ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 4 บทที่ 120 ซ่งฉางชิงคือใคร
เซี่ยยวี่หลัวผงะไป ซ่งฉางชิงคือใคร?
นางส่ายหน้าตามสัญชาตญาณ “ไม่รู้จักเจ้าค่ะ! “
ไม่รู้จัก?
เซียวเหลียงเองก็ผงะไป “ท่านพ่อข้าบอกว่า เจ้าทำการค้ากับเซียนจวีโหลว แล้วเจ้าจะไม่รู้จักซ่งฉางชิงได้อย่างไร! “
ซ่งฉางชิงจากเซียนจวีโหลว?
หรือจะเป็นคนผู้นั้น…
เซี่ยยวี่หลัวเพิ่งเข้าใจ “อ้อ ท่านหมายถึงท่านซ่งผู้นั้นหรือเจ้าคะ? “
“ใช่แล้ว! ” เซียวเหลียงแสดงสีหน้าฉงน “เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาชื่ออะไร แล้วเจ้าทำการค้ากับเขาได้อย่างไร! “
เซี่ยยวี่หลัวแย้มรอยยิ้ม “ข้าก็แค่โยนหินถามทาง เริ่มจากผัดผักตี้เอ่อให้เขาลองชิม พร้อมทั้งบอกบอกเขาว่าผักตี้เอ่อนี้มีคุณสมบัติล้างตับกรองปอด บำรุงสายตาและหัวใจ ผักชนิดนี้ต้องเป็นที่ชื่นชอบแน่ จากนั้นก็ตกลงเรื่องค้าขายกัน!”
เซียวเหลียงแสดงสีหน้าตกตะลึง “เจ้านี่นะ ช่างใจกล้าเสียจริง เจ้าไม่กลัวว่าซ่งฉางชิงจะคิดว่าเจ้าเป็นสายจากภัตตาคารอื่นแล้วไล่เจ้าออกมาหรือ เจ้ารู้หรือไม่ เมื่อก่อนก็เคยมีคนนำของไปที่เซียนจวีโหลว บอกว่าต้องได้รับความนิยมแน่นอน ซ่งฉางชิงก็ไล่ตะเพิดคนผู้นั้นออกไป”
ดังนั้น เซี่ยยวี่หลัวเป็นผู้มีความสามารถสูงจึงมีความกล้าหาญ!
“แต่ซ่งฉางชิงคงเห็นว่าผักตี้เอ่อของเจ้ามีจุดขายดี” เซียวเหลียงพยักหน้าไม่หยุด “ข้าอยู่ในตัวเมืองก็ได้ยินมาเหมือนกัน ว่าผักตี้เอ่อของเจ้าอร่อยนัก ท่านพ่อของข้าก็ชมไม่ขาดปาก ช่วงหลายวันที่รับไปอยู่ด้วย ก็คอยชมอยู่ทุกวันว่าเจ้าผัดผักตี้เอ่อได้อร่อย”
เซียวเหลียงรู้เพียงแค่เซี่ยยวี่หลัวกลายเป็นผู้จัดหาวัตถุดิบให้เซียนจวีโหลว ไม่รู้ว่าตอนแรกนางเพียงอยากขายสูตรทำผัดผักตี้เอ่อให้เซียนจวีโหลวเท่านั้น
“หากท่านอาเซียวเหลียงอยากทาน ถ้าอย่างไรก็มาทานอาหารมื้อเที่ยงกับท่านปู่เซียวสิเจ้าคะ ข้าจะผัดให้ท่านลองชิมดู! ” เซี่ยยวี่หลัวอ้างชื่อเขาเพื่อหาเงิน อย่างไรก็ต้องแสดงความขอบคุณบ้าง
เซียวเหลียงพยักหน้าตอบตกลงทันที “ได้ ข้าจะกลับไปบอกท่านพ่อ ใกล้เที่ยงพวกเราก็จะมา”
เมื่อเขาไปแล้ว เซี่ยยวี่หลัวจึงเริ่มเตรียมอาหารเที่ยง
ไม่มีเนื้อหมู แต่ต้องมีปลาแน่นอน ตุ๋นน้ำแดงสองตัว เคี่ยวน้ำแกงอีกสองตัว ผักตี้เอ่อผักไข่หนึ่งจาน ไข่ตุ๋นหนึ่งชาม ทำปริมาณมากหน่อย ก็น่าจะเพียงพอแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวเริ่มลงมือทำอาหาร
เซียวเหลียงกลับบ้านไปส่งข่าวให้บิดาตนเองด้วยความรู้สึกยินดี
ระหว่างทางก็พบหัวหน้าหมู่บ้านเซียวจิ้งยี่เข้าพอดี
“ท่านอา…” เซียวเหลียงกล่าวทักทาย
เซียวจิ้งยี่ไพล่มือไว้ด้านหลัง กล่าวกับเซียวเหลียง “กลับมารับซื้อผักตี้เอ่องั้นหรือ? “
ช่วงนี้ไม่ว่าใครพบเขาก็ต้องเอ่ยถามเช่นนี้ ต่อให้ไม่ใช่ก็ได้แต่ยอมรับว่าใช่ เซียวเหลียงพยักหน้า “ใช่แล้วขอรับ! “
ภายในใจก็พึมพำ หากให้คนในหมู่บ้านรู้ว่า ความจริงแล้วเซี่ยยวี่หลัวต่างหากที่เป็นคนรับซื้อผักตี้เอ่อมาตลอด เกรงว่าคงตกตะลึงกันแทบตาย
เขาเพียงคิดอยู่ในใจ ทว่าวาจาต่อจากนั้นของเซียวจิ้งยี่ ทำให้เซียวเหลียงตกใจแทบตาย
“ท่านอา ท่านอย่าพูดให้ข้าตกใจสิขอรับ ภรรยาเซียวยวี่บากหน้ามาประจบข้า เพื่อให้ได้เป็นอนุของข้า? สวรรค์ทรงโปรด! ใครกันที่กุเรื่องไร้สาระเช่นนี้ลับหลัง ข้าจะกระชากลิ้นคนนั้นออกมากินแกล้มสุราเสีย ภรรยาเซียวยวี่เพิ่งอายุเท่าไรเอง เป็นบุตรสาวข้ายังได้เลย เช่นนี้เท่ากับทำลายชื่อเสียงของนางไม่ใช่หรือ! ” เซียวเหลียงแสดงสีหน้าตกตะลึง บ่งบอกว่าไม่อาจเข้าใจได้เลย
เซียวจิ้งยี่เห็นว่าท่าทางตกตะลึงของเขาไม่เหมือนเป็นการแสร้งทำ “แล้วเหตุใดเจ้าไม่เลือกคนอื่น กลับเลือกภรรยาเซียวยวี่ไปช่วยงานเจ้าล่ะ? “
เลือกใครไม่เลือก กลับเลือกเซี่ยยวี่หลัว ด้วยรูปโฉมของเซี่ยยวี่หลัว เพียงแค่ยืนอยู่ที่ตรงนั้นก็ทำให้คนจินตนาการไปต่างๆ นานาแล้ว
เซียวเหลียงได้แต่ยิ้มขม เขาเป็นคนเลือกเซี่ยยวี่หลัวเมื่อไรกัน เซี่ยยวี่หลัวต่างหากที่เป็นฝ่ายเลือกเขา
“ไม่มีอะไรเป็นพิเศษขอรับ ก่อนเซียวยวี่จะไป ย้ำกำชับให้ข้าช่วยดูแลคนในครอบครัวเขาให้ดี ให้มาช่วยงานก็จะได้เงินบ้างไม่ใช่หรือ? ทั้งยังไม่เหนื่อยด้วย ภรรยาเซียวยวี่ที่เป็นสตรีก็สามารถทำได้” กล่าวจบ เซียวเหลียงก็รู้สึกขุ่นเคืองจนไฟโทสะโหมไหม้
ภรรยาเซียวยวี่ช่วยให้คนในหมู่บ้านได้เงินด้วยความหวังดี พวกเขากลับสร้างเรื่องว่าร้ายภรรยาเซียวยวี่เช่นนี้ มันน่าแค้นใจนัก
ที่เซียวเหลียงกล่าวมาล้วนเป็นความจริง เซียวจิ้งยี่ก็ไม่มีอะไรให้พูดอีก “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็สมควรจริงๆ แต่ละคนในหมู่บ้านไม่รู้จักทำงานทำการ เอาแต่กุเรื่องไร้สาระ เจ้าวางใจได้ เซียวเหลียง ต่อไปจะไม่มีข่าวลือไร้สาระเช่นนี้อีก! “
เซียวเหลียงกล่าวขอบคุณ ก่อนกลับบ้านไปด้วยอารมณ์โมโห บอกเล่าเรื่องที่เซียวจิ้งยี่คุยกับตนเองระหว่างทางกลับให้ท่านปู่เซียวฟังอย่างละเอียด
ท่านปู่เซียวในวัยหนุ่มก็เป็นคนอารมณ์ร้อน ได้ฟังก็แทบกระโดดขึ้น “เจ้าคนสารเลวคนไหนกันที่ไร้ศีลธรรมแล้วยังชั่วช้า เรื่องเช่นนี้ก็แต่งขึ้นมาได้”
เซียวเหลียงรู้ว่าบิดาของตนเองมีอุปนิสัยเช่นนี้ เขาเองก็โมโหเหมือนกัน “ขณะข้าได้ยินก็โมโหแทบตาย เซียนจวีโหลวให้นางแค่ห้าอิแปะ นางรับซื้อก็ให้ตั้งสามอิแปะ ตัวนางเองเอากำไรแค่สองอิแปะ หากเป็นข้า อย่างมากก็ให้แค่อิแปะเดียว! “
คนทำการค้ามีใครบ้างไม่คิดหาผลประโยชน์ ไม่หาผลประโยชน์จะทำการค้าได้อย่างไร เซียวเหลียงก็ไม่ใช่คนมีเมตตาอะไร ตัวเขาเองก็ต้องใช้จ่าย ย่อมต้องคิดว่าจะหาเงินเพิ่มได้อย่างไร
ภรรยาเซียวยวี่จิตใจดีเกินไป
ท่านปู่เซียวส่งเสียงเย็นในลำคอ “ฮึ หากให้ข้ารู้ว่าใครกุเรื่องขึ้น ต่อไปข้าจะไม่รับซื้อผักตี้เอ่อของนางอีก”
เซียวเหลียงขมวดคิ้ว คิดแผนบางอย่างได้ “ท่านพ่อ ผักตี้เอ่อยังคงต้องรับซื้อ รับเพิ่มได้หนึ่งจิน ภรรยาเซียวยวี่ก็ได้กำไรเพิ่มสองอิแปะ เพียงแต่ ในเมื่อคนพวกนี้กุเรื่องไร้สาระขึ้น จะไม่สั่งสอนเลยก็ไม่ได้! “
“สั่งสอน? สั่งสอนอย่างไร? “
เซียวเหลียงขยับไปตรงหน้าบิดาตนเองพร้อมกล่าวอะไรบางอย่าง ท่านปู่เซียวแววตาเป็นประกาย “เป็นความคิดที่ดี ตกลงตามนี้! “
เซียวเหลียงก็หัวเราะอย่างได้ใจ ภรรยาเซียวยวี่ไม่โมโห ไม่ได้หมายความว่าเขาก็ไม่โมโห วันนี้เขาไม่ต้องกลับพอดี พรุ่งนี้ช่วงรับซื้อผักตี้เอ่อ ต้องทวงคืนความเป็นธรรมให้ภรรยาเซียวยวี่
“ท่านพ่อ ภรรยาเซียวยวี่ให้พวกเราไปกินมื้อเที่ยง พวกเราจะยังไปหรือไม่? “
ท่านปู่เซียวเป่าหนวดเคราพลางถลึงตา “ทำไมจะไม่ไป? ไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย ไป ไป ต้องไปแน่นอน! ข้ายังอยากกินอาหารอร่อยที่นางทำอีก เจ้าหนุ่มอายวี่นี่ช่างมีลาภปากเสียจริง ได้ภรรยาที่ทำอาหารเก่งขนาดนี้! “
พอคิดว่าจะได้กินอาหารอร่อยที่เซี่ยยวี่หลัวทำ ยังไม่ถึงเวลาอาหาร ก็เร่งเร้าให้เซียวเหลียงไปแล้ว
เขาไม่ทันรู้ตัวเลย ว่าขณะนี้เขามองเซี่ยยวี่หลัวต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิงแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวเคี่ยวน้ำแกงปลา และทำปลาตุ๋นน้ำแดงเสร็จแล้ว
เด็กสองคน คนหนึ่งใส่ฟืน อีกคนจัดวางชามกับตะเกียบ ง่วนกับงานอย่างมีความสุข
เที่ยงวันนี้แสงแดดเจิดจ้า อากาศอบอุ่น เซี่ยยวี่หลัวให้เซียวจื่อเซวียนย้ายโต๊ะและเก้าอี้ไปยังลานหน้าบ้าน พวกเขาจะกินมื้อเที่ยงข้างนอก
ขณะที่สองพ่อลูกเซียวเหลียงมาถึง ประตูใหญ่ของลานหน้าบ้านแง้มอยู่เล็กน้อย มองผ่านช่องประตู ก็เห็นเซียวจื่อเซวียนกำลังจัดวางชามกับตะเกียบอย่างมีความสุข
“จื่อเซวียน…”
เซียวจื่อเซวียนรีบเปิดประตู เอ่ยเรียกท่านอาเซียวเหลียงกับท่านปู่เซียวอย่างว่าง่าย ก่อนจะเชิญพวกเขาเข้ามา เซี่ยยวี่หลัวได้ยินเสียงก็ตามออกมาทักทาย