ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 8 บทที่ 229 ขอเพียงพยายาม อยู่ที่ไหนก็ฉายแสงเจิดจรัสได้
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 8 บทที่ 229 ขอเพียงพยายาม อยู่ที่ไหนก็ฉายแสงเจิดจรัสได้
เซียวเหลียงคิดจะตอบตกลงทันที แต่จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ ว่าตัวเองยังต้องส่งเซี่ยยวี่หลัวกลับบ้านอีก จึงกล่าวด้วยสีหน้าลำบากใจ “วันนี้ต้องขอบคุณเถ้าแก่ซ่งที่เชื้อเชิญ เพียงแต่ข้ารับปากยวี่หลัวแล้วว่าจะส่งนางกลับหมู่บ้านสกุลเซียว ได้แต่รอเป็นครั้งหน้า ครั้งหน้า ข้าขอเลี้ยงอาหารเถ้าแก่ซ่ง ท่านคิดเห็นเช่นไร? ”
ซ่งฉางชิงส่งเสียงขานตอบทีหนึ่ง ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบสงบ “ถึงเวลากินอาหารแล้ว ถ้าอย่างไรฮูหยินเซียวก็ทานด้วยกัน กินข้าวแล้วค่อยกลับไป? ”
เซี่ยยวี่หลัวหันมองเซียวเหลียง จากนั้นจึงกล่าว “ท่านอาเซียวเหลียง ถ้าอย่างไรท่านก็ดื่มกับเถ้าแก่ซ่งเถอะเจ้าค่ะ ข้าต้องกลับไปก่อน เด็กๆ ยังรอข้าอยู่ที่บ้าน บอกไว้แล้วว่าจะกลับไปห่อเกี๊ยวให้พวกเขากิน! ข้าไปเช่ารถม้าก็ได้เหมือนกัน”
จู่ๆ มือของซ่งฉางชิงที่ไพล่ไว้ด้านหลังก็กำแน่น ใบหน้าฉายประกายเศร้าสลดแวบหนึ่ง แต่ก็ฟื้นฟูกลับสู่สภาพปกติอย่างรวดเร็ว
เซียวเหลียง “จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร ข้ารับปากแล้วว่าจะส่งเจ้า เถ้าแก่ซ่ง ถ้าอย่างไรก็ไว้วันหลังแล้วกัน ไว้ข้าจะเชิญท่าน ท่านคิดเห็นเช่นไร? ”
ซ่งฉางชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่ได้ตอบตกลง แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ
อาหารมื้อนั้น คาดว่าเขาคงไม่ไป เดิมทีเขาก็เกลียดการพูดคุยสนทนากับผู้อื่นอยู่แล้ว
เซี่ยยวี่หลัวยังคิดจะยืนกรานว่าจะไปเอง เซียวเหลียงกลับยืนกรานว่าจะส่ง เซี่ยยวี่หลัวได้แต่ปล่อยไป ระหว่างทางกลับ เซี่ยยวี่หลัวกล่าวด้วยความรู้สึกเกรงใจ “ท่านอาเซียวเหลียง ขออภัยจริงๆ เจ้าค่ะ รบกวนการดื่มระหว่างท่านกับเถ้าแก่ซ่งแล้ว”
เซียวเหลียงแสดงสีหน้าบ่งบอกว่ารู้สึกเสียดาย แต่กลับกล่าวด้วยความฉงนสงสัย “ข้ารู้สึกประหลาดใจนัก เถ้าแก่ซ่งผู้นี้ไม่ค่อยเหมือนกับที่ข้าได้ยินมา”
“ไม่เหมือนอย่างไรเจ้าคะ? ” เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยถาม
“เถ้าแก่ซ่งผู้นี้ เป็นถึงจวี่เหริน ร่ำเรียนมามาก เวลานั้นเขาตั้งใจจะรับราชการ เพียงแต่น่าเสียดาย ในภายหลังบิดาของเขาจากโลกนี้ไป กิจการใหญ่โตไม่มีผู้สืบทอด ได้แต่ให้เถ้าแก่ซ่งมารับช่วงต่อ ระหว่างการเรียนหนังสือกับกิจการของครอบครัว เขาจำต้องเลือกเพียงหนึ่งทาง ตอนบิดาของเขาสิ้นใจ ฝากฝังให้เถ้าแก่ซ่งดูแลเซียนจวีโหลว ผ่านช่วงเจ็ดวันแรกหลังบิดาของเขาจากไป เถ้าแก่ซ่งจึงรับดูแลเซียนจวีโหลว ในช่วงเริ่มแรก เจ้าคิดดูว่าบัณฑิตคนหนึ่งจะทำการค้าเป็นได้อย่างไร เริ่มแรกกิจการของเซียนจวีโหลวจึงทรุดลงไม่น้อย แม้กระนั้น คนที่ร่ำเรียนมา ก็มีไหวพริบมากกว่าคนที่ไม่เคยเรียนหนังสือ ในภายหลังเขาทำให้เซียนจวีโหลวกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง แต่เถ้าแก่ซ่งผู้นี้ ทุกคนล้วนบอกว่าเขาเป็นคนไม่ชอบยิ้มแย้ม เขาไม่เคยไปร่วมโต๊ะอาหารใด นอกจากกินอาหารที่เซียนจวีโหลว ก็จะกลับเรือนตระกูลซ่งไปกินอาหาร เขาไม่เคยกินอาหารข้างนอกหรือดื่มน้ำข้างนอกแม้แต่คำเดียว”
เซี่ยยวี่หลัวส่งเสียงเอ๋ทีหนึ่ง แล้วครั้งก่อนคนที่ไปกินข้าวถึงบ้านนาง ไม่ใช่ซ่งฉางชิงหรอกหรือ?
หากเขามีอุปนิสัยแปลกประหลาดเช่นนี้ สามารถรอให้กลับถึงในตัวเมืองค่อยกินก็ได้นี่นา!
เซียวเหลียง “ทำไมหรือ ยวี่หลัว? ”
เซี่ยยวี่หลัวรีบสลัดความคิดเหล่านี้ทิ้งไป “ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ เพียงแต่รู้สึกว่าเถ้าแก่ซ่งผู้นี้ช่างน่าเสียดายนัก ต้องละทิ้งการเรียนหนังสือที่ตัวเองรักที่สุด เลือกที่จะมาทำการค้า”
“เฮ้อ สี่สายอาชีพ บัณฑิต เกษตรกร ช่างฝีมือ ไปจนถึงพ่อค้า จากท่านจวี่เหรินที่มีระดับสูงสุดกลายเป็นพ่อค้าที่มีระดับต่ำสุด แค่คิดก็พอจะรู้ว่าในเวลานั้นเถ้าแก่ซ่งต้องเผชิญกับช่องว่างในจิตใจเช่นไร! ” เซียวเหลียงกล่าวด้วยความรู้สึกเสียดาย
จู่ๆ ในห้วงความคิดของเซี่ยยวี่หลัวก็นึกถึงบุรุษที่สวมใส่ชุดตรงสีฟ้าครามอยู่ตลอด ในอดีตภายในใจเขามีอุดมการณ์กว้างไกล แต่สุดท้ายกลับต้องพ่ายแพ้ให้กับชะตาชีวิต
อย่างไรก็ตาม เส้นทางนั้นแต่ละคนต้องก้าวเดินทีละก้าวด้วยตัวเอง
“สายอาชีพทั้งสี่ บัณฑิต เกษตรกร ช่างฝีมือ และพ่อค้า รากฐานของบ้านเมืองคือราษฎร หากปราศจากบัณฑิต ใครเล่าจะเป็นคนกำหนดและปรับปรุงระบบธรรมภิบาลของชาติบ้านเมือง? เมื่อกำหนดกฎระเบียบและระบบแล้ว ใครจะเป็นผู้บังคับใช้? หากปราศจากเกษตรกร ใครเล่าจะเป็นผู้ปลูกข้าวที่พวกเรากิน ใครจะปลูกฝ้ายให้พวกเรานำมาทำเสื้อผ้าสวมใส่? ช่างฝีมือ คนเหล่านี้มีทักษะเฉพาะด้านของตัวเอง ช่างตัดเย็บเสื้อผ้า ช่างทำรองเท้า ช่างไม้ ช่างก่ออิฐ หากไม่มีพวกเขา พวกเราคงไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่ด้วยซ้ำ พ่อค้า หากไม่มีพวกเขา ข้าวสารอาหารแห้งที่พวกเรากินกันในยามปกติจะไปหามาจากที่ใด? ดังนั้น สี่สายอาชีพนี้ไม่ได้เป็นข้อบ่งชี้ระดับความสูงต่ำ แต่เป็นสี่ด้านที่ไม่อาจขาดไปในชีวิตประจำวันของพวกเรา หากไม่มีพวกเขา ครอบครัวเล็กจะใช้ชีวิตอย่างไร? หากไม่มีครอบครัวเล็ก จะมีทุกคนในใต้หล้าได้อย่างไร? ”
เซี่ยยวี่หลัวกล่าวเนิบๆ
เส้นทางนั้นแต่ละคนต้องเดินทีละก้าวเอง
เซียวเหลียงฟังจบแล้ว ก็ผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเข้าใจอย่างกระจ่างแจ้ง “นี่ยวี่หลัว อาเซียวเหลียงเพิ่งเคยได้ยินคนกล่าวเช่นนี้เป็นหนแรก เจ้ากล่าวได้ไม่ผิด หากไม่มีพ่อค้าอย่างข้ากับเถ้าแก่ซ่ง คนเหล่านั้นจะกินอะไร? ใช้อะไร? หากไม่มีพวกเรา พวกเขามีเงินยังไม่รู้เลยว่าจะไปซื้อของที่แห่งไหน! ”
เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าว “ใช่แล้ว ดังนั้นอย่ายึดติดกับระดับความแตกต่าง ขอเพียงตัวเองมีชีวิตที่ดี ก็ถือว่าดีที่สุด คนอื่นอิจฉาก็ไม่อาจเป็นอย่างท่านได้”
เซียวเหลียงรีบพยักหน้าอย่างเห็นพ้อง “ยวี่หลัว เจ้ากล่าวได้ไม่ผิด เมื่อก่อนข้ามักจะมีความกังวลใจ แต่วันนี้ได้ฟังเจ้าพูดเช่นนี้ เข้าก็ไม่กังวลอะไรอีกแล้ว อย่างไรข้าก็ทำอาชีพสุจริต ไม่ได้ลักขโมย หาเงินได้จากหยาดเหงื่อแรงกาย ไม่เกี่ยวข้องกับคนอื่น ข้ามีชีวิตที่ดี ภรรยาข้ามีชีวิตที่ดี บิดาของข้ามีชีวิตที่ดี บุตรชายบุตรสาวของข้ามีชีวิตที่ดี ก็เพียงพอแล้ว! ”
“ใช่แล้ว เส้นทางนั้นเราต้องเดินทีละก้าวด้วยตัวเอง ขอเพียงไม่ทำเรื่องน่าละอายใจ ขอเพียงตั้งใจพยายาม อยู่ที่ไหนก็สามารถฉายแสงเจิดจรัสเจ้าค่ะ” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
เสียงหัวเราะดังก้องอยู่ท่ามกลางเทือกเขาสองฝั่ง รถม้าที่เคลื่อนไปด้านหน้าก่อให้เกิดฝุ่นตลบเป็นระลอก สายลมอ่อนพัดโชย ก่อนหายไปอย่างรวดเร็ว
รถม้าเคลื่อนไปไกลจนมองไม่เห็นแม้แต่เงานานแล้ว ซ่งฉางชิงยังยืนอยู่ที่ประตูด้านหลัง ไพล่มือไว้ด้านหลัง ยืนให้สายลมพัดผ่านอยู่ตรงนั้น
ซ่งฝูได้ยินว่าคุณชายเชื่อคำพูดของสตรีแปลกหน้าคนหนึ่ง ทั้งยังให้หาสถานที่เก็บแป้งแห่งใหม่ จึงรีบวิ่งออกมาหาซ่งฉางชิง ในภายหลังเห็นเขาอยู่ที่ประตูด้านหลัง “คุณชาย แป้งนี่พวกเราเก็บในห้องครัวมากี่ปีแล้ว อย่าว่าแต่ระเบิดเลย ไม่เคยมีประกายไฟด้วยซ้ำ จะระเบิดได้อย่างไรขอรับ! ”
ประกายเศร้าสลดในแววตาซ่งฉางชิงหายไปอย่างฉับพลัน หันไปมองซ่งฝู กล่าวอย่างเรียบสงบว่า “กองแป้งไว้รวมกัน” ก่อนหันขวับเดินเข้าไปในลานด้านหลัง
ซ่งฝูรู้ว่าคุณชายตัดสินใจแล้ว ได้แต่ปฏิบัติตาม หลังจากหาห้องร่มเย็นที่อากาศถ่ายเทแห่งหนึ่ง และขนย้ายแป้งยี่สิบกระสอบไปกองรวมเป็นกองใหญ่เสร็จ ซ่งฝูก็เหนื่อยจนหายใจหอบ จับลูกจ้างที่มาบอกคำสั่งเมื่อครู่ไว้ “คนที่บอกว่าจะระเบิดเป็นคนเช่นไร ทำไมนางถึงไม่บอกว่าแป้งสามารถบินขึ้นฟ้าได้เล่า? ”
ลูกจ้างรีบบรรยายรูปร่างหน้าตาของสตรีที่เขาพบ “พี่ซ่งฝู สตรีผู้นั้นหน้าตาดีมากทีเดียว เส้นผมสีดำเงางาม ดวงตากลมโต สันจมูกโด่ง ริมฝีปากสีแดง ใบหน้ารูปไข่ หน้าตาดี รูปร่างก็ดี งดงามมาก! ข้ายังไม่เคยเห็นสตรีที่งดงามถึงเพียงนี้ในตัวเมืองมาก่อนเลย! ”
ลูกจ้างผู้นั้นแสดงสีหน้าตกตะลึงในความงาม
ซ่งฝูขมวดคิ้วครุ่นคิดครู่หนึ่ง “สตรีผู้นั้นแซ่เซี่ยใช่หรือไม่? ”
“แซ่เซี่ยหรือไม่ข้าก็ไม่ทราบ ข้าได้ยินเถ้าแก่เซียวเรียกนางว่ายวี่หลัว และได้ยินท่านซ่งเรียกนางว่าฮูหยินเซียว! ”
ซ่งฝูเข้าใจทันที เป็นนางจริงๆ !
นางบอกว่าจะระเบิด คุณชายก็เชื่อเช่นนั้นหรือ?
ซ่งฝูรู้สึกจับต้นชนปลายไม่ถูก เซี่ยยวี่หลัวผู้นี้ มีความสามารถอะไรกัน เรื่องเหลวไหลเหลือเชื่อเช่นนี้ นางสามารถพูดจนคุณชายเชื่อได้?
นี่มันเหลวไหลทั้งเพ!