ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 6 บทที่ 162 รักแรกพบล้วนแต่ชอบพอรูปลักษณ์ภายนอกทั้งนั้น
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 6 บทที่ 162 รักแรกพบล้วนแต่ชอบพอรูปลักษณ์ภายนอกทั้งนั้น
ตัวหนังสืองดงามน่าอ่านพลันปรากฏสู่สายตา ลายมืองดงามดูสะอาดตา ลายเส้นดูสูงสง่าและละมุน คนฝึกเขียนพู่กันทั่วไป หากไม่ได้ฝึกเขียนสักยี่สิบถึงสามสิบปีย่อมเขียนอักษรเช่นนี้ออกมาไม่ได้
ซ่งฉางชิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ลายมือนี้ช่างดูคุ้นตา เหมือนเคยเห็นที่ใดมาก่อน
เขาไม่อาจครุ่นคิดต่อไปได้ เพราะเนื้อหาในตำราดึงดูดความสนใจของเขาทั้งหมด
ซ่งฝูอาบน้ำเสร็จแล้ว ก็มาที่ห้องของซ่งฉางชิงเพื่อเก็บของ ผลักเปิดประตูเข้ามา เห็นว่าคุณชายยังแช่เท้าอยู่ ก็อุทานด้วยความตกใจ “คุณชาย น้ำเย็นแล้วขอรับ”
ซ่งฉางชิงไม่รู้ตัวสักนิด สมาธิทั้งหมดจดจ่ออยู่กับตำราในมือ
ซ่งฝูก็ไม่กล้ารบกวน ได้แต่ไปห้องครัว ตักน้ำร้อนมาเพิ่มไม่น้อย
เมื่อสัมผัสได้ถึงความร้อน ซ่งฉางชิงเพิ่งตอบสนอง “เหตุใดถึงเทน้ำอีก? “
“คุณชาย น้ำของท่านเย็นนานแล้ว หากแช่ต่อไปคงได้เป็นหวัดแน่ขอรับ! ” ซ่งฝูกล่าวด้วยท่าทางอ่อนใจ
ซ่งฉางชิงขานตอบทีหนึ่ง ลุกขึ้นไปนั่งที่โต๊ะ แล้วจึงอ่านตำราอย่างตั้งใจต่อ
ซ่งฝู “คุณชาย นี่ก็ดึกแล้ว วันนี้ท่านงานยุ่งมาทั้งวัน รีบพักผ่อนเถอะขอรับ! ” ไม่มีใครตอบเขา ซ่งฝูทอดถอนใจด้วยความปลงอนิจจัง คาดว่าคุณชายคงได้ตำราดีมา เมื่อได้ตำราดี เขาก็จะเป็นเช่นนี้
อ่านรวดเดียวจนจบ ไม่นอนก็ยังไหว
เมื่ออ่านรวดเดียวจนจบ ไก่ด้านนอกก็เริ่มขันแล้ว ถึงยามห้า*ใกล้ฟ้าสางแล้ว
ซ่งฉางชิงอ่านจนถึงตัวอักษรตัวสุดท้ายโดยที่ยังรู้สึกไม่หนำใจ ปิดตำรา ภายในใจรู้สึกตกตะลึงยิ่งนัก
ผู้เขียนตำราเล่มนี้ เป็นคนอย่างไรกัน
หากเป็นบุรุษ เหตุใดถึงเขียนตัวหนังสือที่ดูสง่างดงามชดช้อยประหนึ่งเทพเซียนออกมาได้ หากเป็นสตรี ตำรานี่บอกเล่าเรื่องราวอย่างมีพลังเปี่ยมล้น เนื้อเรื่องอิสระไร้ข้อจำกัด สตรีทั่วไปจะมีวิสัยทัศน์และจิตใจไม่ธรรมดาเช่นนี้ได้อย่างไร
คุณชายหลัวยวี่ คุณชายหลัวยวี่…
เหตุใดเขาถึงรู้สึกว่าตัวอักษรเหล่านี้ช่างดูคุ้นตานัก
ฟ้าใกล้สว่างแล้ว ยุ่งมาทั้งวัน ทั้งยังอดนอนมาเกือบทั้งคืน ในที่สุดซ่งฉางชิงก็ทนไม่ไหวแล้ว หลับตาแล้วจมดิ่งสู่ห้วงนิทราทันที
เมื่อถึงยามเฉิน นอนไปเพียงหนึ่งชั่วยาม เขาก็ตื่นขึ้นมาเอง ถึงแม้จะแทบไม่ได้นอนมาทั้งคืน ใต้ตาก็เต็มไปด้วยรอยคล้ำ แต่หลังจากสวมชุดตรงสีฟ้าครามแล้ว ก็ยังคงเป็นท่านซ่งที่เย็นชาและเคร่งขรึม
ซ่งฝูนำรายชื่อผู้จัดหาวัตถุดิบที่จะเปลี่ยนใหม่ในเดือนหน้ามาให้ “คุณชาย ร้านเหล่านี้เป็นร้านน้ำมันและอาหารแห้งที่ค่อนข้างใหญ่ในเมืองโยวหลันและอำเภอกว่างชาง ล้วนมีความสามารถสูง นอกจากนั้น เถ้าแก่ก็ล้วนแต่เป็นคนพูดจาน่าเชื่อถือไว้ใจได้ ท่านคิดว่าจะพบพวกเขาเพื่อคัดเลือกให้หนึ่งในร้านเหล่านี้ เป็นผู้จัดหาวัตถุดิบให้พวกเราในช่วงสองปีต่อจากนี้ เมื่อไรดีขอรับ? “
ซ่งฉางชิงพลิกเปิดดู “รายชื่อทั้งหมดอยู่ในนี้งั้นหรือ? “
ซ่งฝูพยักหน้า “มีร้านค้าจำนวนไม่น้อยมาเสนอตัว แต่หลังจากการตรวจสอบหน้าร้านและการประเมินในเบื้องต้นของเรา เหลือเพียงร้านเหล่านี้ขอรับ”
ซ่งฉางชิงกวาดสายตามองดูรายชื่อร้านน้ำมันและอาหารแห้งที่เขียนไว้ “ในเมืองนี้มีร้านน้ำมันและอาหารแห้งที่ดีมากอยู่ร้านหนึ่งไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงไม่มีชื่อเขา? “
“คุณชายหมายถึง? “
“ร้านน้ำมันอาหารแห้งฟ่างซินของเซียวเหลียง” ซ่งฉางชิงกินโจ๊กคำหนึ่ง ใช้ตะเกียบคีบหน่อไม้ดองขึ้นมา กินเสร็จจึงกล่าวอย่างเรียบสงบ “นัดหมายเวลากับเถ้าแก่เซียว ข้าอยากพบเขาสักครั้ง! “
หน่อไม้ดองทั้งกรอบทั้งเปรี้ยว อร่อยยิ่งนัก อร่อยจนอิ่มเอมไปถึงหัวใจของเขา
ซ่งฝูรู้สึกสงสัยอยู่ในใจ แต่ก็ทำได้เพียงขานรับ
คุณชายไม่เคยพิจารณาร่วมงานกับร้านที่เคยมีจุดด่างพร้อยไม่ใช่หรือ? เซียวเหลียงเคยเล่นไม่ซื่อ หมายจะทำตัวเด่นระหว่างการคัดเลือก คุณชายไม่คิดจะร่วมงานกับพวกเขาอีกไม่ใช่หรือ?
เหตุใดคราวนี้ ถึงคิดจะเพิ่มชื่อร้านน้ำมันอาหารแห้งฟ่างซินอีก?
คุณชายย่อมมีความคิดของตัวเอง ถึงแม้ซ่งฝูจะรู้สึกสงสัยอยู่ในใจ แต่กลับไม่กล้าถามแม้แต่คำเดียว
เซี่ยยวี่หลัวตัดเย็บเสื้อให้เซียวจื่อเซวียนเสร็จแล้ว ทำเสร็จหนึ่งตัว เสื้อหลวมเล็กน้อย สวมใส่แล้วรู้สึกอ่อนนุ่มสบายตัวเสียยิ่งกว่าอะไร
เซียวจื่อเซวียนสวมใส่เสื้อตัวใหม่จนไม่อยากถอดออก แต่เพราะเซี่ยยวี่หลัวบอกว่าผ้าใหม่ที่เพิ่งซื้อมานั้นสกปรก หากสวมใส่โดยไม่ซักก่อนจะไม่สบายตัว เซียวจื่อเซวียนจึงถอดออกด้วยความรู้สึกเสียดายเต็มประดา
ช่วงหลายวันนี้เป็นวันฟ้าโปร่งแดดจ้าพอดี เซี่ยยวี่หลัวรีบนำไปซักด้วยสบู่ ซักเสร็จแล้วยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ บิดน้ำออกแล้วจึงตากไว้บนราวไม้ไผ่ในลานบ้าน ลมพัดผ่านเสื้อตัวใหม่ เซียวจื่อเซวียนดีใจจนคอยไปจับดูเป็นระยะว่าเสื้อแห้งหรือยัง แน่นอนว่าล้างมือจนสะอาดก่อน ล้างมือทุกครั้งก่อนไปจับดูตัวเสื้อ ล้างมือเสร็จยังต้องใช้ผ้าสะอาดเช็ดแล้วเช็ดอีก มั่นใจแล้วว่ามือไม่มีคราบสกปรก จึงไปจับเสื้อ
เซี่ยยวี่หลัวกำลังตัดเย็บเสื้อตัวที่สองอยู่ข้างใน เมื่อเซียวจื่อเมิ่งเห็นท่าทางดีอกดีใจของพี่ชาย ก็รู้สึกดีใจตาม “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านดูสิเจ้าคะ พี่รองมีเสื้อตัวใหม่ ดีใจถึงเพียงนั้นเชียว! “
เซี่ยยวี่หลัวตัดเส้นด้ายออก กำลังจะสอดด้ายเข้ารูเข็ม หรี่ตามองดูเซียวจื่อเซวียนที่กำลังยิ้มอย่างมีความสุขอยู่ด้านนอก ภายในใจก็รู้สึกดีไปด้วย
ต่อให้นิ่งขรึมเพียงใดก็ยังเป็นเพียงเด็กอายุแปดขวบ เด็กเล็กคนไหนบ้างไม่ชอบเสื้อตัวใหม่ ดูสิเวลานี้มีความสุขถึงเพียงนี้ ดูท่า ต่อไปนางต้องดีกับเด็กสองคนนี้ให้มากขึ้นอีก!
ตากอยู่ภายใต้แสงแดดอบอุ่นมาทั้งวัน พอถึงช่วงเย็น เสื้อก็แห้งสนิทแล้ว เซี่ยยวี่หลัวให้เซียวจื่อเซวียนไปอาบน้ำสระผม ชำระล้างร่างกายจนสะอาด แล้วจึงสวมใส่เสื้อสีน้ำเงินเข้มตัวใหม่ เนื้อผ้าใส่สบายมาก สวมใส่บนกายทั้งลื่นทั้งเป็นมิตรต่อผิวหนัง หลังจากเซียวจื่อเซวียนสวมแล้ว ตัวเขาก็เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เซี่ยยวี่หลัวเห็นแล้วยังรู้สึกตกตะลึง!
เด็กคนนี้หน้าตาดีมากทีเดียว!
อาจเพราะการดูแลเอาใจใส่ในช่วงสองเดือนกว่าที่ผ่านมา เขาไม่ได้ซูบผอมหน้าซีดเหมือนครั้งแรกที่เซี่ยยวี่หลัวเห็น เมื่อได้กินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ตัวเขาก็อ้วนขึ้น มีน้ำมีนวล ทั้งอ้วนทั้งขาว แก้มสีชมพูดูเนียนนุ่ม สวมใส่เสื้อสีน้ำเงินเข้ม ยิ่งขับให้ผิวดูอ่อนนุ่มชุ่มชื้น ราวกับเซียนตัวน้อยในภาพวาดก็มิปาน
“ดูดีจริงๆ! ” เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าว
เซียวจื่อเมิ่งที่อยู่ข้างๆ ก็ปรบมือหัวเราะ “พี่รองดูดีจริงๆ เจ้าค่ะ หากพี่ใหญ่ใส่ จะดูดียิ่งกว่า ดูดียิ่งกว่าเจ้าค่ะ! “
เซียวจื่อเซวียนหน้าตาดีถึงเพียงนี้ ดูท่าว่ารูปลักษณ์ของท่านราชบัณฑิตน้อยคงไม่แย่
ไม่แน่ว่า อาจเป็นบุรุษรูปงามที่หาได้ยาก ไม่อย่างนั้นเหตุใดนางเอกเห็นเซียวยวี่เพียงครั้งเดียว ก็รู้สึกชอบได้เล่า? รักแรกพบก็เกิดจากการชอบพอรูปลักษณ์ภายนอกก่อนไม่ใช่หรือ
ไม่อย่างนั้นนางเอกที่มีฐานะสูงส่งในตอนนั้น จะชอบพอเซียวยวี่ที่ยังสอบซิ่วไฉไม่ผ่านด้วยซ้ำได้อย่างไร!
เซี่ยยวี่หลัวหรี่ตา ในห้วงภวังค์พยายามครุ่นคิดถึงรูปลักษณ์ของเซียวยวี่ผ่านหน้าตาของเซียวจื่อเซวียน แต่ในหัวของนางไม่มีความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมแม้แต่น้อย ได้แต่ปล่อยไป
ลองนับดู เวลานี้ ท่านราชบัณฑิตน้อยน่าจะออกจากสนามสอบแล้วกระมัง? ออกจากสนามสอบ อย่างมากอีกเจ็ดถึงแปดวันก็จะกลับถึงบ้านแล้ว
พอคิดว่าเซียวยวี่ใกล้กลับมาแล้ว เซี่ยยวี่หลัวก็รู้สึกกลัวขึ้นมา
เชิงอรรถ
*ยามห้า คือช่วงเวลา ตี 3 ถึง ตี 5