ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1002 หลักฐานหายไป
บทที่ 1002 หลักฐานหายไป
บทที่ 1002 หลักฐานหายไป
ไม่ต้องกล่าวถึงว่ากู้หนิงผิงเป็นคนทำร้ายกู้จือเหวิน แม้แต่กู้ซินเถาและซุนซื่อก็ไม่สามารถรู้สึกเสียใจกับกู้จือเหวินได้
ชายที่โหดเหี้ยมแม้กระทั่งกับลูกสาวและภรรยาของเขาเอง แล้วนับประสาอะไรกับหลานชายที่ตนเองไม่เคยสนใจใยดี
คำพูดของสวีเซียนหลินนั้นเหมือนกับการนำไข่ไปกระทบหิน ไม่อาจสร้างความสั่นไหวให้กู้ฉวนลู่ได้แม้แต่น้อย “อาจารย์สวี โปรดบอกกู้เสี่ยวหวานว่า ถ้ามีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับจือเหวินของข้า กู้หนิงผิงต้องชดใช้ให้จือเหวินด้วยชีวิต”
ดวงตาของกู้ฉวนลู่ฉายแววดุร้าย โหดเหี้ยมราวกับอสรพิษ
สวีเซียนหลินมองไปที่กู้ฉวนลู่ผู้โหดเหี้ยม เขาอ้าปากค้างด้วยความโกรธ อยากจะพูดอะไรบางอย่าง หากแต่ก็พูดสิ่งใดไม่ออกสักคำ หลังจากบอกลาลวี่เทาแล้ว เขาก็หมุนกายเดินจากไปทันที
เมื่อสวีเซียนหลินมาถึงประตู เขาเห็นกู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ กำลังรออย่างใจจดใจจ่อ เมื่อพวกเขาเห็นสวีเซียนหลินออกมาก็รีบปรี่เข้าไปทันที “อาจารย์สวี เป็นอย่างไรบ้าง”
สวีเซียนหลินมองใบหน้าที่คาดหวังของกู้เสี่ยวหวานและกู้หนิงอัน ก่อนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ แต่เขารู้อยู่ในใจ “เสี่ยวหวานไม่ต้องกังวล เรื่องสำคัญที่สุดของเราคือการค้นหาหลักฐานการสลับผลคะแนนของกู้จือเหวินกับกู้หนิงอัน เมื่อถึงเวลาเราจะได้มีข้อต่อรองกับกู้ฉวนลู่”
สวีเซียนหลินเป็นคนหัวใส สวีเฉิงเจ๋อจึงเอ่ยขึ้นโดยไม่ต้องคิด “ใช่ เสี่ยวหวานไม่ต้องกังวลไป ตอนนี้ข้าจะไปที่เมืองรุ่ยเสียนเพื่อค้นหาหลักฐาน เจ้าเพียงแค่รอข้ากลับมา”
สิ้นเสียงของสวีเฉิงเจ๋อ เขาก็หันหลังกลับขึ้นรถม้าและจากไป
สวีเซียนหลินนิ่งงันพลางนึกถึงบางสิ่ง ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป และต้องการเอ่ยรั้งสวีเฉิงเจ๋อเอาไว้ แต่รถม้าก็เคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็วจนไม่เห็นแม้แต่เงา
เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นว่าสวี่เฉิงเจ๋อกล่าวว่าจะหาหลักฐานมาให้ได้ จิตใจของนางก็รู้สึกผ่อนคลานขึ้น และนางก็พูดว่า “อาจารย์สวี ข้าขออภัยที่ทำให้ท่านต้องลำบาก ท่านรู้จักหมอที่ทำการรักษากู้จือเหวินหรือไม่ ข้าต้องการปรึกษาเขาเพื่อดูว่าอาการของกู้จือเหวินเป็นอย่างไร”
สวีเซียนหลินถอนหายใจและพูดว่า “เสี่ยวหวาน เมื่อครู่กู้ฉวนลู่บอกว่ากู้จือเหวินยังอยู่ในอาการวิกฤต ข้าเกรงว่าคราวนี้เขาไม่น่าจะปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆ”
ความหมายของสวีเซียนหลินนั้นชัดเจน แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะไปหาหมออีกครั้งแต่นางก็หาสาเหตุไม่ได้
เดิมทีกู้ฉวนลู่มีความคับแค้นใจกับกู้เสี่ยวหวาน ตอนนี้เขาพบโอกาสที่จะต่อสู้กลับอย่างดุเดือด เขาจะไม่คว้าโอกาสนี้ได้อย่างไร
ระหว่างที่พวกเขากำลังรอสวีเซียนหลินอยู่ข้างนอก สวี่เฉิงเจ๋อได้บอกกู้เสี่ยวหวานเรื่องกฎหมายของต้าชิงที่เกี่ยวกับการทำร้ายบัณฑิตแล้ว
หากมีอะไรผิดปกติกับกู้จือเหวินจริง ๆ กู้หนิงผิง…
กู้ฉวนลู่เป็นคนมีจิตใจคับแคบ หากกู้จือเหวินแสร้งทำเป็นได้รับบาดเจ็บสาหัสเพื่อที่จะฆ่ากู้หนิงผิงล่ะ?
เมื่อนึกถึงสถานการณ์ปัจจุบันของกู้หนิงผิง ร่างกายของกู้เสี่ยวหวานก็เหมือนลูกหนังกลม ๆ ที่เหวี่ยงไป แรงเหวี่ยงแผ่วเบาลงเรื่อย ๆ และค่อยหยุดนิ่งอย่างหมดเรี่ยวแรง
โชคดีที่มีกู้หนิงอันอยู่ข้าง ๆ และประคองกู้เสี่ยวหวานไว้ได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นใบหน้าเศร้าสร้อยของกู้เสี่ยวหวาน กู้หนิงอันก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจ “ท่านพี่…”
เมื่อสวีเซียนหลินเห็นท่าทางกระวนกระวายของสองพี่น้อง เขาก็กระวนกระวายราวกับมดบนหม้อไฟ
ตอนนี้ได้แต่หวังว่าสวี่เฉิงเจ๋อจะมีข่าวคราว และนำหลักฐานการโกงกลับมา ดูว่าสามารถใช้เป็นข้อต่อรองในการเจรจากับกู้ฉวนลู่ได้หรือไม่
เมื่อฉินเย่จือเห็นกู้เสี่ยวหวานนั่งอยู่ตรงมุมรถม้าราวกับเด็กหลงทาง ในขณะที่กู้หนิงอันกำลังกอดปลอบนางด้วยน้ำตาไหลอาบใบหน้า
เมื่อเขามาถึง เขาก็ได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างคร่าว ๆ
ครั้นได้ยินว่ากู้จือเหวินนอนหมดสติอยู่บนเตียง และไม่รู้ว่าเขาตายหรือยังมีชีวิตอยู่ ฉินเย่จือก็รู้สึกไม่สบาย
และแน่นอนว่าเมื่อเขาเห็นกู้เสี่ยวหวาน มันเหมือนกับว่าหัวใจของเขาถูกควักออกมาอย่างรุนแรง เขารีบวิ่งไปที่รถม้า กอดกู้เสี่ยวหวานไว้ในอ้อมแขนของเขาและปลอบโยนนางเบา ๆ “หวานเอ๋อร์ ไม่เป็นไร ทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี”
กู้เสี่ยวหวานอยู่ในอ้อมกอดที่คุ้นเคยและอบอุ่นในขณะนี้ น้ำตาพลันไหลพรั่งพรูออกมา
ตอนนี้แม้แต่หน้าของกู้หนิงผิง นางก็ไม่ได้พบ กู้ฉวนลู่ต้องการให้กู้หนิงผิงชดใช้ด้วยเลือดของเขา
ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของกู้หนิงผิง นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอนาคตของเขาจะเป็นอย่างไร
ขณะนั่งอยู่บนรถม้า ฉินเย่จือขมวดคิ้วแน่นเมื่อได้ยินกู้หนิงอันและกู้เสี่ยวหวานเล่ารายละเอียดทั้งหมด
“เจ้าหมายความว่า สวี่เฉิงเจ๋อเห็นเอกสารของพวกเขาที่เมืองรุ่ยเสียน เขาจำลายมือของจือเหวินกับหนิงอันได้ แต่ก็พบว่าผลคะแนนนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เป็นเช่นนั้นหรือ?”
“ใช่ อาจารย์สวีบอกว่ามันเป็นเอกสารลายมือของข้า กระดาษทดสอบทั้งห้าได้ระดับดีเยี่ยมทั้งหมด แต่กระดาษทดสอบของกู้จือเหวินระดับที่ดีที่สุดได้เพียงระดับดีเท่านั้น ส่วนที่เหลือเป็นระดับพอใช้และระดับอ่อนมาก” กู้หนิงอันตอบ
ฉินเย่จือขมวดคิ้วมากขึ้นเมื่อได้ยินสิ่งนี้
กู้หนิงอันไม่ได้มีเจตนาจะทำสิ่งใด เขาเพียงต้องการระบายความรู้สึกไม่สบายใจและพูดต่อว่า “ตอนนี้อาจารย์สวีไปยังเมืองรุ่ยเสียนเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม”
เขาไปที่เมืองรุ่ยเสียนเพื่อค้นหาหลักฐาน
เกรงว่าถ้าเราไปถึงเมืองรุ่ยเสียน หลักฐานคงถูกเผาไปแล้ว
ฉินเย่จือรู้ว่าคงไม่พบหลักฐาน ดังนั้นตอนนี้เขาจึงทำได้เพียงกดดันกู้ฉวนลู่จากทางอื่นเพื่อให้เขาเลิกยุ่งกับกู้หนิงผิง
อย่างไรก็ตาม ฉินเย่จือยังมีข้อสงสัยในใจ กู้ฉวนลู่คนนี้เป็นเพียงบัณฑิตธรรมดา เขาจะจัดการเปลี่ยนผลคะแนนได้อย่างไร
หากเป็นการยัดเงิน เขาแทบจะไม่เชื่อเลย
ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือ การสมรู้ร่วมคิดของเจ้าหน้าที่
ตราบใดที่ยังค้นหาเบาะแสของผู้ที่อยู่เบื้องหลังและตามกดดันเขา กู้ฉวนลู่คงไม่สามารถไล่ตามทัน แม้ว่าอีกฝ่ายจะอยากไล่ตามแค่ไหนก็ตาม
กู้หนิงผิงยังคงถูกขังอยู่ในห้องขัง เพื่อที่จะรู้สถานการณ์ของเขาและสร้างความมั่นใจให้กู้เสี่ยวหวาน กลางดึกอาโม่จึงบุกเข้าไปในห้องขังและพบกู้หนิงอันอยู่ในสภาพถูกทุบตี
โชคดีที่ร่างกายของกู้หนิงผิงมีความแข็งแรง เขาเพียงแค่สลบไปและไม่มีเรื่องเรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นมา
เมื่อได้ยินว่าชีวิตของกู้หนิงผิงไม่ตกอยู่ในอันตราย กู้เสี่ยวหวานรู้สึกโล่งใจและพยายามอย่างหนักที่จะคิดหาวิธีช่วยกู้หนิงผิง
แต่เมื่อสวีเฉิงเจ๋อกลับมา ครั้งนี้เขากลับมามือเปล่า
แน่นอนว่าเป็นไปตามที่ฉินเย่จือคาดไว้ มีคนเข้าไปยุ่งกับตู้เก็บเอกสารที่เก็บผลการทดสอบของกู้หนิงอันและกู้จือเหวินไว้ ตู้นั้นเกิดไฟไหม้ในตอนกลางคืนและมันก็ถูกเผาจนหมด
และคนที่แสดงเอกสารให้สวีเฉิงเจ๋อในเวลานั้นยืนยันว่าไม่เคยเห็นสวีเฉิงเจ๋อและไม่เคยปล่อยให้เขาอ่านเอกสาร