ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 7 บทที่ 186 ไม่แยกจากชั่วชีวิต มีอาหลัวก็เพียงพอแล้ว
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 7 บทที่ 186 ไม่แยกจากชั่วชีวิต มีอาหลัวก็เพียงพอแล้ว
ท่านลุงสี่ก็ดูออกว่าภรรยาตัวเองกล่าววาจาเสียดสี “นี่แม่หมิงจู จะพูดเช่นนี้ไปเพื่ออะไร? กว่าจะประกาศผลก็ต้องรอถึงเดือนหน้า ใครบอกกันว่าอายวี่จะสอบไม่ผ่าน! อายวี่เรียนหนังสือได้ดี คนที่ได้พบเขา มีใครบ้างไม่พูดว่าในอนาคตเขามีชะตาจะได้เป็นซิ่วไฉ! ”
ท่านป้าสี่หัวเราะอย่างดูแคลน “แล้วเขาจะสอบผ่านได้เป็นซิ่วไฉหรือไม่ เกี่ยวอะไรกับพวกเราด้วย? หากเขาสอบผ่าน ต่อไปครอบครัวเขาก็มีชีวิตที่ดี ใครจะยังมารู้จักญาติจนๆ อย่างเรา? หากสอบไม่ผ่าน ต่อไปก็กลับหมู่บ้านมาทำไร่ไถนาเหมือนพวกเรา เป็นคนประเภทเดียวกับพวกเรา ต่างก็กินข้าวบ้านตัวเอง มีความเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเราด้วย? ”
เซียวยวี่สีหน้าไม่เปลี่ยน กินอาหารบนโต๊ะด้วยท่าทางเรียบสงบ เขากินเพียงอาหารตรงหน้า ไข่ตุ๋นชามหนึ่งวางอยู่ตรงหน้าเขา ไข่ตุ๋นนี่ตุ๋นนานเกินไป ตุ๋นจนด้านในเต็มไปด้วยรู
ท่านลุงสี่ไม่เข้าใจวาจาของนาง “ทำไมจะไม่เกี่ยวข้องกับพวกเรา หากเขาสอบผ่าน พวกเราก็จะมีเกียรติไปด้วย ต่อให้สอบไม่ผ่าน ต่อไปกลับมาทำไร่ทำนา พวกเราก็ยังช่วยเหลือได้! ”
ท่านป้าสี่หัวเราะอย่างเย็นชา “ครอบครัวเขามีกันสี่คน พวกเรามีกันแค่สามคน ต่อไปหากหมิงจูออกเรือนแล้ว ก็เหลือคนแก่อย่างพวกเราสองคน ตัวเองยังทำไม่ไหวเลย ยังจะไปช่วยคนอื่น? ต่อไปไม่แน่ว่าพวกเราอาจต้องให้ลูกเขยในอนาคตช่วยด้วยซ้ำไป! ”
นางหันมองไปทางเซียวหยวนอย่างไม่ตั้งใจ พอเห็นเซียวหยวน วาจาเหน็บแนมเสียดสีก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นถ้อยคำอ่อนโยนฟังรื่นหู กล่าวด้วยสีหน้าเอ็นดู “อาหยวน หมูตุ๋นน้ำแดงนี่อร่อย ดูเจ้าสิผอมขนาดนี้ ผอมเกินไปจะไม่มีแรงทำงาน เจ้าต้องกินให้มากหน่อย! ”
“ขอบคุณท่านป้าสี่ขอรับ! ” เซียวหยวนยิ้มอย่างมีความสุข ภายในใจท่านป้าสี่ก็รู้สึกสบายใจเป็นพิเศษ
เซียวหมิงจูไม่พอใจ “ท่านแม่ ท่านพูดอะไรของท่าน! ”
“อะไรคือพูดอะไร ชายหนุ่มหญิงสาวเติบใหญ่ล้วนต้องแต่งงาน เจ้าอายุสิบหกปีแล้ว ควรออกเรือนได้แล้ว พูดออกมามีอะไรน่าอายกัน” ท่านป้าสี่กล่าว “อายวี่แต่งงานแล้ว เซี่ยยวี่หลัวอายุน้อยกว่าเจ้าเสียอีก! เจ้าดูพวกเขาสองสามีภรรยาสิรักใคร่กันเพียงใด ต่อไปหากเจ้าได้แต่งกับคนที่รู้จักรักเจ้าห่วงใยเจ้า ชีวิตนี้ท่านพ่อท่านแม่ของเจ้าก็ถือว่าสมบูรณ์แล้ว! ”
ท่านลุงสี่พยักหน้าไม่หยุด “ภรรยาอายวี่เป็นคนดี วางตัวเหมาะสมทั้งยังรู้จักดูแลคนอื่น อายวี่ เจ้าแต่งภรรยาได้ดีจริงๆ ”
เมื่อได้ยินดังนี้ เซียวยวี่ก็รู้สึกฉงนสงสัยขึ้นมาทันที
หากบอกว่าสามเดือนก่อน การแต่งกับเซี่ยยวี่หลัวเป็นความผิดพลาดอย่างมหันต์ ทว่า เมื่อกลับบ้านมาอีกครั้งหลังจากผ่านไปสามเดือนกว่า เขาก็ไม่มั่นใจอีกต่อไป!
เป็นเรื่องผิดพลาด? เหมือนจะไม่ใช่!
ไม่ใช่งั้นหรือ? เช่นนั้นสิ่งที่เขาคิดก่อนหน้านั้นคืออะไร?
เซียวยวี่ไม่ได้ครุ่นคิดนานนัก เพื่อให้เซียวหมิงจูล้มเลิกความคิดที่ไม่บังควรเหล่านั้น เขาแย้มรอยยิ้ม ดวงหน้าอ่อนโยนแฝงเร้นด้วยความรักอย่างลึกซึ้ง “อาหลัวจริงใจต่อข้า ข้าจะจริงใจต่อนางตลอดชีวิต ไม่แยกจากชั่วชีวิต มีนางก็เพียงพอแล้ว! ”
ตอนแรกเซียวหมิงจูถูกมารดาตนเองกล่าวจนทั้งอายทั้งหงุดหงิด เดิมทีคิดว่าเซียวยวี่จะกล่าววาจาแสดงความรังเกียจเซี่ยยวี่หลัว ใครจะรู้ว่าเซียวยวี่กลับเอ่ยวาจาแสดงความรักอย่างลึกซึ้งออกมา
และสองประโยคนี้ ก็แทบทำให้เซียวหมิงจูใจสลาย!
นางมองเซียวยวี่อย่างไม่กล้าเชื่อสิ่งที่ตัวเองได้ยิน ดวงตาแข็งทื่อไม่เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย
เซียวหมิงจูแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เมื่อครู่ พี่อายวี่บอกว่าชั่วชีวิตนี้เขามีเซี่ยยวี่หลัวก็เพียงพอแล้ว?
ปกติพวกเขามีปากเสียงกันทุกวัน ทุกครั้งนางแอบฟังอยู่ด้านนอกก็ได้ยินอย่างชัดเจน!
ทุกครั้งเซี่ยยวี่หลัวจะบอกให้เซียวยวี่หย่ากับนางเสีย หากเซียวยวี่ถูกนางยั่วโทสะถึงขีดสุด ก็เคยกล่าวด้วยความดุดันว่าจะเขียนหนังสือหย่าให้นาง นับแต่นั้นต่างฝ่ายต่างแต่งงานใหม่ไม่ข้องเกี่ยวกันอีก!
นี่เพิ่งผ่านไปนานเพียงใด?
เซียวยวี่กลับมาอีกครั้งหลังจากผ่านไปสามเดือนกว่า เดิมทีนางคิดว่าสองคนนี้ที่มีปากเสียงกันอย่างรุนแรงทุกวัน ควรสิ้นสุดชีวิตคู่ที่ผิดพลาดนี้ได้แล้ว!
ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?
เซียวหมิงจูผงะไป ตกอยู่ในอาการนิ่งอึ้ง
ท่านป้าสี่กลับมีความสุขนัก ไม่ได้มองเซียวยวี่ด้วยสายตาเชือดเฉือนดังเมื่อครู่อีก “เช่นนั้นก็ดี ถึงบอกอย่างไร ว่าสองสามีภรรยาหัวเตียงทะเลาะกันแต่ท้ายเตียงยังกลมเกลียว สามีภรรยาคู่ไหนบ้างที่ไม่มีปากเสียงกัน ข้ากับท่านลุงสี่ของเจ้า ชีวิตนี้มีปากเสียงกันมาตั้งเท่าไร สุดท้ายก็ยังใช้ชีวิตร่วมกันได้ไม่ใช่หรือ”
เซียวยวี่พยักหน้า “ใช่ขอรับ! ”
เซียวหมิงจูรู้สึกดวงตาร้อนผ่าว ครั้งนี้นางอดกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป หยาดน้ำตาพลันทะลักออกมา
ท่านป้าสี่รู้สึกยินดียิ่ง ดูท่าทางของเซียวหมิงจู ก็เกรงว่าเซียวหยวนจะดูออกว่ามีความนัยแอบแฝง จึงรีบดึงเซียวหมิงจูกลับห้องไป “ตาแก่ เจ้าต้อนรับอาหยวนกับอายวี่ดีๆ ! ”
ดึงเซียวหมิงจูกลับถึงห้อง ท่านป้าสี่กดเสียงให้ต่ำเพื่อกล่าวตำหนิด้วยความโมโห “เจ้าเด็กโง่คนนี้ คราวนี้คงตัดใจได้แล้วใช่หรือไม่ ชั่วชีวิตนี้เซียวยวี่กับเซี่ยยวี่หลัวไม่มีทางแยกจากกัน เจ้าคิดอยากแต่งกับเซียวยวี่ ก็ตัดใจเสียเถอะ! ”
เซียวหมิงจูกัดริมฝีปากแน่น หยาดน้ำตาหยดลงมาอย่างต่อเนื่องราวกับสร้อยไข่มุกที่เชือกร้อยขาด “พี่อายวี่กับเซี่ยยวี่หลัว ทั้งที่ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ดีเลย เหตุใดพี่อายวี่ถึงต้องอยู่กับนางด้วย! ”
ท่านป้าสี่สบายใจขึ้นมาก ขอเพียงเซียวยวี่ไม่มีเจตนาเช่นนั้น บุตรสาวของตัวเองต้องล้มเลิกความคิดแน่!
“ถึงแม้เซี่ยยวี่หลัวจะนิสัยไม่ดี แต่รูปร่างหน้าตานั่น เจ้าคิดว่าบุรุษคนใดบ้างเห็นแล้วจะไม่หวั่นไหว? ”
เซียวหมิงจูส่ายหน้าไม่หยุด “ไม่ใช่แน่ พี่อายวี่ไม่ใช่คนที่มีความคิดตื้นเขินเช่นนั้น! ”
“ฮะฮะ” ท่านป้าสี่หัวเราะอย่างเย็นเยียบ “หมิงจู เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเซียวยวี่ไม่ใช่คนเช่นนั้น? เจ้ารู้จักเขามากเพียงใดกัน? หากครั้งนี้เซียวยวี่สอบไม่ผ่าน ก็ต้องกลับบ้านมาทำไร่ทำนา ถึงเวลาก็ต้องคลุกดินโคลน จะสูงส่งกว่าเราแค่ไหนเชียว? เจ้าชอบพอเขาตรงไหน รูปลักษณ์หน้าตานั่นงั้นหรือ? เช่นนั้นเจ้าลองคิดดู หากเซียวยวี่ไม่ได้ชอบพอรูปลักษณ์หน้าตาของเซี่ยยวี่หลัว แล้วจะชอบอะไรได้อีก? รูปร่างหน้าตาของเจ้าเทียบกับเซี่ยยวี่หลัวได้งั้นหรือ? หากเจ้าเทียบนางไม่ได้ เช่นนั้นก็รีบล้มเลิกความคิดนี้เสีย หยุดจินตนาการที่ไม่เป็นจริงเหล่านั้นของเจ้า หาบุรุษดีๆ สักคนแต่งงานด้วย รักมั่นเพียงหนึ่งเดียว ใช้ชีวิตร่วมกันไปชั่วชีวิตถึงจะถูก! ”
เซียวหมิงจูเงยหน้าขึ้นมองท่านป้าสี่อย่างฉับพลัน “เช่นนั้นท่านแม่ บุรุษดีๆ ที่ท่านกล่าวถึง คือเซียวหยวนงั้นหรือเจ้าคะ? ท่านรู้แต่แรกแล้วว่าเขาจะมา ดังนั้นจึงบอกให้ข้าทำอาหาร ทั้งยังให้ข้าแต่งตัวดีๆ ถูกต้องหรือไม่เจ้าคะ? ”
“อาหยวนไม่ดีตรงไหน? เขาดีกว่าเซียวยวี่ร้อยเท่าพันเท่า! เซียวหยวนยังไม่แต่งงาน ทั้งยังมีความสามารถทำงานหาเลี้ยงครอบครัวได้ ไม่เหนือกว่าเซียวยวี่ที่แต่งงานแล้วทั้งยังรู้จักแต่เรียนหนังสือหรอกหรือ? ”
เซียวหมิงจูกัดริมฝีปากแน่น พยายามสะกดตัวเองไม่ให้กล่าวประโยคที่ว่าเซียวหยวนเทียบกับเส้นผมของพี่อายวี่ไม่ได้ด้วยซ้ำ
ท่านป้าสี่เห็นเซียวหมิงจูไม่กล่าวอะไร นึกว่าตัวเองเกลี้ยกล่อมนางได้แล้ว จึงถอนหายใจยาว “ลูกแม่ แม่ไม่ทำร้ายเจ้าแน่ หากเจ้ายังดื้อดึงไม่เลิก ย่อมไม่เป็นผลดี! เซียวยวี่ก็เปรียบเสมือนเหวลึกหมื่นจ้าง หากเจ้ายังมีความคิดเช่นนี้อีก ก็จะตกต่ำจนโงหัวไม่ขึ้น! ”
เซียวหมิงจูนั่งนิ่งอยู่ตรงขอบเตียง ร่ำไห้เงียบๆ ไม่ได้กล่าวอะไร
ท่านป้าสี่ลูบไหล่นางเบาๆ แล้วจึงออกไป
เซียวหมิงจูนั่งอยู่ตรงขอบเตียงด้วยอาการเหม่อลอย คำพูดของท่านป้าสี่นางไม่ได้ฟังแม้แต่คำเดียว ในห้วงความคิดของนาง มีแต่คำพูดของเซียวยวี่ที่ยังคงวนเวียนไม่หยุด
“อาหลัวจริงใจต่อข้า ข้าจะจริงใจต่อนางตลอดชีวิต ไม่แยกจากชั่วชีวิต มีนางก็เพียงพอแล้ว! ”
หวนคิดซ้ำหนึ่งครั้ง ก็เหมือนเผชิญกับความเจ็บปวดราวหัวใจถูกทิ่มแทงอีกหนึ่งหน
เซียวยวี่บอกกล่าวสิ่งที่ตัวเองต้องการพูดบนโต๊ะอาหารแล้ว เขารู้ว่าตัวเองกล่าววาจาเหล่านั้นออกมา เซียวหมิงจูน่าจะเข้าใจแล้ว หลังจากขอบคุณท่านลุงสี่และท่านป้าสี่ที่เลี้ยงต้อนรับแล้วจึงกลับไป ขณะเขาออกจากห้องโถง ไพล่มือข้างหนึ่งไว้ข้างหลัง จากไปโดยไม่หันกลับด้วยซ้ำ
ราวกับว่าเรื่องราวทั้งหมดที่อยู่ด้านหลังไม่มีความเกี่ยวข้องกับเขาแม้แต่น้อย
ท่านป้าสี่เห็นกับตาว่าเซียวยวี่ไปแล้ว จึงหันมองห้องของเซียวหมิงจูด้วยท่าทีระแวง พอเห็นว่าเซียวหมิงจูไม่ได้พุ่งพรวดออกมา จิตใจที่วิตกกังวลจึงผ่อนคลายลง