ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - ตอนที่ 1 วสันตฤดูในห้วงฝัน
ตอนที่ 1 วสันตฤดูในห้วงฝัน
ตอนที่ 1 วสันตฤดูในห้วงฝัน
ภายในห้องอันสลัวรางล้วนประดับประดาด้วยผ้าม่านสีแดง ดูแปลกตายิ่งนัก
เทียนแดงขนาดใหญ่คู่หนึ่งกำลังเผาไหม้อยู่เคียงกัน บนเล่มเทียนทั้งสองปรากฏอักษรมงคลสมรส เปลวเพลิงลุกไหม้อย่างร้อนแรงจนเล่มเทียนเกิดเสียงลั่นเปรี๊ยะเล็กน้อย ฟังดูชัดเจนยิ่งในคืนที่เงียบงันเช่นนี้
บนโต๊ะเต็มไปด้วยของมงคล อาทิเช่น พุทราจีน ลำไย ถั่วลิสง เมล็ดบัว และอื่นๆอักษรมงคลสมรสสีแดงขนาดใหญ่ถูกติดอยู่บนกำแพง ดูรื่นเริงไม่น้อย
บนเตียงขนาดใหญ่ภายในม่านสีแดงได้ตกอยู่ในห้วงวสันตฤดู เสียงครวญครางหอบกระหายดังกระเส่าเร่าร้อน สีสันยามวสันต์อันมีเสน่ห์แผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งห้องหอ
ร่างกายของบุรุษและสตรีนัวเนียกันพัลวันดั่งมัจฉาว่ายคลอเคล้า
ทั้งคู่หายใจหอบถี่และมีเหงื่อผุดพรายตามร่างกาย
ดวงหน้าดั่งบุปผาของหญิงสาวกลายเป็นสีแดงระเรื่ออย่างที่ไม่เคยเป็น บนดวงหน้าแดงเรื่อนั้นปรากฏแววสะเทิ้นอาย พร้อมกับในใจที่บังเกิดความขวยเขิน
แขนเรียวเล็กดั่งหยกขาวโอบไหล่กว้างของบุรุษตรงหน้าไว้อย่างเอียงอาย ร่างบางแนบชิดไปกับร่างกายกำยำราวกับเถาวัลย์พันกระหวัด
เรือนผมของชายหนุ่มแผ่สยายบนเนินอกขาวนวลของหญิงสาวราวผืนผ้าสีดำอันงดงาม
หญิงสาวรู้สึกปิติกับความสุขสมอันเอ้อล้นจากการกระทำตรงหน้า ริมฝีปากสีแดงอวบอิ่มเองก็ตอบสนองอย่างกระตือรือร้นด้วยการเปล่งเสียงครางตามท่วงทำนอง
ดวงตาของหญิงสาวพร่ามัว ใบหน้าแดงก่ำเนื้อตัวสั่นสะท้าน ความรู้สึกที่แม้จะเจ็บปวดแต่ก็หวานล้ำทำให้สูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไปโดยสิ้นเชิง
เส้นผมสีดำหมึกของชายหนุ่มสยายรุ่ยร่าย ลมหายใจถี่กระชั้น ในน้ำเสียงเจือไปด้วยอาการหอบหายใจแรง
นัยน์ตาลึกล้ำจ้องมองหญิงสาวเบื้องล่างอย่างเสน่หา แก้มของนางแดงเรื่อดุจลูกท้อ เมื่อมองดูแล้วช่างมีเสน่ห์งดงามยิ่งนัก
ในห้วงเสน่หาอันเลือนราง ชายหนุ่มค่อยๆ ลูบไล้ใบหน้าของหญิงสาวที่กำลังไหวสะท้านด้วยแรงหอบหายใจ พร้อมกับร้องเรียกด้วยน้ำเสียงเปี่ยมกำหนัดแรงกล้า “หวานเอ๋อร์ หวานเอ๋อร์…”
กระแสความอบอุ่นชาหนึบอันสุขสมบังเกิดขึ้นอีกระลอกจนหญิงสาวรู้สึกล่องลอยราวกับเหยียบย่างบนปุยเมฆ ส่งเสียงร้องอย่างไม่รู้สึกตัว นิ้วมือเรียวยาวราวหยกสลักอันงดงามกลึงเกลาของนางจิกหนั่นเนื้อของชายหนุ่มตรงหน้าแน่นขณะกรีดร้องออกมา “อ๊าาา…เย่จือ…”
“เสี่ยวหวาน เสี่ยวหวาน ตื่นแล้วเหรอ? รีบลุกขึ้นเร็วเข้า!”
ด้านนอกประตูมีหญิงวัยกลางคนยืนอยู่และทุบประตูอย่างแรง ตะโกนเสียงดังเข้าไปข้างในห้อง
เสียงของเจ้าหล่อนดังมาก!
กู้เสี่ยวหวานที่อยู่ในห้องกำลังนอนหลับหายใจติดขัด ใบหน้าและร่างกายของเธอร้อนผ่าวจนดูน่ากลัว อีกทั้งตามใบหน้าและเนื้อตัวก็มีแต่เหงื่อผุดพราย…
เสียงตะโกนข้างนอกทำให้ร่างกายของเธอขยับไหว คิ้วเรียวสวยก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
เสียงดังอะไรขนาดนั้น?
เหตุการณ์ผิดปกติที่เธอไม่เคยเจอมาก่อนทำให้กู้เสี่ยวหวานสะดุ้งและลืมตาขึ้นมาทันที
หลังจากผ่านพ้นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้า เธอเพิ่งได้สติกลับมางั้นเหรอ? ดูเหมือนเมื่อครู่นี้เธอจะอยู่กับชายแปลกหน้านี่เอง…
เดี๋ยวนะ…
ไม่จริงน่า
ทันทีที่ความคิดเข้ามาในหัว กู้เสี่ยวหวานก็ตื่นจากภวังค์และลุกขึ้นนั่งทันที!
ดวงตาของกู้เสี่ยวหวานเบิกกว้างด้วยความหวาดผวาขณะมองไปรอบ ๆ เป็นเวลาขณะหนึ่ง แล็ปท็อปบนโต๊ะที่ยังไม่ได้ปิดปรากฏหน้าจอเป็นสีฟ้า เมื่อคืนเธอทะเลาะกับมันจนถึงตีหนึ่ง ค่อยยังชั่วที่เธอยังอยู่ในห้องของเธอ
เมื่อมองลงมาที่ตัวเอง ค่อยยังชั่ว ชุดนอนสีฟ้าสดใสยังอยู่ในสภาพดี ติดที่ว่าเปียกโชกไปหมดเท่านั้น
มันอาจจะเป็น…
จู่ๆ เธอก็หน้าแดง ฝันหรือเปล่า?
เป็นไปได้ไหมว่าเธอฝันจนมีความสุขขนาดนั้น?
นอกจากนี้ ผู้ชายคนนั้นยังเรียกเธอว่า…หวานเอ๋อร์?
อ๊ะ!
ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานพลันเปลี่ยนเป็นสีแดง มือบอบบางของเธอพลันยกขึ้นปิดใบหน้าที่ร้อนฉ่า พระเจ้า!
เธอเกลียดการแต่งงานมากแค่ไหน! เหมือนเธอเรียกชื่อผู้ชายตอนหลับว่าไงนะ?
เย่จือ? เหมือนจะเรียกชื่อนี้อย่างคลุมเครือด้วย? พระเจ้าช่วย!
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกละอายใจมากจนถ้ามีรูอยู่บนพื้นก็จะมุดเข้าไปหลบอยู่ในนั้น!
โชคดีที่ไม่มีใครอยู่ในห้อง ถ้าใครรู้ว่าเธอฝันอะไรแบบนั้นขึ้นมา มันต้องเป็นเรื่องน่าอายมากแน่ๆ ให้ตายเถอะ
กู้เสี่ยวหวานอยู่มาเกือบ 30 ปีแล้ว และนี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกอับอายมาก
ดูเหมือนว่าจากคำพูดของพี่หมิงวัย 30 ปีที่มีลูกสองคน กู้เสี่ยวหวานของครอบครัวเธอไม่ได้ขาดทุกอย่าง เธอมีใบปริญญา มีเงิน แต่ที่ไม่มีก็คือผู้ชาย!
ไม่จริงน่า สิ่งที่ขาดมากที่สุดคือสิ่งที่เธอฝันถึงมากที่สุดงั้นเหรอ?
“กู้เสี่ยวหวาน ลูกตื่นหรือยัง?” คุณแม่กู้ที่ด้านนอกพยายามเคาะประตู เมื่อเห็นว่าในห้องนั้นไม่มีการตอบสนองเป็นเวลานาน จึงอดไม่ได้ที่จะตะโกนอีกครั้ง
สติของกู้เสี่ยวหวานเริ่มกลับมา เธอทบทวนคำพูดของผู้เป็นแม่ และพบว่านี่คือความจริง
กู้เสี่ยวหวานค่อยๆ ปรับอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงของตนอย่างรวดเร็วและพยายามรักษาน้ำเสียงให้สงบที่สุดพลางตอบกลับไปว่า “ค่ะแม่ หนูตื่นแล้ว แม่มีอะไรหรือเปล่า?”
กู้เสี่ยวหวานพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้น้ำเสียงของเธอดูสงบและเหมือนเดิม แต่ถึงกระนั้นอีกฝ่ายก็คือแม่ คุณแม่กู้รับรู้ได้ถึงความแตกต่างแม้เพียงเล็กน้อยและอดไม่ได้ที่จะพึมพำออกมา “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ทำไมวันนี้น้ำเสียงอ่อนโยนจัง!”
แต่คุณแม่กู้ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก และยังคงพูดเสียงดังผ่านประตูต่อไป “สุดสัปดาห์นี้อย่าลืมที่แม่บอกเมื่อวานนะ เวลา 11 โมงครึ่ง ที่ร้านอาหารมิลาน อีกฝ่ายเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยแซ่ห่าว”
สวรรค์! นัดบอด!
กู้เสี่ยวหวานเพิ่งจำได้ว่าเมื่อคืนนี้ตอนที่เธอกลับมาบ้าน คุณแม่กู้เหมือนจะพูดเรื่องนี้กับตัวเอง แต่ตอนนั้นเธอรู้สึกเหนื่อยและง่วงมากจึงไม่ได้สนใจนัก
เธอลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย
กู้เสี่ยวหวานอยากจะเป็นลม เมื่อคืนเธอฝันถึงผู้ชายคนหนึ่ง แต่คราวนี้แม่ของเธอกำลังจะคลุมถุงชนเธอกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง!
“คุณให้ลูกได้พักผ่อนเถอะ เมื่อคืนลูกยุ่งจนถึงเช้าเลย ให้ลูกได้พักผ่อนก่อนเถอะน่า” เสียงของคุณพ่อกู้ดังขึ้น
กู้เสี่ยวหวานยกย่องพ่อของเธออยู่ในใจว่าเขายังคงเป็นพ่อของตน ว่ากันว่าลูกสาวคือคู่รักในชาติที่แล้ว และพ่อต้องไม่เต็มใจที่จะให้เธอแต่งงานกับใครก็ไม่รู้แน่
จากนั้นก็ได้ยินคุณแม่กู้ตอบเสียงดังว่า “เหล่ากู้คะ อาจารย์ห่าวคนนี้เป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งเชียวนะ เขาเพิ่งเรียนจบจากต่างประเทศและได้บรรจุเป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัยปักกิ่งเลย ได้ยินว่าอาจารย์ห่าวคนนี้หล่อเหลา เหมือนดาราชายที่ตัวสูงๆ คนหนึ่งเลย เขาชื่ออะไรนะ…ชื่อ…”
………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เปิดเรื่องมาอย่างฟินจิกเท้า ปรากฏว่าเป็นความฝัน แง…ดับฝันผู้แปลมากๆ
นัดบอดคราวนี้จะสมหวังไหมน้า เสี่ยวหวานจะได้ผู้ในชีวิตจริงไหม
ไหหม่า(海馬)