ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 7 บทที่ 193 พวกเราจะได้เป็นท่านอากันแล้ว
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 7 บทที่ 193 พวกเราจะได้เป็นท่านอากันแล้ว
วันรุ่งขึ้น เซี่ยยวี่หลัวตื่นแต่เช้า เตรียมแผ่นแป้งใส่ไข่ ทำหมั่นโถวเสร็จ ต้มไข่ให้เด็กสองคน จากนั้นทั้งสามคนจึงกินข้าวที่ห้องครัว
เซียวยวี่ถือว่าตื่นเช้า ตอนได้ยินเสียงข้างนอก ท้องฟ้าด้านนอกยังสลัวอยู่ ฟ้าเพิ่งสางเท่านั้น
“ทำไมพวกเจ้าถึงตื่นเช้านัก? ” เซียวยวี่สวมใส่เสื้อผ้าเสร็จ มายังห้องครัว เห็นทั้งสามคนกินอาหารกันอยู่ที่ห้องครัว
“พี่ใหญ่ ท่านตื่นแล้วหรือขอรับ อีกเดี๋ยวข้ากับพี่สะใภ้ใหญ่ต้องไปที่บ้านท่านปู่เซียวขอรับ” เซียวจื่อเซวียนยังเคี้ยวหมั่นโถวอยู่ในปาก กล่าวด้วยน้ำเสียงอู้อี้
“ไปทำอะไรที่บ้านท่านปู่เซียว? ” เซียวยวี่เอ่ยถามเซียวจื่อเซวียนต่อ
เซียวยวี่หลัวก้มหน้ากินข้าวอยู่ตลอด ไม่สนใจเขา ขอเพียงเซียวยวี่ไม่ได้เอ่ยชื่อนาง ไม่ได้ถามนาง นางจะไม่เริ่มบทสนทนากับท่านราชบัณฑิตน้อยเด็ดขาด
ยิ่งไปกว่านั้น เซียวยวี่กำลังเอ่ยถามเซียวจื่อเซวียน
“พวกเราไปรับซื้อผักตี้เอ่อขอรับ! ” เซียวจื่อเซวียนกล่าว “หลายวันนี้ฝนตก เมื่อวานคนในหมู่บ้านไปเก็บผักตี้เอ่อกันแล้ว ทุกคนต้องเก็บผักตี้เอ่อได้ไม่น้อยแน่นอน พี่สะใภ้ใหญ่จะรับซื้อผักตี้เอ่อไปขายขอรับ! ”
เซียวยวี่หันมองเซี่ยยวี่หลัวด้วยท่าทีสงสัย “รับซื้อผักตี้เอ่อไปขาย? ”
เขาเอ่ยถามคำถามนี้โดยหันมองไปทางเซี่ยยวี่หลัว เซี่ยยวี่หลัวกลืนหมั่นโถวในปาก ลุกขึ้นยืน เหมือนกำลังจะตอบคำถามของอาจารย์
“อืม ข้าพบว่าพอฝนตก ในท้องนาก็จะมีผักตี้เอ่อสีดำๆ ข้าเคยฟังท่านตากล่าวถึง ว่าเจ้าสิ่งนี้เรียกว่าผักตี้เอ่อ สามารถล้างตับกรองปอด บำรุงสายตาและหัวใจ ข้าจึงนำกลับมาทำอาหารกินส่วนหนึ่ง คิดไม่ถึงว่ารสชาติไม่เลว จึงพาเด็กสองคนเก็บกลับมาไม่น้อย นำไปขายให้เซียนจวีโหลว เซียนจวีโหลวรับซื้อไว้ ทั้งยังให้ข้าเป็นคนจัดหาวัตถุดิบ รับซื้อผักตี้เอ่อเพื่อจัดส่งให้กับพวกเขาโดยเฉพาะ! ”
“ผักตี้เอ่อ? ” เซียวยวี่ไม่เคยเห็นของสิ่งนี้
เซี่ยยวี่หลัวคิดครู่หนึ่ง “วันนั้นที่เจ้าไปกินข้าวที่บ้านท่านลุงสี่ ผักสีดำๆ ที่เก็บไว้ให้เจ้า นั่นก็คือผักตี้เอ่อ”
เป็นอาหารที่เก็บไว้ให้เขาจริงด้วย ใบหน้าเซียวยวี่ร้อนผ่าวเล็กน้อย “เช่นนั้น เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับท่านปู่เซียว? ”
“ก่อนหน้านี้เจ้าไม่อยู่บ้านไม่ใช่หรือ? ข้าเป็นสตรีพาเด็กสองคนปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนก็ไม่ดี ดังนั้นข้าจึงขอให้ท่านปู่เซียวช่วยออกหน้าแทน! ” นางกล่าวอย่างตรงไปตรงมา เหตุผลก็เป็นเช่นนี้จริง!
หากนางไม่ออกไปทำงาน คนทั้งครอบครัวก็ไม่มีอะไรให้กินแล้ว!
เซียวยวี่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง!
เซียวจื่อเซวียนรีบอธิบาย “พี่ใหญ่ ช่วงท่านไม่อยู่บ้าน พี่สะใภ้ใหญ่หาเงินด้วยการขายผักตี้เอ่อ จึงทำอาหารดีๆ ให้พวกเรากินได้นะขอรับ! ”
เซียวจื่อเมิ่งก็กล่าว “พี่ใหญ่ ท่านอย่าโทษพี่สะใภ้ใหญ่เลยเจ้าค่ะ พี่สะใภ้ใหญ่ทำอาหารอร่อยให้พวกเรากิน ทำเสื้อใหม่ให้พวกเรา ล้วนต้องใช้เงินนะเจ้าคะ! ”
เซียวยวี่ได้ฟังดังนั้นก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
เด็กสองคนนี้คงคิดว่าเขาจะตำหนิเซี่ยยวี่หลัวที่ปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนเป็นแน่!
เขาไม่ใช่คนหัวโบราณ และไม่คิดจะตีกรอบให้สตรีอยู่แต่ในครัวหรือในเรือนเท่านั้น เซี่ยยวี่หลัวสามารถคิดเรื่องนำผักตี้เอ่อมาทำอาหารกินได้ ทั้งยังกลายเป็นคนจัดหาวัตถุดิบ เรื่องนี้ทำให้เซียวยวี่รู้สึกตกตะลึงยิ่งนัก
นอกจากความรู้สึกตกตะลึง เซียวยวี่ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า เขายังมีความรู้สึกประหลาดใจด้วย
เซี่ยยวี่หลัวในอดีตไม่มีทางทำเรื่องเหล่านี้ แต่บัดนี้ นางได้ทำหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาคาดไม่ถึง
ยกตัวอย่างเช่นทำอาหาร เย็บปัก ปลูกเรือน ทั้งเวลานี้ ยังหาเงินเป็นด้วย!
สตรีผู้นี้ราวกับเป็นขุมสมบัติขนาดใหญ่ ยิ่งเจ้ารู้จักนางมากขึ้น ก็จะพบจุดเด่นที่ซ่อนเร้นอยู่บนตัวนางเพิ่มขึ้น!
กระเทาะเปลือกออกทีละเล็กทีละน้อย จนตัวเขาเองยังหลงใหลโดยไม่ทันรู้ตัว
“วันนี้ข้าไปบ้านท่านปู่เซียวกับพวกเจ้าแล้วกัน! ” เซียวยวี่กล่าว
ให้เซี่ยยวี่หลัวทำงานโดยปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนเป็นประจำ เซียวยวี่รู้สึกไม่ดีเป็นอย่างยิ่ง
เดิมทีเรื่องอย่างการหาเลี้ยงครอบครัว ควรให้เขาที่เป็นชายชาตรีทำ
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หลังจากประหลาดใจจึงตอบตกลงทันที “เช่นนั้นเจ้าก็รีบไปล้างหน้าบ้วนปากเถอะ อาหารเตรียมไว้แล้ว เจ้ากินได้เลย พวกเราไปก่อน! ”
นางหยุดครู่หนึ่ง ก่อนจะอธิบายตามหลังอีกหนึ่งประโยค “พวกเราต้องส่งอาหารเช้าไปให้ท่านปู่เซียวและท่านอาเซียวเหลียงก่อน! ”
ยังเช้าเกินไป ท่านปู่เซียวและเซียวเหลียงไม่ตื่นเร็วถึงเพียงนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการทำอาหารเช้า ดังนั้น ขอเพียงเป็นวันที่รับซื้อผักตี้เอ่อ เซี่ยยวี่หลัวก็จะเตรียมอาหารเช้าแล้วส่งไปให้
นี่กลายเป็นกฎที่ทำมาตลอดแล้ว!
เซียวยวี่พยักหน้า “ได้! ข้ากินเสร็จแล้วจะตามไปทันที! ”
ประโยคนี้น่าจะกล่าวตอบประโยคเมื่อครู่ที่นางบอกว่าจะส่งอาหารเช้าไปให้ท่านปู่เซียวและท่านอาเซียวเหลียง
“อืม! ” เซี่ยยวี่หลัวก้มหน้า ขานตอบอย่างเรียบสงบ
เมื่อเซี่ยยวี่หลัวนำอาหารเช้าออกจากบ้าน นางคิดถึงเรื่องเมื่อครู่นี้ ยังรู้สึกไม่ค่อยอยากเชื่อหูตัวเองนัก!
เซียวยวี่พูดคุยกับนางหรือนี่
ในหนังสือนิยายบรรยายไว้ว่าเซี่ยยวี่หลัวเป็นคนยโสโอหัง เป็นหญิงถ่อยที่ลุ่มหลงในลาภยศชื่อเสียง ทัศนคติของนางและเซียวยวี่ต่างกันโดยสิ้นเชิง ดังนั้นขอเพียงทั้งสองคนพูดคุยกัน ก็จะมีปากเสียงหนักราวกับพายุโหมกระหน่ำ
เมื่อเซียวยวี่ไม่สนใจนาง เซี่ยยวี่หลัวก็จะก่นด่าเซียวยวี่ราวกับคนเสียสติ ครอบครัวไม่เคยได้อยู่อย่างสงบสุข ทำให้วุ่นวายใจเป็นอย่างยิ่ง
ดังนั้นเซียวยวี่จึงไม่เคยเริ่มบทสนทนากับนางก่อน และจะไม่สนใจเซี่ยยวี่หลัว ด้วยเกรงว่าตัวเองกล่าวอะไรผิด จะก่อให้เกิดพายุคลั่งฝนกระหน่ำอีก
แต่ในวันนี้ เซียวยวี่ตอบกลับบทสนทนาของเซี่ยยวี่หลัว!
เซี่ยยวี่หลัวเดินไปพลางครุ่นคิดไปพลาง สุดท้ายก็รู้สึกสบายใจขึ้นไม่น้อย
ท่านราชบัณฑิตน้อยตอบกลับบทสนทนาของนาง นั่นก็เป็นเครื่องยืนยันว่า ท่านราชบัณฑิตน้อยไม่รังเกียจนาง
เมื่อไม่รังเกียจนาง เช่นนั้นต่อไปก็คงไม่ตามล่าสังหารนางแน่ ต่อให้จากไปตอนนี้ ท่านราชบัณฑิตน้อยก็คงไม่แค้นนางเข้ากระดูกดำแล้วกระมัง!
เมื่อตระหนักถึงเรื่องนี้แล้ว เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกดีใจยิ่งนัก ฝีเท้าเบาลงไม่น้อย
เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งตามอยู่ข้างหลัง เห็นพี่สะใภ้ใหญ่เดินเหินราวกับกำลังร่ายรำ เซียวจื่อเซวียนขยับไปตรงหน้าเซียวจื่อเมิ่ง กระซิบเสียงเบา “จื่อเมิ่ง เจ้าดูพี่สะใภ้ใหญ่สิ วันนี้ดูดีอกดีใจมากใช่หรือไม่? ”
เซียวจื่อเมิ่งสังเกตพี่สะใภ้ใหญ่โดยละเอียดครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้า “เจ้าค่ะ พี่สะใภ้ใหญ่พบเจอเรื่องอะไรถึงได้ดีใจขนาดนี้เจ้าคะ? ”
เซียวจื่อเซวียนหัวเราะร่า “จื่อเมิ่งเด็กโง่ เจ้าคิดว่าเพราะอะไรเล่า เจ้าไม่เห็นหรือว่าวันนี้พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่คุยกันแล้ว! ”
ต้องรู้ว่า เมื่อก่อนสองคนนี้คุยกันเพียงแค่สองประโยคเป็นต้องมีปากเสียงกัน! วันนี้ไม่เพียงไม่มีปากเสียง ดูจากท่าทางของพวกเขาสองคน เหมือนว่าความสัมพันธ์จะดีกว่าเดิมมากทีเดียว!
เซียวจื่อเมิ่งเอ่ยถาม “เช่นนั้นต่อไปพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่ยังจะทะเลาะกันอีกหรือไม่เจ้าคะ? ”
เซียวจื่อเซวียนลูบคางเรียบเนียนของตัวเอง ทำท่าทางราวกับเป็นผู้ใหญ่ในร่างเด็ก กล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจ “ข้าคิดว่าต่อไปสองคนนี้น่าจะไม่ทะเลาะกันอีกแล้ว! ”
“จริงหรือเจ้าคะ? ” พอเซียวจื่อเมิ่งได้ฟังว่าพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่จะไม่ทะเลาะกันอีกแล้ว ก็ดีใจยิ่งนัก กะพริบตาคู่โตปริบๆ กล่าวเสียงแหลมสูง เซี่ยยวี่หลัวที่อยู่ด้านหน้าจึงได้ยินโดยปริยาย นางยิ้มพร้อมหันกลับมา “อะไรจริงงั้นหรือ? ”
เซียวจื่อเมิ่งกล่าวเสียงใส “พี่รองบอกว่า ต่อไปท่านกับพี่ใหญ่จะไม่ทะเลาะกันอีกแล้ว จริงหรือไม่เจ้าคะ? พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านจะไม่ทะเลาะกับพี่ใหญ่อีกแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ? ”
เซียวจื่อเซวียนกล่าวอย่างดีอกดีใจ “จื่อเมิ่ง ไม่แน่ว่าปีหน้าเราอาจจะได้เป็นท่านอากันแล้ว! ”
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกกล่าวอะไรไม่ออก แน่ใจนะว่าเซียวจื่อเซวียนเป็นเด็กอายุแปดขวบ?
ทำไมถึงรู้สึกว่าบางครั้งเขาดูจะรู้ความมากกว่านางที่เป็นผู้ใหญ่เสียอีก!