ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 8 บทที่ 235 ท่านราชบัณฑิตน้อยเป็นคนเช่นไร
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 8 บทที่ 235 ท่านราชบัณฑิตน้อยเป็นคนเช่นไร
ตอนท่านป้าสี่พุ่งพรวดออกมา เห็นเซียวหมิงจูที่ยังสบายดี ในที่สุดจิตใจที่วิตกกังวลมาตลอดก็เบาใจลง เมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ข้างกายบุตรสาวคือเซียวหยวน ทั้งสองคนพูดคุยยิ้มแย้ม ในสายตาของท่านป้าสี่ กลับมองว่าทั้งคู่ต่างมีใจให้กัน
ท่านป้าสี่รู้สึกยินดีเสียยิ่งกว่ากระไร “หมิงจู ตลอดช่วงบ่ายที่มาผ่านเจ้าไปไหนกัน? ทำไมเจ้าถึงอยู่ด้วยเล่า อาหยวน? ”
เซียวหมิงจูจ้องมองเซียวหยวนด้วยความกังวล เกรงว่าเขาจะพูดเรื่องที่ตัวเองร่ำไห้ที่ริมแม่น้ำตลอดช่วงบ่ายออกมา เซียวหยวนมองนางแวบหนึ่ง ให้นางสบายใจ “ช่วงบ่ายข้ากับหมิงจูออกไปเที่ยวเล่นขอรับ เพราะออกไปกะทันหัน จึงไม่ได้บอกกล่าวกับท่านลุงสี่และท่านป้าสี่ก่อน ทำให้พวกท่านเป็นห่วงแล้ว”
เซียวหมิงจูก้มหน้าเล็กน้อย ผ่อนลมหายใจยาวด้วยความโล่งอก
ท่านป้าสี่มองเซียวหมิงจู เซียวหมิงจูไม่ได้โต้แย้ง ดูท่าจะเป็นความจริง นางยิ้มพร้อมกล่าว “หมิงจูอยู่กับเจ้า ข้าจะเป็นห่วงอะไร! ”
“อาหยวน นี่ก็สายมากแล้ว อยู่กินข้าวเย็นแล้วค่อยไปสิ! ” ท่านป้าสี่กล่าวอย่างเป็นกันเอง
เซียวหยวนหันมองเซียวหมิงจูแวบหนึ่ง เซียวหมิงจูก็กล่าว “จริงด้วย นี่ก็สายแล้ว ท่านกลับไปยังต้องทำอาหารเอง มิสู้อยู่กินที่บ้านข้าค่อยกลับไป! ”
เซียวหยวนยิ้มอย่างเบิกบาน ก่อนขานตอบเต็มปากเต็มคำ “ได้! ”
เมื่อท่านป้าสี่เห็นท่าทางของพวกเขาสองคน ก็มีความสุขยิ่งนัก
หลังจากทานมื้อเย็นเสร็จ เซียวหมิงจูไปส่งเขาถึงหน้าประตู แล้วจึงกลับห้องของตัวเอง ภายในห้อง ท่านป้าสี่รอนางอยู่ก่อนแล้ว “หมิงจู เจ้ากับอาหยวน ตอนนี้ความสัมพันธ์ไม่เลวเลย”
เซียวหมิงจูกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบสงบ “เจ้าค่ะ”
หลังจากได้พูดคุยกันตลอดช่วงบ่าย เซียวหมิงจูไม่รู้สึกรังเกียจเซียวหยวนอีกเลย แต่กลับชอบความห่วงใยและเอาใจใส่ที่เซียวหยวนมีต่อนาง รวมถึงความระมัดระวังของเขาขณะอยู่ข้างกายนาง
“ดี” ท่านป้าสี่กล่าวอย่างมีความสุข “อาหยวนเป็นเด็กดี หากเจ้ามีเวลา ต้องไปมาหาสู่กับเขาให้มาก แล้วเจ้าจะได้เห็นข้อดีของเขาเอง”
เซียวหมิงจูเผยรอยยิ้มบาง ไม่ได้กล่าวอะไร ท่านป้าสี่เห็นบุตรสาวตนเองว่าง่ายถึงเพียงนี้ นึกว่านางคิดตกแล้ว จึงออกไปอย่างมีความสุข
ภายในห้องเหลือเพียงเซียวหมิงจูคนเดียว เมื่อห้องเงียบสงบลง เซียวหมิงจูนั่งลงตรงริมเตียงเงียบๆ มองดูเสื้อที่วางอยู่บนเตียง เสื้อตัวนั้นยับแล้ว ตำแหน่งที่เปื้อนคราบน้ำตาของนาง น้ำตาแห้งไปแล้ว แต่ยังคงเห็นร่องรอยบนนั้น
ตามองเสื้อที่ตัวเองทำ ในห้วงความคิดหวนนึกถึงภาพเซียวยวี่ที่สวมใส่เสื้อตัวใหม่อีกตัวหนึ่ง
นั่นเป็นเสื้อสีคราม ตัดเย็บพอดีตัว ฝีเข็มประณีต ดีกว่าเสื้อในมือนางมากนัก
เซียวยวี่ไม่ต้องการนางแล้ว
พอนึกถึงความเย็นชาที่พี่อายวี่มีต่อนาง เซียวหมิงจูทนไม่ไหวจนร่ำไห้อีกครั้ง
หลังจากร่ำไห้เสร็จ ห้วงความคิดเซียวหมิงจูจึงแจ่มชัดขึ้น
ทั้งหมดนี้ต้องโทษเซี่ยยวี่หลัว เป็นเพราะเซี่ยยวี่หลัว พี่อายวี่ถึงได้เปลี่ยนไป
ตอนเที่ยงเซียวจื่อเซวียนกินเกี๊ยวไปเพียงสองตัว ในภายหลังใช่ว่าจะหมดแล้วจริงๆ เซี่ยยวี่หลัวเพียงหลอกให้เขาตกใจเท่านั้น หลังจากนั้นก็ต้มอีกหม้อหนึ่งให้เขา เกี๊ยวสิบกว่าตัว เซียวจื่อเซวียนได้กินจนหนำใจ
หลังจากกินมื้อเที่ยง เซี่ยยวี่หลัวจะพาเด็กสองคนไปทำงานที่สวนหลังบ้านเป็นเวลาหนึ่งเค่อ กลับถูกเซียวยวี่ขวางไว้
เซียวยวี่ยืนอยู่หน้าประตูห้องโถง มองเซี่ยยวี่หลัว “ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า”
เซี่ยยวี่หลัว “…” คุยกับนาง? เป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้าย?
เด็กสองคนไปสวนหลังบ้าน ทิ้งให้เซี่ยยวี่หลัวเผชิญหน้ากับท่านราชบัณฑิตน้อยเซียวยวี่ที่ในอนาคตจะฆ่าคนโดยไม่กะพริบตา ทั้งยังเลือดเย็นและไร้ความรู้สึก จึงรู้สึกถึงแรงกดดันอย่างหนักหน่วงขึ้นมาในทันใด
เซี่ยยวี่หลัวไม่กล่าวอะไร เซียวยวี่จ้องมองนาง รู้ว่านางคงไม่เป็นฝ่ายเอ่ยถามก่อน
เซียวยวี่รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ได้แต่กล่าวตามตรงเพื่อหวังว่าจะได้ผ่อนหนักเป็นเบา “ข้ากับเซียวหมิงจู ไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ ต่อกัน ข้าเองไม่เคยมีความรู้สึกที่ไม่ควรมีต่อนาง ที่ผ่านมาไม่มี ตอนนี้ไม่มี ในอนาคตก็จะไม่มี”
เขาเป็นคนที่รักมั่นเพียงหนึ่งเดียว หากชอบก็คือชอบ หากไม่ชอบ ก็จะไม่ชอบไปชั่วชีวิต
เซี่ยยวี่หลัวนั่งบนเก้าอี้ ไม่ว่าเซียวยวี่จะกล่าวอะไร นางก็คิดจะยึดถือคติไม่ฟังเสียอย่าง นางคาดเดาว่าเขาอาจถามเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงของนาง นางควรจะตอบเช่นไร เพียงแต่พอเซียวยวี่ปริปากพูด กลับทำให้เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกตกใจ
นางไม่คาดคิดเลยจริงๆ ว่าเซียวยวี่จะอธิบายเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเซียวหมิงจู?
ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกวางตัวไม่ถูกทันที คำอธิบายที่นางเตรียมไว้เมื่อครู่ติดอยู่ในลำคอ คายออกมาไม่ได้ ทั้งยังไม่รู้ว่าควรตอบกลับเซียวยวี่อย่างไร เบิกตากว้างจ้องมองเซียวยวี่ ผ่านไปครู่ใหญ่จึงเอ่ยคำว่า “อ่อ” ออกมา
อ่อ?
อ่อหมายความว่าอย่างไร?
หมายถึงเข้าใจแล้ว หรือว่ายอมรับแล้ว?
เซียวยวี่ไม่อาจเข้าใจความหมายของคำง่ายๆ อย่างคำว่า “อ่อ” จึงอธิบายต่อ “ตอนนั้นบิดามารดาล้มป่วย เด็กสองคนยังเล็กมาก ข้าต้องดูแลท่านพ่อท่านแม่ ทั้งยังต้องดูแลพวกเขา งานยุ่งจนไม่ได้พัก ในเวลานั้นหมิงจูมักมาช่วยข้าดูแลเด็กสองคนเป็นประจำ ข้ารู้สึกซาบซึ้งใจมาก แต่ก็รู้ว่าจะรับความช่วยเหลือจากผู้อื่นเปล่าๆ ไม่ได้ ดังนั้น ตอนนั้นข้าจึงใช้ข้าวของที่มีค่าในบ้านมาแสดงความขอบคุณของข้า ส่วนหมิงจู ข้าเพียงเห็นนางเป็นเหมือนอาเมิ่ง ไม่เคยมีความคิดเป็นอื่นแม้แต่น้อย”
เซียวยวี่กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเป็นพิเศษ
นี่เป็นครั้งแรกที่เซี่ยยวี่หลัวได้ยินเซียวยวี่กล่าวประโยคยาวถึงเพียงนี้ ทั้งยังกล่าวกับนาง ทั้งยังเป็นการอธิบายกับนางด้วย
เซี่ยยวี่หลัวเรียกคืนสติจากความรู้สึกผิดคาดเมื่อครู่ รู้ว่าคำว่า “อ่อ” เมื่อครู่ของตนเองยังไม่ดีพอ หลังจากฟังเซียวยวี่อธิบายอีกครั้ง จึงรีบกล่าว “ข้ารู้ เจ้าเห็นนางเป็นน้องสาว”
หากเซียวยวี่มีความคิดเป็นอื่นกับเซียวหมิงจู ต่อให้ท่านตาผู้นั้นเอามีดมาจ่อคอเซียวยวี่ เขาก็ไม่มีทางแต่งกับนาง
ในหนังสือนิยายกล่าวเอาไว้ เซียวยวี่เป็นคนที่ยึดมั่นในความรัก เขาเลือดเย็นไร้ความรู้สึก แต่ก็เป็นคนที่รักมั่น เขารักมั่นนางเอกเพียงผู้เดียว ครองคู่กับนางเพียงผู้เดียวชั่วชีวิตอย่างแท้จริง มีตำแหน่งสูงอำนาจล้นฟ้า ทั้งยังรักใคร่ภรรยา บุรุษเช่นนี้ ในด้านความรัก ถือว่าสมบูรณ์แบบ
หากเขาโปรดปรานผู้ใด ในสายตาเขาก็จะไม่เห็นผู้อื่นอีก
เซียวยวี่เห็นว่าเซี่ยยวี่หลัวเข้าใจแล้ว จึงผ่อนลมหายใจยาวด้วยความโล่งอก “ในภายหลังนางสื่อความในใจต่อข้าอยู่หลายครั้ง ข้าล้วนปฏิเสธไปทุกครั้ง เพียงแต่ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดนางถึง…”
ตามราวีไม่เลิก!
เซี่ยยวี่หลัวแย้มรอยยิ้ม เข้าใจสิ่งที่เขาจะสื่อ “นี่คือจุดที่นางตาแหลมรู้จักของดีมีคุณค่า! ”
ท่านราชบัณฑิตน้อยในอนาคตเชียว ถึงแม้ตอนนี้จะยากจน แต่ในอนาคตเขาจะอยู่ใต้คนเดียวอยู่เหนือคนนับหมื่น ดำรงตำแหน่งราชบัณฑิต นั่นเป็นถึงขุนนางอันดับหนึ่งเชียว!
สายตาของเซียวหมิงจูช่างร้ายกาจนัก!
เซียวยวี่มองเซี่ยยวี่หลัวด้วยท่าทีสงสัย รู้สึกฉงนสงสัยในคำพูดประโยคนั้นของนาง “รู้จักของดีมีคุณค่า? ”
เขาขมวดคิ้วมุ่น
‘ของ’ หมายถึงอะไร?
ความหมายของเซี่ยยวี่หลัวคือ ของ หมายถึงเขา?
เซี่ยยวี่หลัว “…”
เหมือนจะเปรียบเปรยท่านราชบัณฑิตน้อยเป็นสิ่งของเสียแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวยิ้มแก้เก้อทีหนึ่ง ปอยผมด้านข้างลู่ลงมาปิดข้างแก้ม เซี่ยยวี่หลัวปาดปอยผมไปคาดไว้หลังหู ก้มหน้าลงเล็กน้อย
เซียวยวี่จ้องมองนางอย่างไม่ละสายตา ใบหน้านางขึ้นสีแดงเรื่อ ปอยผมลู่ลงข้างแก้ม เส้นผมสีดำสนิทดุจน้ำหมึก แก้มสีขาวดูแจ่มชัดยิ่งขึ้น นางเผยรอยยิ้มบางที่มุมปาก อิริยาบถดูอ่อนโยน ดวงตาคู่โตสดใสราวกับฤดูใบไม้ผลิ
งดงามประหนึ่งภาพวาดจากสรวงสวรรค์ที่บรรจงวาดอย่างประณีต ทำให้หัวใจสั่นไหว
หัวใจจมดิ่งเล็กน้อย เหมือนจะเต้นผิดจังหวะไปชั่วขณะ
เซียวยวี่รีบเบือนหน้าหนี กระแอมทีหนึ่ง เพื่อปกปิดความรู้สึกผิดปกติของตนเองเมื่อครู่นี้