ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 5 บทที่ 138 หลัวไห่ตี้หายไป
น้ำในปากเซี่ยยวี่หลัวแทบพุ่งออกมา “โตจนป่านนี้? พูดเหมือนเจ้าโตมากอย่างไรอย่างนั้น อย่าว่าแต่ก้อนเงินเลย ต่อไปก้อนทองใหญ่เท่านี้ ข้าก็สามารถนำกลับบ้านได้! “
เงินยี่สิบตำลึงจะแค่ไหนเชียว ความคาดหวังของพี่สะใภ้ใหญ่คือหมื่นตำลึงทอง ที่นาพันฉิ่ง* (*หน่วยวัดพื้นที่ของจีน โดย 1 ฉิ่ง เท่ากับ 66,666.67 ตารางเมตร)
แน่นอนว่า นี่ก็เป็นเพียงความคิดของเซี่ยยวี่หลัว นางไม่ได้มีอุดมการณ์ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนั้น แค่มีชีวิตที่ดี มีเงินพอใช้ก็เพียงพอแล้ว
แค่มีชีวิตอยู่รอดปลอดภัยก็พอแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวเก็บเงินไว้ในตู้พร้อมใส่กุญแจไว้ ภายในใจรู้สึกดีใจเสียยิ่งกว่ากระไร ในบ้านมีเงินแล้ว ไม่ขาดแคลนอะไรอีก ขอเพียงฮวาหม่านยีและห้องหนังสือซานเว่ยดำเนินกิจการอย่างตั้งใจ ผลกำไรเดือนหน้ามีแต่จะมากกว่านี้ ไม่มีทางน้อยลง อย่างน้อยตอนนี้ก็ไม่ขาดเงินแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกยินดียิ่งนัก
ช่วงเที่ยงทำหมูตุ๋นน้ำแดงหนึ่งจิน หุงข้าวหนึ่งหม้อ แล้วจึงผัดผักหนึ่งจาน ต้นกล้าถั่วลันเตาในสวนหลังบ้านสูงขึ้นมากแล้ว ต้นอ่อนนุ่มสีเขียวสด หลังจากอุ่นกระทะจนร้อน ใส่น้ำมันหมูที่เคี่ยวไว้ลงไปหนึ่งช้อน เทยอดถั่วลันเตาสีเขียวมรกตลงไป เกิดเสียง “ซ่า” ดังขึ้น ผัดจนสุกพอประมาณ จึงใส่เกลือเพิ่มรสชาติ ยอดถั่วลันเตาสีเขียวมันวาวหนึ่งจานก็เสร็จแล้ว
หมูตุ๋นน้ำแดงหนึ่งจาน ผัดยอดถั่วลันเตาหนึ่งจาน แต่ละคนมีข้าวหุงอีกคนละหนึ่งชาม ตักน้ำที่ได้จากหมูตุ๋นน้ำแดงมาคลุกข้าวกินจนปากของเซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งเต็มไปด้วยคราบน้ำมัน กินข้าวหุงคนละสองชามจึงอิ่ม วางชามกับตะเกียบลง ต่างก็พึงพอใจเสียยิ่งกว่ากระไร
หลังกินมื้อเที่ยง เซี่ยยวี่หลัวไปสวนหลังบ้าน
กุหลาบเลื้อยที่ย้ายมาปลูกมีดอกตูมขึ้นมาไม่น้อยแล้ว ดอกตูมบางดอกมีขนาดใหญ่ อีกสักสามถึงสี่วันก็จะผลิบานแล้ว ดอกตูมพุ่มแล้วพุ่มเล่า หากผลิบานทั้งหมด คาดว่าที่นี่คงงดงามประหนึ่งแดนสวรรค์เลยทีเดียว
เซี่ยยวี่หลัวตัดกิ่งไม้และใบไม้ที่เหี่ยวออก จากนั้นจึงกำจัดวัชพืชในสวนหลังบ้าน ต้นมะเขือยาวมีขนาดยาวเท่านิ้วมือสองนิ้วแล้ว อีกระยะหนึ่งก็สามารถผลิดอกออกผล ต้นพริกโตเร็วกว่าเล็กน้อย มีหลายต้นที่ผลิดอกแล้ว บางต้นก็มีพริกสีเขียวขนาดเล็กออกมา อีกสักสิบกว่าวัน ก็สามารถเด็ดมากินได้
เซี่ยยวี่หลัวมองดูภายในสวนหลังบ้านด้วยความพึงพอใจ ดอกกุหลาบเลื้อยจะบานแล้ว ผักต่างๆ ก็กำลังจะออกผล ปลาในบ่อน้ำก็โตขึ้นไม่น้อย ทุกอย่างกำลังดำเนินไปในทิศทางที่ดีขึ้น
ชีวิตเช่นนี้ ช่างดีเสียจริง
นางหรี่ตามองดูสวนหลังบ้านที่บัดนี้เต็มไปด้วยดอกไม้และสีสันมากมาย ภายในใจรู้สึกดียิ่งนัก
ขาของหลัวไห่ฮวาดีขึ้นมาก สามารถค้ำโต๊ะเพื่อเคลื่อนไหวไปมาได้แล้ว งานล้างผักซักผ้าในบ้านนางล้วนต้องทำ อย่างไรเสีย นั่งแล้วก็ไม่ขยับเขยื้อนไปไหนอีก
ต้าจ้วงและเสี่ยวฮวากินข้าวเสร็จแล้วก็วิ่งเล่นจนไม่เห็นแม้แต่เงา หลัวไห่ฮวาเขย่งขาเดียวไปอยู่ข้างอ่างน้ำเพื่อซักเสื้อผ้าสกปรกของเด็กสองคน
จู่ๆ นางก็คลำเจอของบางอย่างจากเสื้อของต้าจ้วง เมื่อหยิบออกมาจากกระเป๋าเพื่อดู หลัวไห่ฮวาก็ผงะไป
เวลานี้เอง ต้าจ้วงวิ่งซนจนเหงื่อโชกกลับมาจากข้างนอก กลับมาก็ตะโกนเสียงดัง “ท่านแม่ ท่านแม่ ข้าจะกินน้ำ ข้าจะกินน้ำ ท่านรีบรินน้ำให้ข้า! “
เอาแต่ใจโดยไม่คำนึงถึงเรื่องที่หลัวไห่ฮวาเคลื่อนไหวไม่สะดวกแม้แต่น้อย
หลัวไห่ฮวาพยายามค้ำโต๊ะข้างๆ ต้าจ้วงไม่มองด้วยซ้ำ เพียงเร่งเร้าหลัวไห่ฮวาไม่หยุด
ไม่ง่ายเลยกว่าหลัวไห่ฮวาจะลุกขึ้นยืนได้ เขย่งเท้าข้างหนึ่ง รินน้ำให้ต้าจ้วงหนึ่งถ้วย
เซียวต้าจ้วงแย่งถ้วยไป ก่อนดื่มอึกๆ
หลัวไห่ฮวานำสร้อยคอในมือออกมาพร้อมถามเขา “ต้าจ้วง สร้อยคอเส้นนี้เจ้าเอามาจากไหน? ”
เซียวต้าจ้วงดื่มน้ำจนหมด “ข้าเก็บได้ข้างนอก! ”
“เก็บได้จากข้างนอก? ” หลัวไห่ฮวาไม่เชื่อคำพูดนี้ “สร้อยเส้นนี้เป็นของท่านน้าเจ้า สร้อยคอของเขา เจ้าเก็บได้จากที่ไหน? ”
ต้าจ้วงเอียงคอครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนกล่าว “ข้าเก็บได้จากรั้วไม้บ้านเซียวเฉิงซาน”
เซียวเฉิงซาน?
หลัวไห่ตี้และเซียวเฉิงซานเป็นเพื่อนกินเพื่อนเที่ยวกัน ทั้งสองคนมักจะเที่ยวเล่นด้วยกัน สร้อยเส้นนี้อยู่ที่บ้านเซียวเฉิงซานก็ไม่แปลก เพียงแต่…
หากหลัวไห่ตี้มาหมู่บ้านสกุลเซียว เหตุใดถึงไม่มาหาตนเองเล่า?
หลัวไห่ฮวาคิดไม่ตก ให้ต้าจ้วงลองไปถามเซียวเฉิงซาน คำตอบที่ได้คือหลัวไห่ตี้กลับบ้านนานแล้ว ไม่อยู่
กลับบ้านไปแล้ว ไม่เอาสร้อยแล้วงั้นหรือ?
ต้องรู้ว่าสร้อยเส้นนี้ในอดีตบิดามารดาของพวกเขาสั่งทำขึ้นเพื่อพวกเขาสามพี่น้องโดยเฉพาะ เป็นเงินแท้ทั้งเส้น ถือว่ามีราคามากทีเดียว!
หากไม่ใช่เพราะนี่เป็นของดูต่างหน้าเพียงหนึ่งเดียวที่บิดามารดาของพวกเขาทิ้งไว้ หลัวไห่ตี้คงนำสร้อยเส้นนี้ไปจำนำนานแล้ว ดังนั้น ปกติพวกเขาจะสวมสร้อยเส้นนี้ไว้บนคอ ไม่ถอดออกโดยง่าย ต่อให้ถอดออก ก็จะใส่กลับคืนแน่นอน
สร้อยที่มีราคาเช่นนี้ นางไม่เชื่อว่าหลัวไห่ตี้จะไม่รู้ว่าตัวเองทำหาย
หลัวไห่ฮวาให้ต้าจ้วงกลับบ้านเดิมของตัวเองไปหาหลัวไห่ตี้ ต้าจ้วงหยิบขนมชิ้นหนึ่ง กินขนมพลางไปหาหลัวไห่ตี้
แต่หลัวไห่ตี้ไม่อยู่บ้าน ต้าจ้วงจึงไปหาหลัวไห่เทียน เมื่อหลัวไห่เทียนได้ยินว่าน้องชายของตัวเองเลอะเลือนถึงขนาดทำสร้อยคอหาย ก็โมโหแทบตาย ไปยังบ้านของหลัวไห่ตี้ อาหารที่กินเหลือมาหลายวันซึ่งอยู่บนโต๊ะยังไม่ได้เก็บกวาด กลิ่นเหม็นคละคลุ้ง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้กลับบ้านมาหลายวันแล้ว
ช่างประหลาดนัก!
เซียวเฉิงซานบอกว่าหลัวไห่ตี้กลับบ้านแล้ว แต่เขาไม่ได้กลับหมู่บ้านสกุลหลัว ไม่เพียงไม่ได้กลับมา แม้แต่สร้อยคอยังทำตกหล่น ทั้งยังบังเอิญพบสร้อยเส้นนั้นเข้าที่บ้านเซียวเฉิงซานเสียด้วย!
สองพี่น้องหลัวไห่เทียนและหลัวไห่ฮวาปรึกษากัน คิดว่าต้องเป็นฝีมือเซียวเฉิงซานเป็นแน่ สองพี่น้องจึงร้องไห้โวยวายไปหาเซียวจิ้งยี่
เมื่อเซียวจิ้งยี่เห็นว่าเป็นเรื่องของพี่น้องสกุลหลัวอีกแล้ว ก็โมโหจนเพลิงโทสะลุกโชน
หลัวไห่ฮวาร่ำไห้อย่างหนัก ถึงขั้นกล่าวหาว่าเซียวเฉิงซานสังหารหลัวไห่ตี้ ลงมือฆาตกรรมเพื่อชิงทรัพย์ด้วย
เซียวจิ้งยี่ได้แต่ทอดถอนใจ ไม่กล่าววาจาโทสะออกมา
เมื่อคนหายไป อย่างไรก็ต้องหาคนก่อน ต่อให้เซียวจิ้งยี่จะโมโหไม่พอใจเพียงใด ก็ได้แต่สะกดเพลิงโทสะในใจไว้ก่อน หาคนให้พบก่อนค่อยว่ากัน
เซียวเฉิงซานจะคาดคิดได้อย่างไรว่าพี่ชายและพี่สาวของหลัวไห่ตี้จะมาหาเรื่องตนเอง หลัวไห่ตี้เคยกินดื่มในบ้าน ทั้งยังทิ้งเสื้อผ้าที่จะซักไว้ในบ้านเซียวเฉิงซานอย่างระเกะระกะ
หากหลัวไห่ตี้กลับบ้านแล้ว จะไม่นำเสื้อผ้าที่ใช้เปลี่ยนกลับไปด้วยหรือ?
เซียวเฉิงซานโดนหลัวไห่ฮวาและหลัวไห่เทียนไต่ถามจนพูดอะไรไม่ออก อธิบายอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
หลัวไห่ฮวานำสร้อยคอของหลัวไห่ตี้ออกมา ร้องไห้พลางกล่าว “นี่คือสร้อยคอของน้องชายข้า บนนั้นสลักคำว่า ‘ตี้’ ไว้ เขาพกมันติดตัวตั้งแต่เด็กไม่เคยถอดออกเลย เจ้าบอกว่าเขากลับบ้านแล้ว หากเขากลับบ้านแล้วเหตุใดสร้อยคอถึงยังอยู่ในบ้านเจ้า? ”
เซียวเฉิงซานไม่อาจแก้ตัวได้ “ข้า… ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าของของเขาจะมาทำตกหล่นอยู่ในบ้านข้า”
“ทำตกหล่นในบ้านเจ้า หรือถูกเจ้าขโมยกันแน่? ” หลัวไห่เทียนเป็นคนอารมณ์ร้อน พอคิดว่าบัดนี้น้องชายของตนเองเป็นตายร้ายดีก็ยังไม่รู้ จึงแค้นจนอยากนำมีดมาสับเซียวเฉิงซานเสีย “น้องชายข้าหายไปที่บ้านของเจ้า ตอนนี้ยังไม่รู้ชะตากรรม หากเจ้าไม่มอบตัวเขาออกมา ข้าจะเอาเรื่องเจ้าให้ถึงที่สุด! ”
เซียวจิ้งยี่โมโหจนกระทุ้งไม้เท้าบนพื้น กล่าวตำหนิด้วยความโมโหเต็มประดา “เซียวเฉิงซาน หลัวไห่ตี้อยู่ที่ไหน? ถึงเจ้าจะเป็นอันธพาลคดโกง หากไม่ทำเรื่องผิดมหันต์ข้าก็ไม่คิดสนใจ และไม่อยากจะสน! แต่หากเจ้ากระทำความผิดร้ายแรง ก็อย่าโทษที่ข้าไร้เยื่อใย! ”