ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 8 บทที่ 240 อาหลัวต้องกลับไปช่วยข้าฝนหมึก
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 8 บทที่ 240 อาหลัวต้องกลับไปช่วยข้าฝนหมึก
เซี่ยยวี่หลัวมองดูท้องฟ้าภายนอก คาดว่าตอนนี้เพิ่งถึงช่วงเช้าสิบโมงโดยประมาณ คนในพื้นที่ชนบททำอาหารเที่ยงเร็วขนาดนี้ที่ไหนกัน “ไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ ท่านป้า พี่สะใภ้ ที่บ้านยังมีธุระอีก ข้าไม่อยู่ต่อแล้ว ครั้งหน้าหากมีโอกาสค่อยมาอีก ข้ากลับก่อนเจ้าค่ะ”
กวั่นซื่อเดินขึ้นหน้าไปจับเซี่ยยวี่หลัวไว้ “กลับอะไรกัน ป้าบอกแล้ว ไม่ให้ไป กินอาหารเที่ยงแล้วค่อยไป! ”
เซี่ยยวี่หลัวไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ต่อให้อยากกลับเพียงใด อีกฝ่ายจับตัวไว้ไม่ให้ไป หากยังจะไปอีก คงไม่ค่อยดีกระมัง!
“ท่านลุง ท่านป้า ข้ายังต้องกลับไปอ่านตำรา ตำราในวันนี้ยังอ่านไม่เสร็จ” เซียวยวี่กล่าวอย่างเรียบสงบ น้ำเสียงราบเรียบ ทุ้มต่ำทั้งยังฟังน่าดึงดูด
เมื่อดังเข้ามาในโสตประสาท สามารถสะกดวิญญาณผู้ฟังได้อย่างง่ายดาย
เซียวจิ้งยี่รีบกล่าว “กลับเถอะ กลับเถอะ อ่านตำราสำคัญที่สุด”
จะรบกวนคนอื่นจนไม่ได้อ่านตำราก็คงไม่ดีกระมัง
กวั่นซื่อรีบกล่าว “เช่นนั้นก็ได้ อายวี่ เจ้ากลับไปก่อน ภรรยาของเจ้าก็อยู่ที่นี่ รอให้ทำอาหารเสร็จแล้ว ข้าจะให้ฉงเหวินไปตามเจ้า”
เซี่ยยวี่หลัว “…” ท่านป้า ท่านปรารถนาดีเกินไปแล้ว กินโหยวเถียวไปตั้งหลายตัว หากให้กินข้าวอีก เช่นนั้นนางรู้สึกเกรงใจจริงๆ !
เซี่ยยวี่หลัวแสดงสีหน้าลำบากใจ เซียวยวี่เห็นดังนั้น จึงกล่าวด้วยความจนใจ “ท่านป้า อาหลัวต้องกลับไปกับข้าขอรับ! ”
“กลับไปกับเจ้าทำไม เล่นอยู่ในบ้านครู่หนึ่ง! ” กวั่นซื่อกล่าว
เซียวยวี่ประสานมือคำนับพร้อมกล่าว “อาหลัวต้องกลับไปช่วยฝนหมึกให้ข้าขอรับ”
กวั่นซื่อผงะไป “อะไรนะ? ”
เซียวจิ้งยี่ตีนางเบาๆ ทีหนึ่ง แย้มรอยยิ้มพร้อมกล่าว “อะไรอะไรกัน ยังไม่รีบปล่อยภรรยาของเขาไปอีก เขาจะพาภรรยาตัวเองกลับบ้าน เจ้ายังจะฝืนรั้งไว้ทำไม! ”
พอได้ฟังสามีของตนเองกล่าวอย่างเข้าใจง่ายเช่นนี้ กวั่นซื่อก็เข้าใจทันที ทำท่าทางเหมือนข้ามีประสบการณ์ข้าเข้าใจดี “อ่อๆ ได้ๆ คืนภรรยาให้เจ้า คืนให้เจ้า รีบกลับไปเถอะ อย่าให้เสียเวลาอ่านตำราของเซียวยวี่”
เซียวยวี่ประสานมือคำนับกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณท่านป้าขอรับ” เขามองเซี่ยยวี่หลัวทีหนึ่ง บนใบหน้าอ่อนนุ่มจนน่าตกใจของเซี่ยยวี่หลัวฉายประกายเหม่อลอยไปชั่วขณะ เมื่อสายตาสบประสานกับสายตาของเซียวยวี่ ก็รีบขานตอบ “อ่อๆ” จากนั้นจึงสาวเท้าก้าวเดินตามเซียวยวี่ไปสองก้าว
เดินไปสองก้าวแล้วจึงหยุดฝีเท้า หันกลับไปเรียกเซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่ง “จื่อเซวียน จื่อเมิ่ง พวกเรากลับบ้านกัน”
เซียวยวี่ก็หันกลับมา
เซียวจื่อเซวียนดึงเซียวจื่อเมิ่งที่กำลังจะตามพี่สะใภ้ใหญ่ไป ยิ้มพร้อมกล่าวเสียงดัง “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ ข้ากับจื่อเมิ่งเล่นอีกครู่หนึ่งค่อยกลับไป พวกท่านกลับก่อนเลยขอรับ! ”
เซี่ยยวี่หลัว “…” รอยยิ้มของเด็กคนนี้ ช่างคาดเดาเจตนาได้ยากนัก!
เซียวจื่อเซวียนดึงเซียวจื่อเมิ่งไว้ เมื่อเห็นพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่เดินออกจากประตูบ้านแล้ว จึงปล่อยมือออก
เซียวจื่อเมิ่งกระซิบ “พี่รอง ทำไมถึงไม่กลับบ้านไปพร้อมพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่เจ้าคะ! ” นางอยากอยู่กับพี่สะใภ้ใหญ่
เซียวจื่อเซวียนถลึงตามองน้องสาวคนเล็ก เป็นครั้งแรกที่กล่าวด้วยน้ำเสียงหน่ายใจที่เห็นนางไม่ได้ความ “เจ้ายังอยากเป็นท่านอาอยู่หรือไม่? ”
เซียวจื่อเมิ่งกล่าวด้วยความตื่นเต้น “อยากแน่นอนเจ้าค่ะ”
เซียวจื่อเซวียนทอดถอนใจ “หากเจ้าตามติดพี่สะใภ้ใหญ่ไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียวเช่นนี้ เจ้าคงไม่ได้เป็นท่านอาไปชั่วชีวิต! ”
เซียวจื่อเมิ่งไม่สามารถเข้าใจได้ เหตุใดนางตามพี่สะใภ้ใหญ่แล้วจะไม่ได้เป็นท่านอาเล่า “เพราะอะไรเจ้าคะ? ”
เซียวจื่อเซวียนลูบศีรษะนาง ขยับไปข้างหูนางก่อนกล่าว “หากพวกเราอยากเป็นท่านอา ก็ต้องให้พี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่ได้อยู่ด้วยกันมากขึ้น”
“อยู่ด้วยกันแล้วจะสามารถมีเจ้าตัวน้อยหรือเจ้าคะ? ” เซียวจื่อเมิ่งเอ่ยถามอย่างไร้เดียงสา
ความจริงเซียวจื่อเซวียนเองก็ไม่เข้าใจ แต่เคยได้ยินมาว่าคนที่แต่งงานแล้ว หากอยู่ด้วยกันเป็นประจำ ก็จะมีเจ้าตัวน้อย จึงทำทีเป็นเข้าใจอย่างลึกซึ้งพร้อมพยักหน้า “แน่นอน”
เซียวจื่อเมิ่งก็พยักหน้า “เป็นเช่นนี้เอง เช่นนั้นต่อไปพวกเราต้องให้พี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่อยู่ด้วยกันบ่อยๆ ! ”
เซียวจื่อเซวียนก็พยักหน้า “ใช่ ต่อไปพวกเราต้องสร้างโอกาสให้พวกเขามากขึ้น! ”
เด็กสองคนทำตัวราวกับเป็นผู้ใหญ่ตัวน้อย ปรึกษาหารือกันเสร็จสรรพว่าจะสร้างโอกาสอย่างไร เพื่อให้ได้เป็นท่านอาในเร็ววัน เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งต่างก็ครุ่นคิดอย่างหนัก
ยามนี้เซียวยวี่และเซี่ยยวี่หลัวที่ไม่รู้เลยว่าเด็กสองคนร้อนใจอยากได้เจ้าตัวน้อยมากกว่าผู้ใหญ่สองคนกำลังอยู่ระหว่างทางเดินกลับบ้านด้วยความเงียบ โดยเดินห่างกันสองหมี่
คนหนึ่งเดินข้างหน้า อีกคนตามข้างหลัง ห่างกันสองหมี่ ไม่มากไม่น้อยไปกว่านั้น
เซี่ยยวี่หลัวเคยผ่อนฝีเท้าให้ช้าลง หมายจะทิ้งระยะห่างระหว่างนางกับเซียวยวี่ให้กว้างขึ้น แต่ใครจะคาดคิด ขอเพียงนางผ่อนฝีเท้าให้ช้าลงเป็นระยะทางเพียงสามถึงสี่ก้าว ฝีเท้าของคนด้านหน้าก็ช้าลงเช่นกัน
เมื่อเซี่ยยวี่หลัวตามทันแล้ว คนด้านหน้าจึงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
ไม่มากไม่น้อย ไม่ไกลไม่ใกล้ สองหมี่พอดี
บ้านหัวหน้าหมู่บ้านอยู่ไม่ห่างจากบ้านตัวเองมากนัก เดินไปเพียงไม่กี่ร้อยหมี่ ก็ถึงบ้านแล้ว
เซียวยวี่ปลดกุญแจ ผลักเปิดประตู เดินตรงเข้าไป เซี่ยยวี่หลัวเดินตามเข้าไป หันตัวปิดประตู หลังจากปิดประตู เซี่ยยวี่หลัวก้าวเท้าเดินไปทางซ้ายมือ
ห้องครัวอยู่ทางซ้ายมือ นางจะไปเตรียมอาหารเที่ยงแล้ว
อาจเพราะไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านหลัง เซียวยวี่หยุดชะงัก หันกลับไปมอง จึงเห็นเซี่ยยวี่หลัวเดินไปทางห้องครัว
“เจ้าจะไปทำอะไร? ” น้ำเสียงของเซียวยวี่ทุ้มต่ำ แฝงเร้นด้วยความงามสง่าที่แทรกซึมถึงไขกระดูก
เซี่ยยวี่หันกลับมากล่าว “อ่อ ข้าจะไปเตรียมอาหารเที่ยง ช่วงเที่ยงอยากกินอะไร? ” ความจริงนางไม่อยากอยู่กับเซียวยวี่ จึงจงใจไปห้องครัวเพื่อฆ่าเวลา
เซียวยวี่แหงนหน้ามองท้องฟ้า เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ตอนนี้ยังไม่พ้นยามซื่อ* ก็คิดจะเตรียมอาหารเที่ยงแล้ว? ”
เซี่ยยวี่หลัวถูกมองอย่างทะลุปรุโปร่ง จึงทำทีเป็นหัวเราะ “เตรียมเร็วขึ้น จะได้กินเร็วขึ้น”
เซียวยวี่มองนาง เม้มริมฝีปากไม่ได้กล่าวอะไร คิ้วเข้มดูดีขมวดเล็กน้อย ดูไปแล้วเหมือนจะไม่พอใจในวาจาของเซี่ยยวี่หลัวเป็นอย่างมาก
เซี่ยยวี่หลัวถูกมองจนรู้สึกกระวนกระวายใจ “เจ้ามีอะไรอย่างนั้นหรือ? ”
เซียวยวี่มองเซี่ยยวี่หลัวครู่หนึ่ง ก่อนหันขวับเดินจากไป
เซี่ยยวี่หลัวแทบอยากจะคุกเข่าให้เขา “…”
ท่านราชบัณฑิตน้อยที่แสนหยิ่งทะนง ท่านอยากทำอะไรกันแน่?
มีอะไรท่านก็พูดออกมาสิ!
มองข้าไปจะมีประโยชน์อะไร ถึงแม้ดวงตาคู่โตที่มีประกายแสงระยิบระยับของท่านจะสื่อความหมายได้ แต่ข้าก็ไม่เข้าใจนี่นา!
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกลนลาน ไม่อาจเข้าใจความหมายของท่านราชบัณฑิตน้อยได้เลยจริงๆ ท่านราชบัณฑิตน้อยจะสื่อว่า เตรียมอาหารเที่ยงตอนนี้ยังเร็วเกินไป เช่นนั้นก็ยังไม่เตรียม
พยายามทำตามความต้องการของท่านราชบัณฑิตน้อย
เซี่ยยวี่หลัวยืนอยู่ตรงประตูห้องครัว คิดจนหัวแทบแตกก็ยังคิดไม่ออกว่าแววตาที่แฝงความนัยลึกซึ้งก่อนเซียวยวี่จะหันตัวไปหมายถึงอะไร
แววตานั้นของเซียวยวี่ หมายความว่าอย่างไรกันแน่?
ไม่ให้นางเตรียมอาหารเที่ยง เช่นนั้นคือให้ซักเสื้อผ้า? แต่เสื้อผ้าก็ซักเสร็จแล้ว! เก็บกวาดบ้าน? ไม่ถูก นางไม่เคยเข้าห้องของเซียวยวี่ เขาเป็นโรครักสะอาด นางไม่จำเป็นต้องไปเก็บกวาดให้
นี่ก็ไม่ใช่ นั่นก็ไม่ใช่ จะให้ทำอะไรกันแน่!
เซียวยวี่นะเซียวยวี่ อยู่ดีๆ เจ้าจะลากข้ากลับบ้านมาทำไม รู้แต่แรกว่านางกลับมาแล้วทำอะไรก็ผิด มิสู้ตอบรับคำเชื้อเชิญของกวั่นซื่อ อยู่กินข้าวที่บ้านนางยังจะดีเสียกว่า!
ในภายหลังกวั่นซื่อยอมตอบตกลงให้นางกลับมาได้อย่างไร?
หลังจากพยายามครุ่นคิดอย่างหนัก ในที่สุดเซี่ยยวี่หลัวก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้
เซียวยวี่บอกว่าให้นางกลับมาฝนหมึกให้เขา กวั่นซื่อถึงได้ปล่อยนางมา!
ฝนหมึก?
หรือว่าแววตาสุดท้ายของเซียวยวี่ หมายถึงให้นางไปช่วยเขาฝนหมึก?
——————————–
เชิงอรรถ
*ยามซื่อ คือ 1 ใน 12 ชั่วยามของจีน เป็นช่วงเวลาระหว่าง 9:00 – 11:00 น. ในช่วงเช้า