ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 8 บทที่ 236 จำต้องให้เขาพูดให้ชัดเจนว่านางคือใครเช่นนั้นหรือ
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 8 บทที่ 236 จำต้องให้เขาพูดให้ชัดเจนว่านางคือใครเช่นนั้นหรือ
เซี่ยยวี่หลัวเห็นเซียวยวี่ไม่กล่าวอะไรอีก นึกว่าเขาพูดจบแล้ว เพิ่งลุกขึ้น เซียวยวี่ก็หยิบของสิ่งหนึ่งออกจากอกเสื้อ
เมื่อเห็นของบนโต๊ะ เซี่ยยวี่หลัวหน้าซีดทันที
“นี่เป็นของเจ้า”
ตอนเซี่ยยวี่หลัวเห็นกุญแจ ก็รีบหันมองเซียวยวี่ จึงได้เห็นเซียวยวี่สีหน้าบึ้งตึงอึมครึมเสียยิ่งกว่าอะไร
นางลืมเอากุญแจกลับคืนมาได้อย่างไรกัน!
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกทำตัวไม่ถูก เริ่มพูดจาอ้ำๆ อึ้งๆ “เป็น… เป็นของข้า คือ ข้า…”
นางไม่รู้ว่าควรอธิบายเช่นไร เซียวยวี่ที่มีไหวพริบชาญฉลาดถึงเพียงนั้น ย่อมต้องคาดเดาความหมายที่นางมอบกุญแจให้จื่อเมิ่งได้แล้วเป็นแน่
เซียวยวี่เลิกคิ้วเข้มขึ้นเล็กน้อย กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบสงบ “ของสำคัญเช่นนี้ ต่อไปอย่าได้มอบให้เด็กเล็กเก็บรักษา เด็กเล็กอาจทำมันหล่นหายได้” ถ้าจะมอบ ก็ต้องมอบให้เขาเก็บรักษา!
เซี่ยยวี่หลัวส่งเสียง “หา” ทีหนึ่ง เซียวยวี่เดินออกไปแล้ว
ทิ้งไว้เพียงเงาแผ่นหลังที่ซูบผอมแต่กลับทรงพลังให้เซี่ยยวี่หลัว
เซี่ยยวี่หลัวมองดูกุญแจในมือ รู้สึกผิดคาดเล็กน้อย แค่นี้… ก็ถือว่าจบเรื่องแล้ว?
เซียวยวี่ไม่ซักถามว่าเหตุใดถึงต้องมอบกุญแจให้จื่อเมิ่ง? ต่อให้เขาคาดเดาได้แล้ว ก็ควรจะฟังจากปากนางด้วยไม่ใช่หรือ เช่นนั้นถึงจะยืนยันความจริงได้ จากนั้นค่อยถือโอกาสถากถางหยามเหยียดนางให้อับอาย หรือไม่ก็ขับไล่นางไปเสีย?
เหตุใดถึงปล่อยผ่านไป… อย่างง่ายดายเช่นนี้เล่า?
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่กุญแจกลับมาอีกครั้ง นั่นก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าตอนนี้เซียวยวี่ยังไม่มีความคิดจะขับไล่นางไป ในเมื่อไม่คิดจะขับไล่นางไป เช่นนั้นนางก็อาศัยอยู่ที่นี่ต่อไปอย่างสงบใจก็แล้วกัน
อย่างไรเสีย ตอนนี้นางก็ยังหาสถานที่ที่ดีกว่านี้ไม่ได้
ทว่า นับแต่นั้นเป็นต้นมา เซี่ยยวี่หลัวก็พบความผิดปกติของเซียวยวี่
ก่อนหน้านั้นทั้งคู่ไม่เคยมีอะไรให้คุยกัน เซี่ยยวี่หลัวเพียงกล่าวหนึ่งถึงสองประโยคหากถึงคราวที่ไม่อาจหลบเลี่ยงได้ เพื่อให้บรรยากาศที่ตึงเครียดผ่อนคลายลง ส่วนเซียวยวี่ ไม่เคยเป็นฝ่ายเริ่มพูดคุยกับเซี่ยยวี่หลัวก่อน
ทว่า นับตั้งแต่เรื่องครั้งนั้น เซียวยวี่กลับหาโอกาสพูดคุยกับเซี่ยยวี่หลัวเป็นครั้งคราว ถึงแม้จะพบหน้ากันโดยบังเอิญ กล่าวทักทายกันสองประโยค แต่เซี่ยยวี่หลัวก็เห็นความเปลี่ยนแปลงของเซียวยวี่
เจ้าหมอนี่ ถึงกับเป็นฝ่ายเริ่มพูดคุยกับนางก่อน
ช่างเป็นเรื่องที่อยู่เหนือความคาดหมายจริงๆ
แต่ความสัมพันธ์กับเซียวยวี่ผ่อนคลายลงบ้าง เซี่ยยวี่หลัวก็อยู่อย่างสบายใจขึ้นมาก อย่างน้อย ก็ไม่ต้องเผชิญกับใบหน้าที่ปราศจากรอยยิ้มทั้งวัน เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกว่าชีวิตในแต่ละวันสุขสบายขึ้นเรื่อยๆ
กระเป๋าเงินไม่แบนแล้ว ความสัมพันธ์ก็ไม่ตึงเครียดเหมือนเดิม รอยยิ้มบนใบหน้าเซี่ยยวี่หลัวจึงดูเบิกบานยิ่งขึ้น
แต่ละวันเดินเข้าเดินออกอย่างหน้าชื่นตาบาน เด็กสองคนตามอยู่ข้างกายนาง ยังไม่ทันเห็นตัวคน ก็ได้ยินเสียงหัวเราะก่อน อุปนิสัยของเด็กสองคนร่าเริงขึ้นเรื่อยๆ ปฏิบัติต่อผู้อื่นและรับมอบสิ่งของอย่างรู้กาลเทศะมากขึ้นเรื่อยๆ ความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ เซียวยวี่เห็นแล้วก็รู้สึกยินดีอยู่ในใจ
ระยะนี้เซี่ยยวี่หลัวมักจะไปที่บ้านหัวหน้าหมู่บ้าน วันนี้หลังจากกินอาหารเช้าที่บ้าน ซักเสื้อผ้าเสร็จ เปลี่ยนเสื้อแล้วจึงออกบ้านไป
เซียวจื่อเมิ่งตามเซี่ยยวี่หลัวไปด้วย พี่สะใภ้ใหญ่ไปที่ไหน นางที่เป็นผู้ติดตามตัวน้อยก็จะตามไปที่นั่น
เซี่ยยวี่หลัวเพียงบอกกล่าวกับเซียวจื่อเซวียนเสร็จ ก็จูงมือเซียวจื่อเมิ่งออกไปแล้ว
เสียงเปิดและปิดประตูดังขึ้นจากทางประตูใหญ่ เซียวยวี่ที่นั่งอยู่ในห้องได้ยินแล้วก็ไม่อาจสงบใจได้ ใครออกไป และไปทำอะไร?
หากเด็กสองคนจะออกไป จะไปบอกกับเซี่ยยวี่หลัวโดยตรง หากเซี่ยยวี่หลัวจะออกไป ก็จะบอกกับเด็กสองคน สามคนนั้น เว้นเสียแต่จะออกไปพร้อมกันทั้งหมด ถึงจะบอกกล่าวกับเขา หากออกไปหนึ่งถึงสองคน จะไม่บอกเขา
ดูท่า ในบ้านยังเหลืออีกหนึ่งคน เมื่อเซียวยวี่วางตำราในมือลงและออกมา ก็เห็นเซียวจื่อเซวียนกำลังตากเสื้ออยู่ในลานบ้านจริงๆ
ไม่ได้ยินเสียงของเซียวจื่อเมิ่ง ทั้งยังไม่ได้ยินเสียงหัวเราะพูดคุยของสตรีผู้นั้น
เซียวยวี่ทำหูผึ่งเบิกตากว้าง กวาดสายตามองดูรอบๆ ก็ยังไม่เห็นคนอื่น จึงเอ่ยถาม “น้องสาวของเจ้าเล่า? ”
“พี่ใหญ่ จื่อเมิ่งออกไปแล้วขอรับ” เซียวจื่อเซวียนสะบัดเสื้อทีหนึ่ง สะบัดจนเสื้อตรง จึงตากไว้บนราวไม้ไผ่ที่เช็ดจนสะอาดแล้ว
เซียวยวี่มองดู จื่อเมิ่งไม่อยู่ และไม่ได้ยินเสียงของเซี่ยยวี่หลัว
ดูท่า อาเมิ่งน่าจะตามเซี่ยยวี่หลัวออกไป หากถามว่าอาเมิ่งไปทำอะไร ก็จะได้รู้ว่าเซี่ยยวี่หลัวไปทำอะไร
เซียวยวี่ไม่ได้ถามถึงเซี่ยยวี่หลัว กลับเอ่ยถาม “อ่อ นางออกไปทำอะไรอย่างนั้นหรือ? ”
“ตามพี่สะใภ้ใหญ่ไปขอรับ” เซียวจื่อเซวียนกล่าวตอบ
“ไปทำอะไรอย่างนั้นหรือ? ” เซียวยวี่เอ่ยถามอีกครั้ง
เซียวจื่อเซวียนกล่าวตอบอีกครั้ง “ตามพี่สะใภ้ใหญ่ไปขอรับ”
เซียวยวี่เหลือบมองเซียวจื่อเซวียนแวบหนึ่ง เขารู้ว่าเซียวจื่อเมิ่งตามเซี่ยยวี่หลัวออกไป เขาอยากถามว่า เซี่ยยวี่หลัวออกไปทำอะไร?
“นางไปทำอะไร? ” นางในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงอาเมิ่ง
“จื่อเมิ่งจะทำอะไรได้ พี่สะใภ้ใหญ่ไปที่ไหน นางก็ตามไปที่นั่นน่ะสิ…” เซียวจื่อเซวียนรู้สึกงุนงงเป็นอย่างมาก หันมองพี่ใหญ่ของตัวเองอย่างไม่เข้าใจ
เขากล่าวตอบชัดเจนถึงเพียงนี้แล้ว พี่ใหญ่จะไม่เข้าใจอีกหรือ? จื่อเมิ่งออกไปแล้วอย่างไรเล่า!
นางจะไปทำอะไรได้?
เหมือนผู้ติดตามตัวน้อย พี่สะใภ้ใหญ่ไปที่ไหน นางก็ตามไปที่นั่น
เซียวยวี่ “…” เหตุใดเขาถึงมีน้องชายที่ซื่อบื้อเช่นนี้ เขาเอ่ยถามชัดเจนถึงเพียงนั้น เขายังไม่เข้าใจความหมายที่แฝงเร้นอีกงั้นหรือ? หรือต้องให้เขาเอ่ยชื่อเซี่ยยวี่หลัวออกมา เขาถึงจะเข้าใจว่าตัวเองต้องการถามอะไร?
สองพี่น้องจ้องมองกันไป มองกันมา ตาใหญ่จ้องตาเล็ก ต่างก็สามารถมองเห็นคำที่สื่อจากสีหน้าของทั้งคู่ — ซื่อบื้อเสียจริง
“พี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้าไปทำอะไร? ” เซียวยวี่ได้แต่เอ่ยถามเป็นหนที่สี่ด้วยความละเหี่ยใจ
เซียวจื่อเซวียนขานตอบว่าอ่อทีหนึ่ง ในที่สุดก็กล่าว “พี่สะใภ้ใหญ่ไปบ้านหัวหน้าหมู่บ้านขอรับ”
ในที่สุดก็เข้าใจแล้ว
เซียวยวี่ลอบผ่อนลมหายใจยาวอยู่ในใจ เขาโดนเจ้าน้องชายซื่อบื้อนี่ทำให้โมโหแทบตาย
“อ่อ นางไปทำอะไรอย่างนั้นหรือ? ” เซียวยวี่ทำทีเป็นเอ่ยถามอย่างไม่ใส่ใจนัก แสร้งทำเป็นเอ่ยถามไปตามเรื่องราว ไม่ได้เจาะจงถามเกี่ยวกับเซี่ยยวี่หลัว
“ได้ยินมาว่าครอบครัวหัวหน้าหมู่บ้านจะไปเปิดร้านขายอาหารเช้าในตัวเมืองเร็วๆ นี้ พวกเขาให้พี่สะใภ้ใหญ่ไปช่วยออกความคิดเห็นขอรับ! ”
เชิญเซี่ยยวี่หลัวไปช่วยออกความคิดเห็น? พวกเขาจะเปิดร้านขายอาหารเช้า เหตุใดถึงต้องเชิญเซี่ยยวี่หลัวไปช่วยออกความเห็นด้วย? เซี่ยยวี่หลัวไม่เคยเปิดร้านขายอาหารเช้าเสียหน่อย นางไม่มีทั้งประสบการณ์และความรู้ จะช่วยออกความเห็นให้คนอื่นได้อย่างไร!
เซียวยวี่ยังอยากถามว่าเหตุใดถึงต้องเชิญพี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้าไปช่วยออกความเห็น เซียวจื่อเซวียนตากเสื้อตัวสุดท้ายเสร็จ ก็ยกถังไม้คว่ำไว้ตรงขั้นบันไดที่แสงแดดส่องไม่ถึง พี่สะใภ้ใหญ่เคยบอกว่า เช่นนี้สามารถตากให้น้ำหยดออกจนแห้ง ไม่ให้ถังไม้ขึ้นรา ทั้งยังไม่โดนแดดเผาจนปริแตก
จากนั้น เซียวจื่อเซวียนก็สาวเท้าก้าวเดินกลับห้องตัวเอง
“พี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้า…” คำพูดครึ่งประโยคหลังยังติดอยู่ในลำคอ เซียวยวี่ก็ไม่ได้กล่าวต่อแล้ว
เซียวจื่อเซวียนเข้าไปในห้อง ไม่มีเสียงอะไรอีก
เซียวยวี่ได้แต่กลืนคำพูดครึ่งประโยคหลังกลับไป ยืนอยู่ที่เดิมเดินวนไปมา มองดูห้องของเซียวจื่อเซวียน ก่อนหันมองไปยังทิศทางบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน
เขาเดินวนไปเวียนมาอยู่สิบกว่าถึงยี่สิบรอบแล้ว มือก็ยังไม่มีความกล้าจะผลักเปิดประตู
เขาเพียงแค่อยากตามไปดู ว่านางกำลังทำอะไรอยู่!