ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - ตอนที่ 3 ทะลุมิติ
ตอนที่ 3 ทะลุมิติ
ตอนที่ 3 ทะลุมิติ
เมื่อได้ยินผู้อำนวยการหวงกล่าวว่าต้องนำเอกสารเข้าประชุมในตอนบ่ายนี้ แต่ในเนื้อหาวิจัยยังมีความคลาดเคลื่อนอยู่ อย่างเช่นส่วนของวัตถุประสงค์ กู้เสี่ยวหวานจึงตรงไปที่สถาบันวิจัยโดยไม่คิดถึงเรื่องอื่นทันที ในใจก็นึกถึงเหตุการณ์ในคืนก่อนซ้ำไปซ้ำมา แอบคิดในใจว่าเหตุและผลของการทดลอง สูตร และขั้นตอนการทดลองตรงไหนกันที่เกิดการผิดพลาด
ดังคำกล่าวที่ว่า ถ้าคุณพลาดไปหนึ่งนิ้ว คุณจะหลงทางเป็นพันลี้! หมายความว่าหากมีข้อผิดพลาดเล็กน้อยในการทดลอง การทดลองทั้งหมดจะล้มเหลว!
ตอนนี้จิตใจของกู้เสี่ยวหวานมีแต่การทดลองและวัสดุที่ทดลอง ซึ่งการนัดบอดในเวลา 11:30 น.ถูกเธอลืมไปนานแล้ว
ในร้านอาหารมิลาน บางครั้งสามีภรรยาสูงอายุก็ชี้ไปที่คนๆ หนึ่งอย่างลับๆ ตัดสินกันและกัน พยักหน้ากันอย่างมีความสุขด้วยแววตาเป็นประกาย เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีความสุขแค่ไหนเวลาที่พวกเขาหัวเราะ พวกเขาควรจะมีความสุขมากไม่ใช่เหรอ?
ดูจากการแต่งกายและหน้าตา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาคือคุณพ่อกู้และคุณแม่กู้
แล้วมองดูชายหนุ่มที่ถูกผู้เฒ่าทั้งสองตัดสิน เขาเป็นชายหนุ่มผอมเพรียวซุกตัวอยู่บนโซฟานุ่มๆ โครงหน้าคมจนเห็นชัด จมูกตรงเป็นสัน ดวงตาเรียวยาว และริมฝีปากบาง เป็นตามที่คุณแม่กู้บอกว่าหล่อเหลาและสุภาพ
ในขณะนี้อาจารย์ห่าวกำลังถือนิตยสารด้วยนิ้วเรียวยาว และพลิกดูเป็นครั้งคราว
มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย ราวกับพบว่าตัวเองถูกใครบางคนแอบดู แต่เขากำลังสนุกกับมันและแสร้งทำเป็นไม่รู้
ดูเหมือนว่าคู่สามีภรรยาสูงอายุจะคอยลุ้นแทนลูกสาวอยู่ เมื่อเห็น “ลูกเขยในอนาคต” แล้ว พวกเขาก็ร้อนใจนัก!
น่าเสียดายที่เข็มนาฬิกาได้ชี้ไปที่เวลา 11:30 น. แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นนางเอกของเรื่องก็ยังไม่ปรากฏตัว
คุณพ่อกู้มองไปที่ประตูอย่างกระวนกระวายใจ และทุกๆ ครั้งที่มีคนเข้ามา เขาก็มีท่าทางเต็มไปด้วยความหวัง แต่เมื่อเห็นว่าไม่ใช่ลูกสาวของตน เขาก็เหมือนกับลูกโป่งที่ถูกเจาะลมจนฟีบ
คุณแม่กู้มองไปที่ ‘อาจารย์ห่าว’ลูกเขยในอนาคตของพลางมองไปรอบๆ อย่างกังวลใจ ขณะที่นางกำลังจะหยิบโทรศัพท์และโทรหากู้เสี่ยวหวาน แม่สื่อแม่ชักก็ได้โทรมาก่อนแล้ว
“พี่กู้คะ ทำไมลูกสาวพี่ยังไม่มาอีกล่ะ? อาจารย์ห่าวอยู่ที่นี่แล้วนะ ถ้าเธอไม่มา เขาจะไปแล้วนะคะ”
ปลายสายโทรศัพท์เสียงดังมากจนคุณแม่กู้กลัว เมื่อได้ยินแบบนั้นนางเองก็กลัวว่าอาจารย์ห่าวจะรู้ จึงลดเสียงลงอย่างรวดเร็วแล้วพูดอย่างหมดหนทางว่า “น้องฮวา ไม่ต้องห่วงนะ เสี่ยวหวานของฉันอยู่บนถนนนี่เอง รถมันติดมากเลยอาจจะล่าช้าหน่อยน่ะจ้ะ ฉันจะรีบตามเธอมาเดี๋ยวนี้แหละ ให้อาจารย์ห่าวนั่งก่อนนะ นั่งก่อนๆ !”
หลังจากพูดจบในชั่วอึดใจ คุณแม่กู้ก็วางสายและโทรไปหาลูกสาวอย่างรวดเร็ว
กู้เสี่ยวหวานกำลังทำการทดลองอย่างเต็มที่ตามขั้นตอนและสูตรของเมื่อวาน เธอทำมันซ้ำอีกครั้ง แต่ข้อมูลที่ได้รับยังคงเหมือนกับเมื่อวาน เธอยุ่งมากจนกระทั่งโทรศัพท์ดังขึ้น
เมื่อวานนี้กู้เสี่ยวหวานลืมชาร์จโทรศัพท์มือถือของเธอ ทำให้แบตหมดระหว่างทาง เมื่อมาถึงห้องแล็บจึงชาร์จโทรศัพท์ทิ้งไว้
ครั้นเห็นว่าเป็นคุณแม่กู้ที่โทรศัพท์มา หัวใจของกู้เสี่ยวหวานก็เต้นแรง แย่แล้ว!
ใกล้เวลา 11:45 น. แล้ว!
กู้เสี่ยวหวานลืมนัดบอดไปอย่างสิ้นเชิง
เธอรีบถอดปลั๊กไฟและกดปุ่มรับสายเพียงเพื่อจะได้ยินเสียงเร่งเร้าอย่างบ้าคลั่งของคุณแม่กู้ แต่แล้วกลับได้ยินเพียงเสียง ‘ตู้ม!’ และห้องทดลองทั้งหมดก็ระเบิดไฟลุกท่วม พร้อมกับร่างของกู้เสี่ยวหวานโดนแรงระเบิดปะทะลอยกระเด็นออกไป
ห้องทดลองทั้งหมดกลายเป็นทะเลเพลิงในทันที
มีเสียงร้องไห้ที่บีบคั้นหัวใจ และเสียงของใครบางคนกำลังตะโกน
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรง ร่างกายของเธอเจ็บปวดและบอบช้ำ เธอไม่สามารถขยับตัวได้แม้ว่าตนต้องการจะเคลื่อนไหวแค่ไหนก็ตาม
เธอจำได้เพียงว่าพอกดรับสาย โทรศัพท์ก็ระเบิด และห้องทดลองก็ระเบิดไปด้วยเช่นกัน ดูเหมือนว่าเธอจะถูกแรงระเบิดอัดกระแทกจนกระเด็นออกมา
ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน? เธอได้รับบาดเจ็บและต้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลสิ แต่ตอนนี้ใครกันที่กำลังส่งเสียงด่าทออยู่?
“ไอ้พวกเด็กเวร หลีกให้พ้นทางไป นี่มันสองวันสองคืนแล้ว พวกแกมัวทำอะไรกับศพหา ถ้าตายก็คือตาย จะคร่ำครวญหาพระแสงอะไรนักหนา? ตาบอดเหรอ?” เสียงแหลมแสบแก้วหูของสตรีดังขึ้น “ก็เหมือนกับบิดามารดาอายุสั้นของพวกแกนั่นแหละ ทั้งคู่ล้วนเป็นผีอายุสั้น มีพวกแกเป็นญาตินับเป็นเรื่องกาลกิณีถึงแปดชั่วอายุคนเสียจริง…”
กู้เสี่ยวหวานต้องการลืมตาเพื่อให้พวกคนฉลาดทั้งหลายนี้เห็นว่าเธอยังไม่ตาย แต่ร่างกายของเธอกลับอ่อนแรงมากเสียจนไม่สามารถขยับแม้แต่เปลือกตาได้
เสียงดังหนวกหูซะมัด!
กู้เสี่ยวหวานอยากจะเปิดปากของเธอเพื่อปิดปากคนที่กำลังด่าทออยู่ แต่ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นทั่วร่างกายกำลังรุมกระหน่ำราวกับกำลังทำให้เธอแตกสลาย รุนแรงมากเสียจนเหมือนมีกระแสลมแรงพัดมา
ทันใดนั้นกู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกราวกับมีบางอย่างกดทับบนร่างกาย จากนั้นของเหลวอุ่นชื้นก็หยดลงบนใบหน้าและแขนของเธอ
“ไม่ ไม่ พี่สาวยังไม่ตาย” เสียงเล็กๆ ของเด็กผู้ชายดังขึ้น
“อย่าแตะต้องพี่สาวนะ!” เสียงของเด็กผู้หญิงเบาและแหบแห้งมาก แต่ก็ยังคงมีความอ่อนโยน ทันใดนั้นร่างกายอ่อนนุ่มเล็กๆ ก็วิ่งเข้ามาและคลานไปที่ร่างของกู้เสี่ยวหวาน
พี่สาว? กู้เสี่ยวหวานรู้สึกปวดหัวมากยิ่งขึ้น
ทักคนผิดหรือเปล่า?
เธอเป็นลูกคนเดียวของพ่อแม่และพ่อแม่ก็มีแต่เธอเท่านั้น น้องชายและน้องสาวของเธอมาจากไหน? พ่อแม่ของเธอได้รับเงินสงเคราะห์บุตรคนเดียวของประเทศมานานกว่าสิบปีแล้ว และได้รับใบรับรองที่เป็นลูกเพียงคนเดียวส่งมาให้ด้วย
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกว่าสิ่งต่างๆ ในร่างกายของเธอเริ่มหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ และเสียงร้องรอบๆ ตัวเธอก็ดังขึ้นราวกับว่าเด็กทุกคนเป็นเด็กเล็ก ทั้งยังมีเสียงถอนหายใจจากบางคน
“บาปกรรมอะไรเช่นนี้ ยังสาวอยู่เลย”
“ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับเด็กๆ พวกนี้ในอนาคตเลย ไม่มีทั้งพ่อแม่ ไม่มีทั้งพี่สาว เฮ้อ!”
แล้วพ่อกับแม่ฉันล่ะ? ทำไมพวกเขาไม่มาโรงพยาบาล?
เด็กพวกนี้มาจากไหน?
ไม่รู้ว่าทำไม ยามที่ได้ยินเสียงร้องของเด็ก หัวใจของกู้เสี่ยวหวานก็พลันกระตุกโดยไม่ทราบสาเหตุ
กู้เสี่ยวหวานขยับนิ้วของเธอเล็กน้อยและค่อยๆ ลืมตาขึ้น
ทั้งหมดที่เข้ามาในครรลองจักษุคือใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย ดวงตาของกู้เสี่ยวหวานสามารถลืมขึ้นได้เล็กน้อยเท่านั้น เธอเห็นผู้ใหญ่เพียงไม่กี่คนกำลังชี้ไปมา เธอกลอกตาเล็กน้อย และคราวนี้ก็เห็นสิ่งที่กำลังทับเธออยู่ในที่สุด มันกลายเป็นหัวเด็กที่เหมือนหัวไชเท้าขนาดเล็กร่างกายผอมบางนอนอยู่บนร่างกายของเธอ พร้อมกับร้องไห้ด้วยน้ำมูกและน้ำตานองหน้า
“พี่สาว พี่…พี่สาว เราจะทำอย่างไรถ้าท่านตาย พี่สาว ตื่นเถอะ พี่สาว…”
“พี่สาว! ท่านตายไม่ได้นะ พี่ทิ้งเราไม่ได้!”
………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ทะลุมิติมาได้ปวดใจแทนพ่อแม่ที่อยู่ปลายสายจริง ๆ เลยค่ะ ลูกกดรับสายยังไม่ทันพูดก็ได้ยินเสียงระเบิดดังตู้มงี้ ใช้มือถือยี่ห้อไหนเนี่ย น่ากลัวมาก
ทะลุมิติแล้วไปเข้าร่างใครกันนะ
ไหหม่า(海馬)