้! ”
ซ่งฝูไม่ได้ไป ยกตะกร้าในมือขึ้นวางไว้บนโต๊ะ เปิดฝาออก หยิบถ้วยกระเบื้องเคลือบลายครามที่สวยประณีตออกมาใบหนึ่ง
“คุณชาย นี่คือน้ำแกงโสมที่คุณหนูเยว่ให้ข้าน้อยนำมา กำชับให้ข้าน้อยดูท่านดื่มขอรับ” ซ่งฝูยื่นส่งถ้วยให้ซ่งฉางชิงด้วยใบหน้ายิ้มกริ่ม
ซ่งฉางชิงขมวดคิ้วเบาๆ จนแทบไม่ทันสังเกตเห็น “ข้าไม่ชอบกินอาหารในยามดึก เจ้าเอาไปกินเถอะ! ”
“แต่ว่านี่เป็นน้ำแกงที่คุณหนูเยว่ต้มด้วยตัวเอง บอกว่ากลัวท่านจะเหนื่อยเกินไป ดื่มน้ำแกงโสมจะได้บำรุงร่างกายขอรับ” ซ่งฝูรู้ว่าคุณชายของตนเองเป็นคนเอาใจใส่สุขภาพมาก เมื่อถึงเวลากลางคืน นอกจากดื่มน้ำ ก็จะไม่ทานของอย่างอื่นอีก!
ดังนั้น คุณหนูเยว่ก็ไม่ได้ทำอาหารอย่างอื่น เพียงเคี่ยวน้ำแกงโสมเท่านั้น! นี่ก็เป็นแค่น้ำ เหตุใดถึงดื่มไม่ได้กัน!
“เจ้าเอาไปดื่มเถอะ ข้าจะพักผ่อนแล้ว! ” ซ่งฉางชิงกล่าวอย่างเด็ดขาด เขาถอดเสื้อออก เอนตัวนอนลงบนเตียงก่อนหลับตา
ซ่งฝูไม่กล้ากล่าวอะไรอีก ยกทั้งชามและตะกร้าอาหารออกไป ก่อนออกไปก็ดับไฟให้