ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 6 บทที่ 172 มารยาทบนโต๊ะอาหาร
สวนกว้างขวางมาก ทำเป็นแปลงปลูกผักเจ็ดถึงแปดร่อง ทั้งมะเขือยาว ถั่วฝักยาว พริก ล้วนปลูกอย่างเป็นระเบียบ ดูแลเอาใจใส่อย่างดี ในแปลงผักไม่มีวัชพืชแม้แต่ต้นเดียว พอจะดูออกว่าคนปลูกผักใส่ใจมากเพียงใด
“ซ่าซ่า…”
เสียงน้ำไหลดึงดูดความสนใจของเซียวยวี่
เซียวยวี่เดินไปข้างหน้าต่อ ริมกำแพงมีบ่อน้ำขนาดเล็กหนึ่งบ่อ ด้านในมีน้ำที่ไหลมาจากข้างนอก ไหลออกไปอีกทางหนึ่ง บ่อน้ำไม่เล็กเท่าไร รอบบ่อก่ออิฐสูงสามก้อน ล้อมรอบบ่อไว้ ในบ่อเลี้ยงปลาไว้สิบกว่าตัว ปลาแหวกว่ายไปมาอย่างมีความสุข
ดอกไม้ ใบหญ้า พืชผัก ปลา และน้ำ สวนแห่งนี้ เต็มไปด้วยชีวิตชีวา
“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่…” เสียงเรียกด้วยความตื่นเต้นดีใจของเด็กสองคนดังมาจากด้านนอก เซียวยวี่รีบออกจากสวนหลังบ้าน เพื่อไปเปิดประตู เซียวจื่อเซวียนหิ้วตะกร้าไว้ในมือ กล่าวด้วยท่าทางตื่นเต้น “พี่ใหญ่ พวกเราจับปลามาสองตัว พี่สะใภ้ใหญ่บอกว่าเที่ยงนี้จะตุ๋นน้ำแกงปลาให้ท่านดื่มขอรับ! “
“พี่สะใภ้ใหญ่ยังบอกอีกว่าจะทำหมูตุ๋นน้ำแดงผัดหน่อไม้แห้งให้ท่านด้วย อร่อยมากเลยเจ้าค่ะ! ” เซียวจื่อเมิ่งเข้ามาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้ว
เซี่ยยวี่หลัวตามเข้ามาทีหลัง มือหิ้วตะกร้าหนึ่งใบ มุมปากตวัดขึ้นเผยรอยยิ้มบางตลอดเวลา
ดวงหน้าของนางสะอาดหมดจด เผยรอยยิ้มอ่อนโยนที่มุมปาก ข้างนอกแสงอาทิตย์เจิดจ้า สาดส่องใส่คิ้วงามและดวงตาของนาง คิ้วงามโก่งโค้ง ราวกับเป็นดอกกล้วยไม้ที่บานสะพรั่ง อ่อนโยนชวนมอง ดูสง่าและปราดเปรื่อง ที่น่าทึ่งกว่าคือรูปโฉมอันงดงามไร้ที่ติ
เซี่ยยวี่หลัวเห็นเซียวยวี่ เพียงยิ้มให้เขาทีหนึ่ง จากนั้นจึงหิ้วของเข้าไปในห้องครัว
ไม่ได้กล่าวอะไรกับเซียวยวี่แม้แต่คำเดียว
เดิมทีนางคิดอยากเดินเล่นบนภูเขาอีกพักหนึ่ง พอคิดได้ว่าวันนี้ซื้อเนื้อหมูมาจะทำหมูตุ๋นน้ำแดงผัดหน่อไม้แห้ง อาหารชนิดนี้ต้องต้มนานกว่าครึ่งชั่วยาม นางจึงกลับมาเร็วขึ้น
เข้าไปในห้องครัว ล้างปลาตัวหนึ่งจนสะอาด อุ่นกระทะเทน้ำมัน ทอดไข่ดาวสี่ฟองแล้วจึงตักขึ้นมาเตรียมไว้ ก่อนเทน้ำมันเพิ่มอีกไม่น้อย จากนั้นจึงเจียวหอม ขิง และกระเทียมจนส่งกลิ่นหอม ทอดปลาจนเป็นสีเหลืองทองทั้งสองด้าน ใส่ไข่ดาวลงไป เติมน้ำเดือดลงไปให้ท่วมตัวปลา หลังจากต้มด้วยไฟแรงจนเดือด จึงย้ายไปตั้งบนเตาถ่าน เคี่ยวต่อด้วยไฟอ่อน
ขัดหม้อด้านในจนสะอาดแล้วจึงหุงข้าว ขัดกระทะด้านนอกสะอาดแล้วจึงเติมน้ำเย็น ใส่เนื้อหมูที่หั่นเป็นชิ้นเท่าไพ่นกกระจอกไว้ลงไป ต้มน้ำจนเดือดก็พอแล้ว เมื่อน้ำเดือดแล้วจึงตักขึ้นมา ล้างให้สะอาด วางไว้ให้น้ำหยดออกจนแห้ง
ล้างกระทะอีกครั้งจนสะอาด เทน้ำมันลงไปเล็กน้อย ผัดเนื้อหมูสามชั้นที่แห้งแล้วด้วยไฟกลางค่อนอ่อนจนมีน้ำมันซึมออกมา และเป็นสีเหลืองไหม้เล็กน้อยทั้งสองด้าน ใส่ขิงหั่น จันทน์แปดกลีบ น้ำตาลกรวด ซีอิ๊ว และใส่น้ำข้าวหมากที่ซื้อมาเล็กน้อย ผัดสองถึงสามนาทีจนเนื้อหมูมีสีสม่ำเสมอทั้งก้อน จึงใส่หน่อไม้แห้งที่แช่น้ำไว้ลงไปแล้วผัดต่อให้เข้ากัน
หลังจากผัดเสร็จ จึงเทน้ำลงไป ต้มด้วยไฟแรงจนเดือดแล้ว ตักฟองออก เปลี่ยนมาตุ๋นด้วยไฟอ่อน ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วยาม
โชคดีที่เซี่ยยวี่หลัวซื้อเตาถ่านมาสองเตา ใส่เนื้อหมูในหม้อตุ๋น วางไว้บนเตาถ่านแล้วตุ๋นด้วยไฟอ่อน เมื่อทำอาหารอื่นเสร็จก็กินข้าวได้แล้ว
มื้อกลางวันมีปลามีเนื้อหมู เซี่ยยวี่หลัวไปสวนหลังบ้านเด็ดพริกมาสิบกว่าเม็ด แล้วจึงเด็ดใบผักมาจำนวนหนึ่ง ล้างจนสะอาด ลงมือเริ่มทำอาหาร
ครั้งนี้เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้ทำพริกหยวกหู่ผี หั่นเนื้อหมูที่เหลือเล็กน้อย หั่นเป็นแผ่น หมักด้วยเกลือ ซีอิ๊ว และน้ำข้าวหมาก หลังจากล้างพริกจนสะอาดจึงหั่นเป็นแนวเฉียง อุ่นกระทะเทน้ำมัน เจียวหอม ขิง และกระเทียมที่เตรียมไว้จนหอม ใส่เนื้อหมูที่หมักเสร็จแล้ว เมื่อผัดเนื้อหมูจนสีเปลี่ยน จึงเพิ่มไฟให้แรง ใส่พริกลงไป ผัดจนพริกอ่อนตัว ตอนตักขึ้นมาเติมเกลืออีกเล็กน้อยก็พอแล้ว
สุดท้ายผัดผักใบเขียว ตักขึ้นจากกระทะ ก็เริ่มกินข้าวได้แล้ว
อาหารสี่ชนิด ยกไปวางบนโต๊ะ มีน้ำแกงปลา หมูตุ๋นน้ำแดงผัดหน่อไม้ หมูผัดพริก และผัดผักหนึ่งจาน เมื่อเซียวยวี่มากินอาหาร เห็นอาหารมื้อเที่ยงมากมายที่วางอยู่บนโต๊ะ ภายในใจก็รู้สึกตกตะลึงมาก
มีทั้งปลา มีทั้งเนื้อหมู ปลานี่จับมา แต่ทั้งไข่ไก่ในน้ำแกงปลา น้ำมัน เกลือ และซีอิ๊วที่ใช้ปรุงรส ล้วนต้องใช้เงิน
“พี่ใหญ่ ท่านรีบชิมดู น้ำแกงปลาที่พี่สะใภ้ใหญ่เคี่ยวทั้งหอมและอร่อย อร่อยจนท่านต้องกัดลิ้นแน่ขอรับ” เซียวจื่อเซวียนตักน้ำแกงปลาให้เซียวยวี่ กล่าวเสียงเจื้อยแจ้วด้วยความตื่นเต้น
เซียวจื่อเมิ่งคีบเนื้อหมูและหน่อไม้ให้เซียวยวี่ กล่าวเสียงใส “พี่ใหญ่ หมูตุ๋นน้ำแดงผัดหน่อไม้นี่ก็อร่อย พี่ใหญ่ ท่านชิมดูเจ้าค่ะ! ”
“พี่ใหญ่ ท่านดื่มน้ำแกงปลาก่อนขอรับ” เซียวจื่อเซวียนกล่าว
“ไม่ได้ พี่ใหญ่ ท่านต้องกินของข้าก่อน ท่านกินเนื้อหมูก่อน อร่อยนะเจ้าคะ! ” เซียวจื่อเมิ่งกล่าวเสียงใส
เด็กสองคนพูดกันคนละประโยคสองประโยค ต่างอยากให้เซียวยวี่กินอาหารที่พวกเขาตักให้ก่อน
เซียวยวี่ทั้งรู้สึกน่าขันและอ่อนใจ “ได้ได้ได้ ข้าจะกินพร้อมกัน”
จู่ๆ เซียวจื่อเซวียนก็คิดอะไรบางอย่างได้ “พี่สะใภ้ใหญ่เคยบอกว่าก่อนกินข้าวให้ดื่มน้ำแกง รูปร่างจะดีและแข็งแรง”
ก่อนกินข้าวให้ดื่มน้ำแกง รูปร่างจะดีและแข็งแรง?
นี่เป็นหลักการอะไรกัน? เซียวยวี่ได้ฟังดังนั้นก็ขมวดคิ้ว
เซียวจื่อเมิ่งแลบลิ้นทีหนึ่ง “จริงด้วย จริงด้วย พี่ใหญ่ ท่านดื่มน้ำแกงปลาก่อนเจ้าค่ะ”
เซียวจื่อเมิ่งไม่ตื๊อให้เซียวยวี่กินหมูตุ๋นน้ำแดงก่อนแล้ว แต่ให้เขารีบดื่มน้ำแกงปลาหนึ่งคำ
เซียวยวี่ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เด็กสองคนให้เขาทำอะไร เขาก็ทำตามนั้น ก้มหน้าดื่มน้ำแกงปลาหนึ่งคำ
น้ำแกงนี่เคี่ยวจนทั้งขาวทั้งข้น ยังไม่ได้ดื่ม แค่เพียงได้กลิ่น ก็หอมจนแทบน้ำลายไหล!
พอดื่มหนึ่งคำ ก็รู้สึกอุ่น ทั้งหอมทั้งอร่อย รสชาติดีกว่าน้ำแกงปลาในภัตตาคารเสียอีก
เด็กสองคนตั้งตารอดูเซียวยวี่ดื่มน้ำแกงปลาหนึ่งคำ ก่อนเอ่ยถามอย่างอดรนทนไม่ไหว “เป็นอย่างไรบ้าง พี่ใหญ่ น้ำแกงที่พี่สะใภ้ใหญ่ทำอร่อยใช่หรือไม่? ”
“ฝีมือการทำอาหารของพี่สะใภ้ใหญ่ดีใช่หรือไม่? ช่วงที่ท่านไม่อยู่บ้าน พี่สะใภ้ใหญ่เคี่ยวน้ำแกงปลาเช่นนี้ให้พวกเราดื่มทุกวัน พี่สะใภ้ใหญ่ยังบอกว่า ดื่มน้ำแกงปลาจะบำรุงสมอง ทั้งยังเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง! ”
มิน่าล่ะ เวลานี้เด็กสองคนถึงได้ดูแข็งแรงนัก ได้กินปลากินเนื้อหมูและไข่เช่นนี้ทุกวัน จะไม่แข็งแรงได้หรือ?
เซียวยวี่ยิ้ม “อร่อยมาก พวกเจ้าก็รีบกินเถอะ! ”
เซียวจื่อเมิ่งส่ายหน้าพร้อมกล่าวเสียงใส “พี่ใหญ่ เดี๋ยวข้าค่อยกินเจ้าค่ะ พี่สะใภ้ใหญ่ยังไม่มาเลย! “
เซียวจื่อเซวียนกระโดดลงจากเก้าอี้ วิ่งออกไปข้างนอกพร้อมกล่าว “ข้าจะไปตามพี่สะใภ้ใหญ่มาขอรับ! “
เซียวยวี่ได้ยินดังนั้น จึงวางตะเกียบลงเงียบๆ
เด็กสองคนว่าง่ายรู้ความ เห็นของดีไม่ยื้อไม่แย่งกัน เซียวยวี่ไม่คิดว่าเด็กจะเป็นเช่นนี้แต่กำเนิด แต่เป็นเพราะมีคนสอนต่างหาก
ถึงแม้เซียวยวี่จะรักใคร่เอ็นดูเด็กสองคน แต่ก็ค่อนข้างเข้มงวดกับเด็กสองคน ปกติจะสอนให้พวกเขามีมารยาท รู้กาลเทศะ แต่เขาไม่เคยสอนมารยาทบนโต๊ะอาหารให้พวกเขา
เขาเคยแต่บอกว่ายามกินไม่พูด ยามนอนไม่คุย ยามนั่ง ยืน หรือกินก็ต้องมีมารยาท ตั้งแต่ท่านพ่อท่านแม่จากไป เด็กสองคนยังเล็ก ไม่เคยมีคนสอนเด็กสองคนว่า ผู้ใหญ่ยังไม่นั่ง เด็กเล็กห้ามกินก่อน!
นี่ก็เป็นมารยาทบนโต๊ะอาหารไม่ใช่หรือ!
เซียวยวี่คิดอยู่ในใจ เซี่ยยวี่หลัวสอนเด็กสองคน ทั้งมีวิธีเฉพาะตัว ความคิดละเอียดอ่อน สอนได้ดีกว่าเขาเสียอีก!