ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 9 บทที่ 256 เป็นชายชาตรีกลับซักเสื้อผ้า
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 9 บทที่ 256 เป็นชายชาตรีกลับซักเสื้อผ้า
เซียวยวี่หิ้วเสื้อผ้าที่ใช้แล้วมาริมแม่น้ำ
มีหญิงชาวบ้านจำนวนหนึ่งซักเสื้อผ้าอยู่ริมแม่น้ำก่อนแล้ว เห็นว่ามีคนอยู่มาก เซียวยวี่จึงเดินไปทางต้นน้ำเพื่อทิ้งระยะห่างเล็กน้อย จงใจหลบเลี่ยงหญิงชาวบ้านกลุ่มนั้น
แต่อย่างไรก็อยู่แม่น้ำสายเดียวกัน ถึงแม้ไม่ได้ยินเสียงพูดคุย แต่ก็ยังเห็นว่าเซียวยวี่กำลังซักเสื้อผ้า
เห็นเพียงเซียวยวี่นำเสื้อผ้าสกปรกในถังน้ำออกมาแช่น้ำครู่หนึ่ง แล้วจึงเริ่มขยี้ซัก
เมื่อก่อนเซียวยวี่ก็มักจะมาซักเสื้อผ้าที่ริมแม่น้ำบ่อยๆ แต่นั่นเป็นเพราะผู้ใหญ่ในบ้านล้มป่วย น้องชายน้องสาวสองคนอายุยังน้อย เขาไม่ซัก แล้วใครจะซัก?
ทว่า ตอนนี้ต่างกัน เซียวยวี่แต่งภรรยาแล้ว ช่วงที่ผ่านมาล้วนเป็นเซี่ยยวี่หลัวที่มาซักเสื้อผ้า ต่อให้ไม่ไหวจริงๆ แต่ก่อนก็เป็นสองพี่น้องเซียวจื่อเซวียนมาซัก ระยะหลังทุกคนล้วนไม่เคยเห็นเซียวยวี่มาซักเสื้อผ้าอีกเลย!
แต่วันนี้เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้มา กลับเป็นบุรุษสองคนในบ้านที่มา
แล้วดูเสื้อที่เซียวยวี่กำลังซัก เสื้อสีชมพูอ่อน ไม่ใช่ของเซี่ยยวี่หลัวยังจะเป็นของใครอีก!
สวรรค์ทรงโปรด เซี่ยยวี่หลัวผู้นี้อยู่ที่บ้านวางอำนาจบาตรใหญ่ ถึงขั้นให้ชายชาตรีผู้หนึ่งมาซักเสื้อผ้า ไม่ธรรมดาเลย!
ทุกคนพูดกันคนละประโยคสองประโยค วิพากษ์วิจารณ์กันจนเกิดเสียงดังเซ็งแซ่
“เซี่ยยวี่หลัวนั่นเลวเกินไปแล้ว ถึงกับให้สามีของนางมาซักเสื้อผ้า มีอย่างที่ไหนให้ชายชาตรีมาซักเสื้อผ้า เช่นนี้เท่ากับทำให้สามีของนางขายหน้าไม่ใช่หรือ? ”
“จริงด้วย จริงด้วย ในหมู่บ้านของเรา ชายชาตรีที่มาซักเสื้อผ้า เซียวยวี่ถือเป็นคนแรกกระมัง เซี่ยยวี่หลัวนี่ช่างร้ายกาจนัก”
ใครจะรู้ว่าพอหญิงชาวบ้านเหล่านั้นเห็นว่าสิ่งที่เซียวยวี่ซักอยู่เป็นชุดกระโปรงของเซี่ยยวี่หลัว แต่ละคนมองจนตาค้าง
“แม่เจ้า ข้าคงไม่ได้ดูผิดกระมัง ที่เซียวยวี่ซักอยู่คือเสื้อผ้าของเซี่ยยวี่หลัวใช่หรือไม่? ”
“ไม่ได้ดูผิด เป็นของเซี่ยยวี่หลัว เซี่ยยวี่หลัวนี่ช่างเก่งกาจเสียจริง! อบรมสั่งสอนให้สามีซักเสื้อผ้าให้นางด้วย ช่างเก่งกาจนัก”
“เก่งกาจอะไรกัน ข้าว่าเซี่ยยวี่หลัวนั่นกดขี่เซียวยวี่มากกว่า เจ้าคิดดูว่าเขาเป็นบัณฑิต ถูกเซี่ยยวี่หลัวข่มเหงรังแกถึงขั้นนี้ หากบิดามารดาของเซียวยวี่ยังมีชีวิตอยู่ จะเสียใจเพียงใดกัน บาปกรรมเสียจริง เจ้าว่าครอบครัวตระกูลเซียวโชคร้ายเพียงใด ในครอบครัวไม่เพียงเกิดความเปลี่ยนแปลงใหญ่ถึงเพียงนั้น ทั้งยังแต่งภรรยาที่ไร้ศีลธรรมเช่นนี้อีก เพิ่งดีได้แค่กี่วันเอง! ” มีหญิงชาวบ้านผู้หนึ่งกล่าวพลางทอดถอนใจ
มีคนฟังแล้วรู้สึกไม่พอใจ
ถึงอย่างไรหลิวซี่เหลียนก็เคยได้รับบุญคุณจากเซี่ยยวี่หลัว บัดนี้เห็นคนวิจารณ์เซี่ยยวี่หลัว หลิวซี่เหลียนย่อมไม่อาจทนฟัง “เซี่ยยวี่หลัวไปทำอะไรให้เจ้า? ไร้ศีลธรรมตรงไหน? นางเป็นเพียงหญิงสาวคนหนึ่ง แบกรับเรื่องในบ้านนอกบ้าน แม้แต่การค้ากับเซียนจวีโหลว เซี่ยยวี่หลัวก็เป็นคนทำ ถึงแม้นางจะเป็นสตรี แต่เก่งกาจยิ่งนัก สามารถหาเงินได้ เซียวยวี่ซักเสื้อผ้าให้เซี่ยยวี่หลัวสักสองตัว ข้าไม่เห็นว่าจะเป็นอะไร! ถ้าข้าหาเงินเป็น สามีของข้าก็ต้องซักเสื้อผ้าให้ข้าเหมือนกัน”
นางกลับคิดว่าเซี่ยยวี่หลัวเป็นบุคคลที่น่าเคารพเลื่อมใส
“อัยโย่ หรือเจ้าก็คิดจะปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน? เซียวลี่บ้านเจ้าหาเงินไม่ได้หรือเจ้ารังเกียจที่เขาหาเงินไม่ได้กัน? ” หญิงชาวบ้านข้างๆ หัวเราะพลางพูดจาเหน็บแนม “ภรรยาเซียวลี่ เจ้ามีจิตใจทะเยอทะยานเหมือนกันนี่”
คนที่กล่าววาจานั่นคือหยวนซื่อ เป็นหญิงหม้ายอายุน้อย ปีนี้อายุเพียงสามสิบต้นๆ สามีด่วนจากไป ไม่มีบุตร บ้านสามีไม่มีพ่อแม่สามี ทั้งยังไม่มีน้องชายน้องสาว ภายในบ้านมีนางเพียงคนเดียว อาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่ อย่างน้อยก็ดีกว่ากลับบ้านเดิมไปแล้วโดนรังเกียจ ยิ่งไปกว่านั้น ทางบ้านเดิมก็มีเรื่องให้วุ่นวายใจมากมาย หยวนซื่อจึงไม่กลับบ้านเดิม ถือโอกาสอาศัยอยู่ในหมู่บ้านสกุลเซียวตามลำพัง อยู่อย่างอิสระเสียยิ่งกว่าอะไร
กินอิ่มคนเดียว ไม่มีคนอื่นในบ้านต้องทนหิว
หลิวซี่เหลียนกล่าวด้วยวาจาเสียดสี “ต่อให้ข้ารังเกียจสามีของข้า นั่นก็เป็นสามีของข้า เจ้าคิดอยากรังเกียจบ้างยังไม่มีให้รังเกียจเลย! ”
หยวนซื่อไม่ชอบให้คนอื่นพูดเรื่องที่นางไม่มีสามีเป็นที่สุด โมโหจนสั่นไปทั้งตัว “เจ้า…”
หลิวซี่เหลียนหัวเราะอย่างเย็นชา “เจ้าอะไร ข้าไม่ได้พูดผิดเสียหน่อย”
หลิวซี่เหลียนไม่สนใจนาง อย่างไรเสียนางก็รู้สึกว่าหยวนซื่อขวางหูขวางตา
หยวนซื่ออาศัยเรื่องที่ตัวเองเป็นหญิงหม้าย ทั้งยังหน้าตาดูดี จึงชม้ายชายตามองบุรุษอื่นไปทั่ว ราวกับไม่เคยเห็นบุรุษอย่างไรอย่างนั้น คนเหล่านี้ต่างก็ว่าเซี่ยยวี่หลัวไม่ปฏิบัติตามหลักครองเรือน บุรุษแต่ละคนโดนเซี่ยยวี่หลัวล่อลวงไปหมด แต่หลิวซี่เหลียนไม่เคยเห็นเซี่ยยวี่หลัวพูดคุยกับบุรุษคนใดมากเกินจำเป็น กลับเป็นหยวนซื่อเสียมากกว่า…
ฮึ เห็นบุรุษเป็นต้องเข้าไปพูดคุยด้วยสักสองประโยค ชม้ายชายตาราวกับตาเป็นตะคริวอย่างไรอย่างนั้น!
คิดว่าคนอื่นตาบอดมองไม่เห็นหรืออย่างไร!
หลิวซี่เหลียนซักเสื้อผ้าเสร็จแล้ว กรอกตาใส่หยวนซื่อทีหนึ่ง หิ้วถังไม้เดินไปอย่างสง่าผ่าเผย หยวนซื่อโมโหแทบตาย “ก็แค่อวดดีเพราะสามีหาเงินเป็นไม่ใช่หรือ ถุย เจ้าจะอวดดีไปทำไม ไม่แน่ว่าพรุ่งนี้สามีของเจ้าก็เตะเจ้าทิ้งแล้ว ยายแก่อัปลักษณ์! ”
หยวนซื่อก่นด่าไม่หยุด หิ้วถังไม้กลับไปเช่นกัน
เหล่าหญิงชาวบ้านที่กำลังซักเสื้อผ้าอยู่ริมแม่น้ำต่างก็พากันหัวเราะครืนใหญ่ เดิมทีกำลังกล่าวถึงเรื่องเซียวยวี่กับเซี่ยยวี่หลัว คราวนี้กลับกลายเป็นเรื่องเซียวลี่และหลิวซี่เหลียน ก่อนที่ทุกคนจะกลับเข้าหัวข้อเดิม หันมองไปทางเซียวยวี่ที่อยู่ต้นน้ำเป็นครั้งคราว ต่างก็ไม่กล่าวอะไร
เซียวหมิงจูหิ้วถังไม้มาซักเสื้อผ้าที่ริมแม่น้ำ เห็นท่าทางแปลกประหลาดของทุกคน จึงหันมองไปทางต้นน้ำด้วยความสงสัย
เมื่อเห็นคนที่นางเฝ้าคิดถึงอยู่ทุกคืนวันกำลังย่อตัวอยู่ริมน้ำเพื่อซักเสื้อผ้า เหมือนมีเสียงระเบิด “ตึง” ดังขึ้นในห้วงภวังค์ของเซียวหมิงจู
“เซี่ยยวี่หลัว เจ้าทำเกินไปแล้ว! ” เซียวหมิงจูใช้ไม้ตีเสื้อตีลงไปบนผิวน้ำอย่างรุนแรง ทำให้น้ำสาดกระเด็น หญิงชาวบ้านข้างๆ หลบไม่ทัน ถูกน้ำกระเด็นใส่จนเปียกไปทั้งตัว จึงโวยวายเสียงแหลม “เซียวหมิงจู เจ้าทำอะไรของเจ้า! ”
เซียวหมิงจูสาวเท้าวิ่งไปทางเซียวยวี่
คนที่นางรักสุดหัวใจ กลับต้องยอมทนความอัปยศอดสูช่วยซักเสื้อผ้าให้สตรี
“พี่อายวี่ นางจิ้งจอกเซี่ยยวี่หลัวนั่นอาละวาดกับท่านอีกแล้วใช่หรือไม่ ข้าบอกแล้ว ว่าท่านคู่ควรกับคนที่ดีกว่านี้ เหตุใดถึงต้องข้องเกี่ยวกับสตรีพรรค์นั้นด้วย พี่อายวี่ ท่านตื่นเสียทีเถอะ! ” เซียวหมิงจูวิ่งไป ก่อนกล่าวกับเซียวยวี่ซึ่งหน้า
เห็นพี่อายวี่ถกแขนเสื้อขึ้น ทำเรื่องเช่นนี้ เซียวหมิงจูรู้สึกปวดใจจนน้ำตาไหลรินเต็มใบหน้า
เมื่อก่อนบิดามารดาของเซียวยวี่ล้มป่วย เซียวยวี่ก็มักจะต้องมาซักเสื้อผ้า ภายหลังนางเห็นเข้า รู้สึกปวดใจนัก จึงอ้างว่าตัวเองซักเสื้อของคนอื่นเพิ่มหนึ่งคนหรือสองคนก็มีค่าเท่ากัน ทุกครั้งจึงชิงนำเสื้อผ้าสกปรกของทั้งครอบครัวพวกเขาไปซักให้
แต่ตอนนี้เล่า เซี่ยยวี่หลัวกลับกดขี่ข่มเหงคนที่นางรักสุดหัวใจเช่นนี้ เหยียบย่ำทำลายเช่นนี้ เซียวหมิงจูจะไม่โมโหได้อย่างไร จะไม่ให้โกรธแค้นได้อย่างไร!
“นางไม่สบาย ข้าอยากมาซักเอง! ” เซียวยวี่จ้องมองเซียวหมิงจู พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบสงบ
สีหน้าแววตาล้วนแสดงออกถึงความเหินห่าง
ความเย็นชาและเหินห่างของเซียวยวี่ทำให้เพลิงโทสะของเซียวหมิงจูคุกรุ่นยิ่งขึ้น
“ข้าไม่เชื่อ ท่านจะซักเสื้อผ้าให้เซี่ยยวี่หลัวได้อย่างไร สตรีที่สมควรตายนั่นบีบบังคับท่านให้ทำเรื่องนี้แน่นอน ท่านยังจะซักเสื้อให้นางอีก ท่านวางลง ข้าไม่อนุญาตให้ท่านแตะต้องของของสตรีผู้นั้น! ” เซียวหมิงจูเค้นเสียงตะคอก เดินขึ้นหน้าไปยื้อแย่งเสื้อจากมือเซียวยวี่ ก่อนจะทิ้งลงไปกลางแม่น้ำ