ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 5 บทที่ 141 คู่ครองที่เหมาะสมกับเขาเป็นคนอื่น
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 5 บทที่ 141 คู่ครองที่เหมาะสมกับเขาเป็นคนอื่น
เซี่ยยวี่หลัวเดินอ้อมรอบตัวบ้านหนึ่งรอบ กำหนดตำแหน่งสร้างเรือนหลังคากระเบื้องสองห้อง
สามารถปลูกเรือนถัดจากสวนหลังบ้านได้ ถึงเวลาทำหน้าต่างบานใหญ่ไว้ด้านหน้าหนึ่งบาน ด้านหลังอีกหนึ่งบาน โต๊ะหนังสือวางไว้ริมหน้าต่างฝั่งสวนหลังบ้าน แสงส่องถึงและระบายอากาศได้ดีแน่
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว เซี่ยยวี่หลัวไปห้องของเซียวยวี่เพื่อวาดแผนภาพ ได้ยินเด็กสองคนกำลังกระซิบกระซาบกันพอดี
เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าวกับพวกเขา “บ้านพวกเรากำลังจะปลูกเรือนหลังใหม่จริงๆ ”
เซียวจื่อเซวียนดีใจจนน้ำเสียงสั่นเทิ้ม “พี่สะใภ้ใหญ่ ต่อไป… ต่อไปพี่ใหญ่จะมีห้องหนังสือของตัวเองแล้วงั้นหรือขอรับ? ”
เซี่ยยวี่หลัวพยักหน้า “อื้ม พี่ใหญ่ของเจ้าต้องอ่านตำรา สภาพแวดล้อมที่ดีจะทำให้ตั้งใจมากขึ้น พวกเราต้องสนับสนุนพี่ใหญ่ของเจ้าให้เรียนหนังสือและเข้าสอบ เข้าใจหรือไม่? รอให้พี่ใหญ่ของเจ้ากลับมา เวลาเขาอ่านตำราห้ามไปรบกวนเขาเป็นอันขาด เข้าใจหรือไม่? ”
ในภายภาคหน้าพี่ใหญ่ของพวกเจ้าจะเป็นถึงท่านราชบัณฑิตน้อย อยู่ใต้คนผู้เดียวและอยู่เหนือผู้คนนับหมื่น เพียงรอคอยให้ถึงวันที่ขึ้นเป็นใหญ่
เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งต่างกล่าวพร้อมกัน “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านโปรดวางใจ พวกเราจะไม่รบกวนพี่ใหญ่แน่นอน! ”
พี่สะใภ้ใหญ่ยังไม่รบกวนพี่ใหญ่อ่านตำรา พวกเขาจะไปรบกวนพี่ใหญ่ได้อย่างไร!
เซี่ยยวี่หลัววาดแบบร่างออกมา
นางจะทำเป็นห้องชุด ระหว่างสองห้องมีประตูบานหนึ่งกั้นให้แยกจากกัน สามารถเดินเข้าออกได้
ปกติเซียวยวี่ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการอ่านตำรา เช่นนั้นห้องหนังสือต้องทำให้ใหญ่เล็กน้อย และกว้างขวางเล็กน้อย แสงแดดต้องดี ห้องด้านนอกเป็นห้องนอน เช่นนี้ต่อให้มีคนเข้าไป ก็จะไม่รบกวนขณะเซียวยวี่อ่านตำรา
ถ้าจะให้ดีห้องหนังสือควรมีหน้าต่างใหญ่หนึ่งบาน หันไปทางสวนหลังบ้าน ต่อไปหากอ่านตำราจนเหนื่อยแล้ว เพียงหันมองออกทางหน้าต่าง ในฤดูใบไม้ผลิก็จะเห็นหมู่มวลดอกไม้เบ่งบาน ในฤดูร้อนก็จะได้สดับฟังเสียงนกร้องจักจั่นขับขาน ในฤดูใบไม้ผลิก็จะเห็นจันทราและธารดารา ในฤดูหนาวก็สามารถต้มหิมะชงชา
แค่ลองนึกภาพดู ก็มีพลังในการอ่านตำราเพิ่มขึ้นมากทีเดียว
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกชอบยิ่งนัก วาดแบบที่นางอยากได้ออกมาบนกระดาษ
ช่วงบ่าย เซียวจิ้งยี่ก็พาคนมาแล้ว
คนผู้นั้นก็เป็นคนในหมู่บ้านสกุลเซียว อายุสี่สิบกว่า เป็นช่างปลูกเรือนโดยเฉพาะ ชื่อว่าเซียวหย่ง รูปร่างผอมบาง แต่ดูเป็นคนมีความรับผิดชอบและสัตย์ซื่อ
ปกติเซียวหย่งจะทำการเกษตร หากคนในหมู่บ้านหรือหมู่บ้านอื่นจะปลูกเรือน เขาถึงจะไปทำเป็นการชั่วคราว อย่างไรเสียเวลานี้งานในไร่นาก็เสร็จแล้ว พักอยู่ที่บ้าน ได้ยินว่าบ้านเซียวยวี่จะปลูกเรือนใหม่ ย่อมต้องมา
เซียวจิ้งยี่และเซียวหย่งเดินดูรอบตัวบ้านเซี่ยยวี่หลัวก่อน เมื่อเห็นว่านางจัดการสวนหลังบ้านราวกับเป็นสวนดอกไม้ก็มิปาน ทั้งสองคนต่างก็ตกใจเป็นอย่างมาก
พื้นที่รกร้างด้านหลังถูกหักร้างถางพง ขุดพรวนดินเป็นร่องอย่างเป็นระเบียบ ในแปลงปลูกพืชผักผลไม้นานาชนิด ทั้งยังมีบ่อน้ำขนาดเล็ก ในนั้นเลี้ยงปลาไว้ไม่น้อย แหวกว่ายไปมา เลี้ยงไว้อย่างดี
ปกติเห็นภรรยาเซียวยวี่เป็นคนเงียบๆ คิดไม่ถึงว่าจะจัดระเบียบทั้งในบ้านนอกบ้านได้อย่างเป็นระเบียบขนาดนี้!
เซียวจิ้งยี่ตามมาด้วย ย่อมเห็นแล้วเช่นกัน
เมื่อเห็นว่านางจัดการสวนหลังบ้านได้ดีถึงเพียงนี้ มองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นคนรู้จักใช้ชีวิตให้ดี เท่าที่ดูในตอนนี้ ภรรยาเซียวยวี่ไม่เลวเลยจริงๆ !
ต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง
จะปลูกเรือนต้องเริ่มจากขุดฐานก่อน และต้องเลือกเวลาที่ดี ฟ้าโปร่งติดต่อกันหลายวัน บนพื้นแห้งสนิท นอกจากนั้น พรุ่งนี้ก็เป็นวันดี จึงตกลงกันว่าพรุ่งนี้จะเริ่มงาน
เซียวหย่งทำงานเช่นนี้เป็นประจำ ดูแบบร่างของเซี่ยยวี่หลัว แล้วใช้ปูนขาววาดตามฐานบนพื้นรอบหนึ่ง ก็สามารถคำนวณได้แล้วว่าต้องใช้อิฐประมาณกี่ก้อน
เซียวหย่งต้องไปซื้ออิฐ เงินที่จะใช้ซื้ออิฐย่อมไม่สามารถให้เซียวหย่งออกให้ก่อน ในเมื่อเซียวจิ้งยี่เลือกให้เซียวหย่งมาทำงาน ย่อมต้องเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เซี่ยยวี่หลัวรีบถามราคา แล้วจึงเข้าไปในห้องนำเงินสองตำลึงออกมาให้เซียวหย่ง
“ท่านอาเซียวหย่ง ท่านนำเงินนี่ไปซื้ออิฐก่อนเจ้าค่ะ ไม่รู้ว่าพอหรือไม่ หากไม่พอ ท่านออกให้เท่าไร กลับมาแล้วข้าจะคืนให้ท่านทันทีเจ้าค่ะ! ” เซี่ยยวี่หลัวกล่าว
เซียวหย่งหันมองเซียวจิ้งยี่ ตอนมาก็ได้ยินหัวหน้าหมู่บ้านบอกแล้ว ว่าบ้านเซียวยวี่จะปลูกเรือนหลังใหม่ ทว่า เรื่องเงินอาจต้องรอก่อน เขาจึงมีการเตรียมใจมาแล้ว เดิมทีคิดจะออกเงินให้ก่อน!
เมื่อเห็นประกายสงสัยในแววตาหัวหน้าหมู่บ้าน เซี่ยยวี่หลัวจึงอธิบาย “เงินนี่เซียวยวี่เหลือไว้ก่อนออกเดินทาง พวกเราใช้จ่ายอย่างประหยัด ไม่ได้ใช้เท่าไร แต่ก็เหลืออยู่ไม่มากเช่นกัน”
เป็นเช่นนี้เอง เซียวจิ้งยี่เองก็วางใจ หันไปกล่าวกับเซียวหย่งที่อยู่ข้างๆ “เจ้ารับไว้เถอะ! ” เซียวหย่งจึงรับไว้
เซียวหย่งรับเงินแล้ว จึงรีบขับเกวียนเทียมวัวของตัวเองไปซื้ออิฐ
เซียวจิ้งยี่กล่าวกับเซี่ยยวี่หลัว “ปกติไม่ว่าบ้านไหนจะปลูกเรือนใหม่ อาหารมื้อแรกต้องกินที่บ้านเจ้าของ ที่เจ้าจะทำไหวหรือไม่? ”
การปลูกเรือนเป็นเรื่องน่ายินดี หากทำอาหารมื้อแรกได้ดี เช่นนั้นก็หมายความว่าเจ้าของบ้านใจกว้างต่อช่างก่อสร้าง เมื่อพวกเขาได้กินดี ก็ย่อมสร้างบ้านได้ดียิ่งขึ้น
เซี่ยยวี่หลัวกล่าว “ไหวเจ้าค่ะ หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านเรียกพวกเขามาได้เลย! ”
เมื่อเซียวจิ้งยี่เห็นเซี่ยยวี่หลัวตอบรับอย่างรวดเร็ว จึงวางใจ “เช่นนั้นก็ได้ พรุ่งนี้ข้าจะให้ภรรยาข้ามาช่วยเจ้าด้วย! ”
เซี่ยยวี่หลัวรีบกล่าวขอบคุณ “หัวหน้าหมู่บ้าน พรุ่งนี้ท่านต้องมาให้ได้นะเจ้าคะ หากท่านไม่มา มีคนมากมายขนาดนั้น ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าจะเริ่มอย่างไรเจ้าค่ะ! ”
นางกำลังเชิญให้เขามาช่วยรักษาหน้า เซียวจิ้งยี่ย่อมต้องมา “วางใจได้ พรุ่งนี้ข้าจะมาพร้อมพวกเขา! “
ถือว่ามาคุมงานด้วย!
เพราะพรุ่งนี้ต้องเลี้ยงอาหาร เนื้อหมูนั้นย่อมต้องมี นอกจากนั้น ต้องใช้ตั้งแต่พรุ่งนี้เวลาเช้าตรู่ เซี่ยยวี่หลัวไปในตัวเมืองไม่ได้ จึงได้แต่ให้คนอื่นช่วย คนที่มักจะไปซื้อของในตัวเมืองเป็นประจำ ก็มีแต่ท่านลุงสี่
เขามีเกวียนเทียมวัว ตื่นเช้าหน่อยแล้วกลับมา น่าจะยังทัน
เซี่ยยวี่หลัวพาเซียวจื่อเซวียนไปที่บ้านท่านลุงสี่
ท่านลุงสี่อยู่บ้านพอดี พอได้ยินว่าพรุ่งนี้เซี่ยยวี่หลัวจะซื้อเนื้อหมู ทั้งยังต้องการแต่เช้า ท่านลุงสี่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงตอบตกลง “ได้ พรุ่งนี้ข้าจะออกบ้านตั้งแต่ย่ำรุ่ง ซื้อเนื้อหมูเสร็จก็กลับมา ไม่ทำให้เจ้าเสียงานแน่! “
เซี่ยยวี่หลัวรีบนำเงินออกมา “ขอบคุณท่านลุงสี่เจ้าค่ะ ข้าต้องการซื้อเนื้อหมูเจ็ดจิน จะติดมันหรือไม่ก็ได้ นี่คือเงินเจ้าค่ะ! “
ท่านลุงสี่กล่าว “ข้าซื้อเนื้อหมูกลับมาแล้วเจ้าค่อยให้เงินก็ได้”
เซี่ยยวี่หลัวยืนกรานจะให้เงิน “จะทำเช่นนั้นได้อย่างไรเจ้าคะ ข้าขอให้ท่านช่วยข้า จะให้ท่านออกเงินให้ก่อนได้อย่างไร ท่านรับเงินไว้เถอะเจ้าค่ะ หากเงินไม่พอ ท่านก็ช่วยออกให้ก่อน กลับมาแล้วข้าจะคืนให้ท่าน”
เซี่ยยวี่หลัวส่งเงินให้หนึ่งร้อยกว่าอีแปะ เพียงพอสำหรับการซื้อเนื้อหมูเจ็ดจินแล้ว!
ท่านลุงสี่เข้าใจเรื่องนี้ดี จึงรับเงินไว้พร้อมบอกว่าได้
เซียวจื่อเซวียนยืนอยู่ข้างกายเซี่ยยวี่หลัวตลอด เห็นพี่สะใภ้ใหญ่ปฏิบัติตัวต่อผู้อื่นและรับมอบสิ่งของอย่างมีมารยาท รู้จักวางตัวอย่างเหมาะสม เอื้อนเอ่ยวาจาอย่างงามสง่าและรู้กาลเทศะ ไม่มีความหยิ่งยโสและไร้มารยาทเหมือนแต่ก่อนแม้แต่น้อย พี่สะใภ้ใหญ่ที่เป็นเช่นนี้ ทำให้รู้สึกอ่อนโยนประหนึ่งสายลมในฤดูใบไม้ผลิ ชื่นชอบเสียยิ่งกว่ากระไร
เขามองพี่สะใภ้ใหญ่ด้วยความเคารพเลื่อมใส แววตาเป็นประกายประหนึ่งมีดวงดาวทอแสงอย่างไรอย่างนั้น
เซียวหมิงจูอยู่ภายในบ้าน ได้ยินเสียงของเซียวจื่อเซวียน ดีใจจนแทบพุ่งพรวดออกมา แต่พอมองอีกที ข้างกายเซียวจื่อเซวียนมีเซี่ยยวี่หลัวอยู่ด้วย นอกจากนั้น เขายังอยู่ใกล้สตรีที่ชั่วร้ายนั่นยิ่งนัก แค่ดูก็รู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนั้นดีเสียยิ่งกว่าอะไร
เซียวหมิงจูขมวดคิ้วมุ่น อยู่ในห้องไม่ได้ออกมา
เมื่อเซี่ยยวี่หลัวกล่าวจบ กำลังจะพาเซียวจื่อเซวียนไป เซียวหมิงจูเห็นดังนั้น ก็รีบเดินออกมา เอ่ยปากเรียกด้วยท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจ “อาเซวียน…”
เซียวจื่อเซวียนหยุดฝีเท้า หันกลับไปเอ่ยเรียกพี่หมิงจูด้วยน้ำเสียงเรียบสงบ
เซี่ยยวี่หลัวเห็นเซียวหมิงจู เพียงเม้มริมฝีปากยิ้มเล็กน้อย ถือเป็นการทักทาย
เซียวหมิงจูกลับไม่มองเซี่ยยวี่หลัวแม้แต่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการทักทาย เย็นชาจนราวกับว่าเซี่ยยวี่หลัวเป็นอากาศธาตุ!
ไม่ชอบตนเองจริงด้วย!
เซี่ยยวี่หลัวได้แต่ยิ้มเย้ยตัวเอง ตัวเองก็ไม่ใช่ภรรยาที่แท้จริงของท่านราชบัณฑิตน้อย เซียวหมิงจูคิดแค้น ถือว่าแค้นผิดคนแล้ว
เมื่อนางแย้มรอยยิ้ม ดวงหน้างดงามราวกับดวงดาราที่ฉายประกายแสงระยิบระยับ สว่างจนเซียวหมิงจูเคืองตา
คนหนึ่งมีมารยาท อีกคนกลับไม่แยแส การวางตัวของสตรีทั้งสอง แสดงให้เห็นถึงความต่างชั้น
เซียวจื่อเซวียนไม่ชอบคนอื่นที่ปฏิบัติต่อพี่สะใภ้ใหญ่ที่เขาสนิทสนมเช่นนี้เป็นที่สุด จับมือเซี่ยยวี่หลัวก็คิดจะจากไป เซียวหมิงจูกลับเรียกเขาไว้ “อาเซวียน อีกประเดี๋ยวเจ้าค่อยไปได้หรือไม่? ข้ามีธุระกับเจ้า! “
เซียวจื่อเซวียนเงยหน้ามองเซี่ยยวี่หลัว ขอความเห็นจากเซี่ยยวี่หลัว “พี่สะใภ้ใหญ่…”
เมื่อเซียวหมิงจูเห็นว่า เดี๋ยวนี้เซียวจื่อเซวียนขอความคิดเห็นจากเซี่ยยวี่หลัวในทุกเรื่องและทุกโอกาส ก็โมโหแทบตาย ยืนกอดอก พร้อมกล่าวด้วยเจตนาไม่ดี “นี่ ข้าหาอาเซวียนเพราะมีธุระ เจ้าคงไม่ใช่ว่าเวลาแค่นี้ยังให้ไม่ได้หรอกนะ? “
เซี่ยยวี่หลัวขมวดคิ้วเล็กน้อย นางไม่ได้คิดจะไม่ตอบตกลงเสียหน่อย!
นางไม่อยากเสวนากับเซียวหมิงจู ย่อตัวลงตบบ่าเซียวจื่อเซวียนเบาๆ “เจ้าไปเถอะ พี่สะใภ้ใหญ่กลับบ้านก่อน! “
กล่าวจบ นางไม่มองเซียวหมิงจูด้วยซ้ำ หันขวับแล้วเดินจากไป
เซียวจื่อเซวียนไม่ขยับเขยื้อน มองส่งแผ่นหลังของพี่สะใภ้ใหญ่ที่เดินลับสายตาไปอย่างรวดเร็ว ภายในใจเขารู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
เซียวหมิงจูเห็นเซี่ยยวี่หลัวยอมไปแต่โดยดี ก็รู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก เดินขึ้นหน้าโอบไหล่เซียวจื่อเซวียนอย่างสนิทสนม “อาเซวียน เจ้าเข้ามาสิ พี่หมิงจูมีเรื่องจะคุยกับเจ้า! “
เมื่อเซียวจื่อเซวียนเห็นมือคู่นั้นวางบนไหล่ตัวเองอย่างสนิทสนม ไม่รู้เพราะเหตุใด เขาถอยหลังไปสองก้าวโดยไม่แสดงอารมณ์ทางสีหน้า หลบมือของเซียวหมิงจู ทิ้งระยะห่างจากตัวเซียวหมิงจู
เซียวหมิงจูรู้สึกปวดใจนัก “อาเซวียน…”
เหตุใดเด็กคนนี้ถึงทำตัวเหินห่างกับนางถึงเพียงนี้?
เซียวจื่อเซวียนกล่าวอย่างเรียบสงบ “พี่หมิงจูจะพูดเรื่องอะไร? ” รีบพูดเถอะ พูดจบเขาก็ต้องไปแล้ว เขายังต้องไล่ตามพี่สะใภ้ใหญ่อีก!
เห็นพี่สะใภ้ใหญ่กลับบ้านเพียงลำพัง เขารู้สึกไม่สบายใจยิ่งนัก
พี่หมิงจูไม่ให้เกียรติพี่สะใภ้ใหญ่ของเขาถึงเพียงนี้!
เซียวหมิงจูกล่าวด้วยท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจ “ไม่มีธุระอะไรก็คุยกับเจ้าไม่ได้เชียวหรือ? ”
เซียวจื่อเซวียนก้มหน้า ไม่ได้กล่าวอะไร
เซียวหมิงจูไม่กล้าไปแตะตัวเขาอีก เพียงกล่าว “เจ้าเข้ามากับข้าสิ! ”
ก่อนเซียวจื่อเซวียนจะเข้าไป หันไปมองทิศที่พี่สะใภ้ใหญ่จากไปจนไม่เห็นตัวนานแล้ว เขาอยากกลับบ้าน อยู่กับพี่สะใภ้ใหญ่ เขามีความสุขที่สุด!
เซียวจื่อเซวียนรีบเดินเข้าไปในห้อง ก็เห็นเซียวหมิงจูหยิบไม้บรรทัดอันหนึ่งรอเขาอยู่ก่อนแล้ว
เมื่อเห็นเขาเข้ามา ก็รีบนำไม้บรรทัดไปวัดตัวเขา
เซียวจื่อเซวียนรีบถอยหลัง “พี่หมิงจู ท่านจะทำอะไร? ”
เซียวหมิงจูกล่าวด้วยความปวดใจ “เจ้าดูเสื้อผ้าที่เจ้าสวมใส่สิ พี่ใหญ่ของเจ้าไม่อยู่บ้าน ไม่มีใครตัดเสื้อใหม่ให้เจ้า คนอื่นแต่งตัวเสียดูดี แล้วดูเสื้อผ้าที่เจ้าสวมใส่ ยังใส่ได้อีกหรือ? ข้าซื้อผ้ามาผืนหนึ่ง จะตัดเสื้อใหม่ให้เจ้า ไม่รู้ว่าเจ้าชอบสีอะไร ข้าจึงเลือกสีเทามา เจ้าดูสิว่าชอบหรือไม่? ”
นางสะบัดผ้าผืนใหม่ที่ตัวเองซื้อมา “ข้าคิดจะตัดให้พี่ใหญ่ของเจ้าหนึ่งตัว รอเขากลับมาแล้ว ก็จะมีเสื้อใหม่ใส่ มารดาของเจ้าไม่อยู่แล้ว เรื่องที่สตรีพึงกระทำก็ไม่มีคนทำให้พวกเจ้า พี่ใหญ่ของเจ้าเป็นคนเรียนหนังสือ หากแต่งตัวไม่ดี เดินออกไปจะโดนคนนินทาเอาได้! ”
หากบอกว่าแต่ก่อนเซียวจื่อเซวียนยังไม่ค่อยเข้าใจ คิดว่าเซียวหมิงจูดีต่อพวกเขาในฐานะพี่สาวคนหนึ่งอย่างแท้จริง ภายในใจเขาย่อมมีแต่ความรู้สึกตื้นตันและซาบซึ้งเซียวต่อหมิงจูอย่างเต็มเปี่ยม
แต่ตอนนี้ต่างกันแล้ว
ผ้าเช็ดหน้ายวนยางเล่นน้ำครั้งก่อน…