ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 5 บทที่ 125 ล้วนเป็นอาหารที่แม่ครัวทำขึ้น
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 5 บทที่ 125 ล้วนเป็นอาหารที่แม่ครัวทำขึ้น
“คุณหนู คุณหนู…” จื่อเยียนพุ่งพรวดเข้ามา กอดกู้ซินเยว่ที่กำลังอยู่ในอารมณ์เสียใจสิ้นหวังพร้อมรีบอธิบาย “คุณชาย ท่านอย่าถือโทษคุณหนูเลยเจ้าค่ะ คุณหนูเพียงแค่คิดมากเกินไป ตั้งแต่นางมา ท่านก็ไม่ยอมกลับบ้านเลย ฮูหยินเฒ่าคิดถึงท่าน พูดถึงท่านทุกวัน นางจึงคิดฟุ้งซ่าน ว่าเป็นเพราะนางจึงทำให้ท่านไม่กลับบ้านหรือไม่ คุณหนูไม่อาจทนเห็นฮูหยินเฒ่าคิดถึงบุตรชายของนางทุกวันเจ้าค่ะ! “
กู้ซินเยว่กล่าวอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “จื่อเยียน เจ้าจะพูดเรื่องพวกนี้เพื่ออะไร ญาติผู้พี่เขารังเกียจข้า ไปกัน จื่อเยียน พวกเรากลับไปเก็บข้าวของ กลับไปประเดี๋ยวนี้เลย! กลับไปแล้วต่อให้โดนผู้อื่นข่มเหงรังแก ก็ยังดีกว่าอยู่ที่นี่แล้วโดนรังเกียจ! “
“คุณชาย ท่านเกลี้ยกล่อมคุณหนูด้วยเถอะเจ้าค่ะ! ” จื่อเยียนกอดกู้ซินเยว่ไว้ กล่าวด้วยความเจ็บปวดใจ “หากท่านไม่ยอมกลับไปอีก ไม่เพียงแค่ฮูหยินเฒ่าจะเสียใจ คุณหนูก็จะเสียใจเช่นกันนะเจ้าคะ! “
สีหน้าซ่งฉางชิงไม่มีความเปลี่ยนแปลง สะบัดแขนเสื้อออกจากห้องไป ก่อนเดินออกไป เพียงทิ้งคำพูดไว้หนึ่งประโยค
“พาคุณหนูของเจ้ากลับไปดีๆ ไปบอกฮูหยินเฒ่า ว่าคืนนี้ข้าจะกลับไปกินข้าว”
กล่าวจบ เขาก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองด้วยซ้ำ
กู้ซินเยว่ยังคงร้องไห้ จื่อเยียนกอดกู้ซินเยว่ หัวเราะพร้อมกล่าว “คุณหนู ท่านได้ยินหรือไม่เจ้าคะ? คุณชายบอกว่าคืนนี้จะกลับไป ท่านอย่าร้องไห้ อย่าร้องไห้เจ้าค่ะ”
เสียงร่ำไห้พลันหยุดชะงัก กู้ซินเยว่ที่ยังมีหยาดน้ำตาติดบนขนตาเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้นยินดี “ญาติผู้พี่กล่าวเช่นนั้นจริงหรือ? “
จื่อเยียนพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น “คุณหนู ท่านดูสิเจ้าคะ พอท่านร้องไห้ คุณชายก็ไม่อาจทนใจแข็ง แสดงว่าในใจเขา ท่านมีความสำคัญมากทีเดียว ที่เขากล่าวเช่นนี้ ก็เพราะไม่อยากให้ท่านกลับบ้านเดิมมิใช่หรอกหรือเจ้าคะ? “
กู้ซินเยว่รีบเช็ดคราบน้ำตาของตัวเองจนแห้ง ไม่เหลือความเศร้าเสียใจแม้แต่น้อย รีบเอ่ยถาม “เป็นอย่างไรบ้าง? เมื่อครู่ข้าร้องไห้จนน่าเกลียดเกินไปหรือไม่? “
“ไม่เลยเจ้าค่ะ คุณหนูของข้าเป็นคนที่งดงามที่สุดบนโลกใบนี้ ไม่มีใครเทียบท่านได้ คุณชายตอบตกลงว่าคืนนี้จะกลับไปกินข้าวแล้ว ท่านว่าเราควรรีบกลับไป บอกข่าวดีเรื่องนี้กับฮูหยินเฒ่า จากนั้นจึงเตรียมอาหารที่คุณชายชอบทานดีหรือไม่เจ้าคะ? “
กู้ซินเยว่หยุดร้องไห้และแย้มรอยยิ้มทันที รู้สึกยินดีเสียยิ่งกว่ากระไร “แน่นอน ไปกัน เรารีบกลับไป ข้าจะตระเตรียมอาหารอย่างดีให้เต็มโต๊ะ ทำให้ญาติผู้พี่ต้องประหลาดใจ! “
ซ่งฉางชิงอยู่ในห้องครัวดูพ่อครัวหั่นผัก ผักตี้เอ่อที่ล้างเสร็จแล้วมีสองถาดใหญ่ วางอยู่ข้างๆ ซ่งฉางชิงมองดูผักตี้เอ่อในถาดใหญ่ก็รู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมา ช่างตามติดไปได้ทุกที่ประหนึ่งเงาตามตัว
ครอบครัวตระกูลซ่งถือเป็นครอบครัวมีฐานะในเมืองโยวหลัน ตัวเรือนตั้งอยู่บนถนนที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในเมืองโยวหลัน
ที่ประตูมีโคมไฟสีแดงขนาดใหญ่แขวนอยู่สองอัน พลิ้วไหวตามสายลมยามค่ำคืน ประตูใหญ่สีชาดปิดสนิท เขาเพียงยกมือขึ้นเคาะประตูเบาๆ ประตูใหญ่ก็เปิดจากด้านใน เผยให้เห็นใบหน้าของคนเฝ้าประตูที่ยิ้มแย้มประหนึ่งดอกเบญจมาศ “คุณชาย ท่านกลับมาแล้วหรือขอรับ ฮูหยินเฒ่ากับคุณหนูเยว่รอท่านอยู่ตลอดเลยขอรับ! “
ซ่งฉางชิงขานตอบ ร่างสูงโปร่งสง่างามเดินอยู่ท่ามกลางม่านราตรีและสายลมอ่อนที่พัดโชยมา
ชุดยาวสีฟ้าครามโบกพลิ้วตามสายลมยามค่ำคืน ขับให้ร่างสูงดูเด่นสง่า สูงโปร่งประหนึ่งต้นไผ่
กู้ซินเยว่วางอาหารจานสุดท้ายลงบนโต๊ะ ฮูหยินเฒ่ากู้เห็นนางยุ่งมาทั้งวัน เพื่อตระเตรียมอาหารรสเลิศโต๊ะนี้ จึงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ลำบากเจ้าแล้ว ยุ่งมาแทบทั้งวัน”
อาหารส่วนใหญ่บนโต๊ะล้วนเป็นของที่ฉางชิงและนางชอบกิน ลำบากเด็กคนนี้แล้ว ภายในใจคิดถึงแต่ความชอบของพวกเขา
กู้ซินเยว่ซับเหงื่อบนหน้าผาก ยิ้มพร้อมกล่าว “ยากนักที่ญาติผู้พี่จะได้กลับมากินข้าวสักหน ไม่ง่ายเลยที่ได้อยู่กันพร้อมหน้า ต่อให้ยุ่งกว่านี้ ก็เป็นสิ่งที่ข้าสมควรทำเจ้าค่ะ เพียงแต่ไม่รู้ว่า ญาติผู้พี่จะชอบรสชาติอาหารหรือไม่”
นางวางตัวอย่างเหมาะสมและดูใจกว้าง น้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยก็อ่อนโยนดูเอาใจใส่ ไม่เหลือเค้าร่ำไห้โวยวายอย่างสิ้นหวังที่ภัตตาคารในช่วงเช้าแม้แต่น้อย
ขณะซ่งฉางชิงเข้าไป เพียงเอ่ยเรียก “ท่านแม่” ด้วยน้ำเสียงเรียบสงบ
กู้ซินเยว่เห็นซ่งฉางชิงเข้ามา แววตาก็ลุกวาว
เมื่อฮูหยินเฒ่ากู้เห็นบุตรชายที่ไม่ได้พบมาระยะหนึ่ง ก็ดีใจจนออกนอกหน้า “เฝ้ารอคอยมาเนิ่นนาน ในที่สุดก็เฝ้ารอจนเจ้ากลับมา วันนี้ซินเยว่กลับมาจากภัตตาคารบอกว่าคืนนี้เจ้าจะกลับมากินข้าว ข้ายังนึกว่านางหลอกข้าเพื่อให้ยายแก่อย่างข้าดีใจเสียอีก คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นความจริง! “
ซ่งฉางชิง “ไม่ได้กลับมาเยี่ยมท่านแม่หลายวัน ลูกอกตัญญูนัก! “
“เด็กโง่ ใครโทษเจ้ากัน ที่ภัตตาคารงานยุ่ง แม่รู้ดี นี่ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเจ้าดูแลเซียนจวีโหลวได้เป็นอย่างดี แม่เข้าใจเจ้า แม่ไม่เคยโทษเจ้าเลย แต่ต่อไป ไม่ว่าเจ้าจะยุ่งเพียงใด ก็ต้องหาเวลาว่างกลับมา หากแม่คิดถึงเจ้า ตามเจ้ากลับมาไม่ได้ ข้าก็จะให้ซินเยว่ไปตามเจ้ากลับมา” ฮูหยินเฒ่ากู้แสดงสีหน้าปลาบปลื้มยินดี
สายตามองกู้ซินเยว่ทีมองซ่งฉางชิงทีก่อนยิ้มจนแก้มปริอย่างมีลับลมคมใน
นางคิดว่าที่ซ่งฉางชิงยอมกลับมา เป็นความดีความชอบของกู้ซินเยว่
กู้ซินเยว่ไม่เข้าใจนัก เพียงเอ่ยเรียก “ท่านป้า” ด้วยท่าทีขวยเขิน จากนั้นจึงก้มหน้าลงด้วยความเหนียมอาย
ซ่งฉางชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย
ทั้งสามคนนั่งลงตรงโต๊ะ
อาหารบนโต๊ะ ล้วนเป็นอาหารที่ปกติซ่งฉางชิงชอบกิน รวมถึงอาหารที่ฮูหยินเฒ่ากู้ชอบกิน
“อาหารบนโต๊ะนี้ ตั้งแต่ซินเยว่กลับมาก็เริ่มเตรียมอยู่ในห้องครัวตลอด เตรียมมาแทบจะทั้งวัน จึงได้อาหารมากมายขนาดนี้ เจ้าดูสิ ที่อยู่ตรงหน้าเจ้าล้วนเป็นอาหารที่เจ้าชอบกิน ส่วนตรงหน้าข้าล้วนเป็นอาหารที่ข้าชอบ แม่หนูซินเยว่ช่างเอาใจใส่นัก ข้าขอบอกก่อน นางไม่ได้ถามข้าแม้แต่คำเดียว นางจดจำความชอบของเจ้าจนขึ้นใจเชียว! “
ภายในใจฮูหยินเฒ่ากู้รู้สึกดีใจเป็นที่สุด มองดูบุตรชายของตนเองที่นั่งอยู่ซ้ายมือ และหลานสาวของตนที่นั่งอยู่ทางขวามือ ไม่แน่ว่าปีหน้า บนโต๊ะอาหารอาจมีเจ้าตัวเล็กเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนก็เป็นได้
ซ่งฉางชิงเอาแต่ก้มหน้ากินข้าว ฮูหยินเฒ่ากู้พูดคุยกับกู้ซินเยว่ กู้ซินเยว่เอาอกเอาใจฮูหยินเฒ่ากู้จนเบิกบานใจเสียยิ่งกว่ากระไร
“ฉางชิง เจ้าก็อย่าเอาแต่ก้มหน้ากินข้าว ลองวิจารณ์บ้าง ว่าอาหารเหล่านี้ของซินเยว่เป็นอย่างไรบ้าง? ” เมื่อฮูหยินเฒ่ากู้เห็นว่าบุตรชายของตนเอาแต่กินข้าวไม่พูดคุยอะไร จึงรีบสะกิดเขาทีหนึ่ง พร้อมบอกให้เขาออกความเห็นเกี่ยวกับอาหาร แต่ก็เหมือนให้บอกความรู้สึกที่มีต่อกู้ซินเยว่
กู้ซินเยว่จ้องมองซ่งฉางชิงด้วยความตื่นเต้น กัดริมฝีปาก แสดงสีหน้าเขินอายและเฝ้ารอคอย
เมื่อครู่ซ่งฉางชิงดื่มน้ำแกงไปหลายคำ และกินอาหารไปหลายคำ
ไม่ได้อร่อยมาก และไม่ได้โดดเด่นอะไร รสชาติเหมือนอาหารที่ทำกินตามบ้านทั่วไป
ถึงอย่างไรเซียนจวีโหลวก็เป็นภัตตาคารอันดับต้นๆ ของเมืองโยวหลัน รสชาติอาหารย่อมดีเยี่ยม
และอาหารที่อยู่ตรงหน้า…
รสชาติไม่ต่างจากอาหารที่เขากินมาสิบกว่าปี
เห็นได้ชัดว่าแม่ครัวเป็นคนทำ
ซ่งฉางชิงใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดมุมปากที่ไม่มีคราบอาหารติดอยู่ กล่าวอย่างเรียบสงบ “ไม่เลว”
ไม่เลวอย่างไร เขาไม่ได้พูด