ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 101 เรื่องฉาวของกันและกัน
บทที่ 101 เรื่องฉาวของกันและกัน
บทที่ 101 เรื่องฉาวของกันและกัน
กู้ฉวนโซ่วไม่ได้คาดหวังว่าหลังจากถูกเฉาซื่อเตะในวันนั้น ตอนนี้ยังได้ยินว่าเฉาซื่อกอดชายอื่นอีก แค่คิดว่าตัวเองไม่ใช่ผู้ชายคนนั้น ความภาคภูมิใจของกู้ฉวนโซ่วผู้น่าสงสารและน่าเศร้าก็ราวกับถูกผู้อื่นเหยียบย่ำอย่างไร้ความปรานี เพลิงโทสะในจิตใจของเขาก็ยิ่งทวีความรุนแรง เขาตะโกนใส่ด้วยเสียงอันดังว่านางแพศยา ก่อนก้าวไปข้างหน้าและเตะอีกครั้ง เฉาซื่อที่ไม่ทันได้ระวังตัวก็ถูกกู้ฉวนโซ่วเตะเข้า
แรงเตะของกู้ฉวนโซ่วในขณะที่กำลังบันดาลโทสะจะเล็กน้อยได้อย่างไร? เฉาซื่อกระเด็นตัวลอยและล้มลงกับพื้นอีกครั้ง นางรู้สึกราวกับกระดูกในกายได้แตกเป็นเสี่ยง ๆ อวัยวะภายในเคลื่อนจากที่เดิม และกระอักเลือดออกมา
“โห้…” ทุกคนเห็นว่าเฉาซื่ออาเจียนเป็นเลือด และนั่นคือเรื่องจริง
เมื่อมองไปที่กู้ฉวนโซ่วผู้มีใบหน้าซีดเผือดในเวลานี้ แววตาของเขาก็ฉายแววดุร้าย ราวกับปีศาจนรกที่อยากกินคนจนต้องอุทานออกมา
นี่คือกู้ฉวนโซ่วจริงหรือ?
เดิมทีเฉาซื่ออยากจะอยู่เงียบ ๆ ให้เรื่องของวันนี้ผ่านไป นางได้กระทำความผิดที่ไม่สามารถชดเชยได้แล้ว หากกู้ฉวนโซ่วจำความสัมพันธ์ในอดีตของพวกเขาได้ และเป็นสามีภรรยาแค่ในนาม มันก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่นางไม่ได้คิดว่ากู้ฉวนโซ่วอยากจะฆ่านางจริง ๆ
เฉาซื่อยังไม่อยากตาย นางมองดูเด็กสองคนที่กำลังร้องไห้ แล้วก็รู้สึกอยากเตะกู้ฉวนโซวให้ตาย
“เจ้าบ้ากู้ฉวนโซ่ว ท่านทุบตีข้า! ข้าแต่งงานกับครอบครัวกู้ของท่านมาแปดปีแล้ว ให้กำเนิดบุตรชายหญิงราวกับเป็นวัวเป็นม้าเพื่อเจ้า หากท่านปฏิบัติกับข้าไม่ดีก็ไม่เป็นไร เดิมทีข้าอยากให้ท่านตีข้าสักหน่อยเพื่อให้เรื่องมันจบไป แต่ท่านกลับลงมือกับข้าอย่างรุนแรง ข้าไม่อยู่แล้ว ข้าขอไม่อยู่อีกต่อไป!”
เหล่าเหลียงโถวโกรธจนหนวดเคราสั่นสะท้าน นี่เฉาซื่อจริง ๆ หรือ! เห็นสีหน้าที่มืดมนและไม่แน่ใจของกู้ฉวนโซ่ว ขณะเฉาซื่ออ้าปากพูดฉอด ๆ ทำไมกู้ฉวนโซ่วถึงไม่พูดอะไรสักคำล่ะ?
ครอบครัวของกู้ฉวนลู่ก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน พวกเขาเพียงแค่ยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ เฝ้าดูเฉาซื่อที่นั่งอยู่บนพื้นและกำลังคร่ำครวญราวกับว่าดูการแสดงที่ดี
กู้ฉวนโซ่วคิดเพียงว่าจะฆ่าหญิงชั่วช้าผู้นี้ได้อย่างไร แต่ก็ถูกปลุกให้ได้สติด้วยเสียงคร่ำครวญของเฉาซื่อ เขามองดูด้วยความสยดสยองขณะที่เฉาซื่อแสดงอาการบ้าคลั่งรุนแรงขึ้น ใบหน้าของเขามีหลากความรู้สึก และท้ายที่สุดก็เปลี่ยนเป็นสีแดงอีกครั้ง เขาวิ่งไปข้างหน้าและยกเท้าขึ้นทำท่าจะเตะนาง
แต่เฉาซื่อเตรียมตัวพร้อมอยู่แล้ว กู้ฉวนโซ่วจะชนะได้อย่างไร นางรีบคลานหลบไปด้านข้าง กู้ฉวนโซ่วออกแรงมากเกินไปและสูญเสียการทรงตัวจึงล้มลงกับพื้น เฉาซื่อรีบคลานเข้าไปหาและกดกู้ฉวนโซ่วที่ต้องการจะลุกขึ้นไว้ พูดกดเสียงต่ำด้วยน้ำเสียงที่ได้ยินเพียงสองคนอย่างดุเดือด “กู้ฉวนโซ่ว หากท่านไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ว่าท่านไม่ใช่บุรุษ วันนี้ก็จงฆ่าข้าเสีย ถ้าท่านไม่ฆ่าข้า ข้าจะตะโกนบอกให้ทุกคนรับรู้ อย่างไรก็ตาม ถ้าต้องการให้ข้าตาย ข้าจะไม่ทำให้ท่านอยู่ดีมีสุข!”
คำพูดของเฉาซื่อไม่ใช่เรื่องตลก คนที่นอนอยู่ข้างกายและอยู่ด้วยกันมาแปดปี กู้ฉวนโซ่วจะไม่เข้าใจได้อย่างไรว่าเฉาซื่อเป็นคนแบบไหน แม้นางจะทำให้คนอื่นทุกข์ทรมาน นางก็จะไม่ยอมทุกข์ทรมานจากการกระทำของนางเองแม้แต่น้อย
กู้ฉวนโซ่วตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดของเฉาซื่อ และความกลัวก็เข้ามากัดกินหัวใจของเขา!
วันนี้กู้ฉวนโซ่วทำร้ายเฉาซื่อจนเป็นเช่นนี้ เฉาซื่อควรรู้ว่าเขาคิดผิดและไม่ถือโกรธ แต่ถ้าเขายังไม่ยอมปล่อยวางและเฉาซื่อยังไม่ตาย ทุกคนก็จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา
ในสมัยโบราณ สตรีที่แต่งงานแล้วถูกสามีขอหย่าร้างก็ไม่มีทางที่จะมีชีวิตอยู่ได้ แค่น้ำลายก็สามารถทำให้ผู้คนจมน้ำได้
เฉาซื่อต้องมีแผนบางอย่างอยู่ในใจ ถ้านางไม่สามารถอยู่ในครอบครัวกู้ได้ นางจะกลับไปบ้านพ่อแม่ของนาง และนางก็จะถูกขับไล่จากครอบครัวอีก สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือวันนี้นางจะพูดเรื่องของกู้ฉวนโซ่ว แล้วถ้าเขากล้าที่จะหย่ากับนาง นางก็จะป่าวประกาศออกไปว่าเขาไม่ใช่บุรุษ
“เจ้าสาม เจ้าอย่าลืมไปว่าตนเองตอนนี้เป็นอย่างไร? เจ้าใจร้ายก่อนเอง อย่ามาโทษว่าข้าไม่ยุติธรรม!” เฉาซื่อลดเสียงลงและพูดอย่างโกรธเคือง กู้ฉวนโซ่วยังคงมองไปที่เฉาซื่อด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าของเฉาซื่อที่ถูกทุบตีมีสีม่วงช้ำ เลือดที่เพิ่งจะกระอักออกมายังคงไหลมาถึงคาง ประกอบกับแววตาดุร้ายที่มองกู้ฉวนโซ่ว มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน เมื่อสักครู่กู้ฉวนโซ่วยังโกรธอยู่ แต่ในขณะนี้เขาเหมือนลูกโป่งที่ถูกเจาะจนฟีบ ไม่สามารถยืนขึ้นได้อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในใจของกู้ฉวนโซ่วยังคงเกลียด เขาเอ่ยกับเฉาซื่อว่า “เอาล่ะ ถ้าเจ้าขอความเมตตา เราจะยุติความแค้นกันที่นี่วันนี้!”
หลังจากแสดงออกแบบนี้แล้ว กู้ฉวนโซ่วก็ยังเอาชนะเฉาซื่อไม่ได้ และเฉาซื่อก็เป็นคนฉลาดเช่นกัน เมื่อนางได้ยินคำพูดของกู้ฉวนโซ่วนางก็เข้าใจได้ทันที จึงร้องไห้ออกมาดัง ๆ จากนั้นจึงลุกขึ้นไปกอดขาของกู้ฉวนโซ่วเอาไว้อย่างน่าสงสารในสภาพน้ำหูน้ำตาไหล “พ่อของลูก ข้าสำนึกผิดแล้ว! ข้าอยู่กับท่านมาตั้งหลายปี ได้ให้กำเนิดบุตรกับท่าน ดูแลทั้งในและนอกบ้าน ท่านยกโทษให้ข้าเถอะ ข้าสำนึกผิดแล้ว ท่านจะผลักไสข้าแบบนี้ไม่ได้! หากท่านจะผลักไสข้าจริง ๆ ข้าจะหาวิธีเอาคืนแน่! หัวหน้าครอบครัว ข้าสัญญาว่าจะไม่รบกวนพี่สะใภ้ใหญ่อีก และในอนาคตข้าจะเชื่อฟัง”
กู้ฉวนโซ่วเป็นคนโง่เขลาต่อเฉาซื่อมาหลายปีแล้ว มันก็ยากที่เขาจะโกรธ หลังจากความวุ่นวายดังกล่าวเขาก็รู้สึกดีขึ้นอย่างมาก ไม่ต้องพูดถึงว่าเขารู้สึกดีแค่ไหนเมื่อเห็นเฉาซื่อคุกเข่าบนพื้นร้องไห้ขอความเมตตา
“เจ้าสามพอได้แล้ว!” แม้กู้ฉวนลู่ยังคงไม่เข้าใจว่าสามีภรรยาคู่นี้มียาอะไรในน้ำเต้า[1] แต่เพื่อเกลี้ยกล่อมให้คืนดีไม่หย่ากัน เขาก็ไม่สามารถให้มีการหย่าร้างเกิดขึ้นในบ้านของเขาได้ และการไล่ภรรยาออกจากบ้านก็เป็นเรื่องอื้อฉาวและไร้ยางอายมากในหมู่บ้าน
ซุนซื่อยังกล่าวอีกว่า “ใช่ เจ้าสาม น้องสะใภ้ก็ขอโทษเจ้าแล้ว ปล่อยเรื่องนี้ไปเถอะ”
กู้ฉวนโซ่วไม่รู้ว่าจะจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้ราบรื่นได้อย่างไร แต่เมื่อเห็นซุนซื่อยืนอยู่ตรงนั้น ความคิดของกู้ฉวนโซ่วก็สว่างขึ้น เขาก็จ้องมองไปที่เฉาซื่ออีกครั้งและพูดอย่างโกรธเคืองว่า “นางผู้หญิงชั่ว ยังไม่รีบไปขอโทษพี่สะใภ้อีก”
แม้เฉาซื่อจะโดนกู้ฉวนโซ่วทุบตี จมูกของนางจะเปื้อนเลือดและใบหน้าก็บวมเป่ง แต่ในขณะนั้นความคิดของนางก็โลดแล่น เมื่อสักครู่นางได้ต่อรองกับกู้ฉวนโซ่วและดูเหมือนว่าอีกฝ่ายได้ฟังเข้าใจแล้ว คนอื่นจะรู้สิ่งที่น่ารังเกียจเช่นนี้ได้อย่างไร
มาว่ากันเรื่องเฉาซื่อ นางไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าบุรุษที่เตะตนเองไม่ใช่บุรุษอีกต่อไป ถ้าเรื่องนี้แพร่ไป แม้ว่าจะช่วยชีวิตเขาและถูกหย่าร้าง ก็กลัวว่าจะไม่มีใครกล้ามาแต่งงานกับตนเองอีก
…………………………………………………………………………
[1] เป็นสำนวน แปลว่า มีลับลมคมในบางอย่าง หรือมีอะไรในกอไผ่ เนื่องจากหมอจีนสมัยโบราณจะใส่ยาเอาไว้ในผลน้ำเต้า ซึ่งผู้อื่นจะไม่รู้เลยว่าในน้ำเต้านั้นเป็นยาอะไร
สารจากผู้แปล
ต่างฝ่ายต่างกลัวเสียหน้าเสียศักดิ์ศรี เช่นนั้นก็อยู่กันไปอย่างหวานอมขมกลืนต่อ
ไหหม่า(海馬)