ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1017 เต็มไปด้วยจินตนาการ
บทที่ 1017 เต็มไปด้วยจินตนาการ
บทที่ 1017 เต็มไปด้วยจินตนาการ
ขันทีอู๋เป็นชายชราเก่าแก่ในวัง หลายปีนี้เขาหมกมุ่นอยู่กับการปฏิบัติตัวต่อคนอื่นและมีวิธีรับมือกับคนนานแล้ว
ขันทีอู๋ปฏิบัติต่อหลิวเทียนฉืออย่างอบอุ่นเสมอ และหลิวเทียนฉือก็มักจะคิดว่าตนเองแตกต่างเสมอ
“ฮูหยินเจียง ใต้เท้าลวี่ นี่คือขันทีอู๋ คนใกล้ชิดขององค์ฮ่องเต้” หลิวเทียนฉือแนะนำอย่างภาคภูมิใจ และดูเหมือนจะลืมไปเสียสนิทว่า เมื่อครู่ฮูหยินเจียงปฏิบัติต่อตนก้าวร้าวเพียงใด
ทางนี้กำลังพูดคุยกับขันทีอู๋อย่างสนิทสนม และเห็นใครบางคนมองมาอย่างอิจฉา
นี่อาจจะเป็นตัวตนของเขา ขันทีอู๋ผู้นี้อาจมาจากวังหลวง
ขันทีอู๋คนเป็นข้าหลวงรับใช้ใกล้ชิดที่ฮ่องเต้ไว้ใจที่สุด
ฮูหยินเจียงก็เคยพบเจอเขามาแล้วครั้งหนึ่ง นางจึงต้องการชวนขันทีอู๋เข้ามาดื่มชา
ขันทีอู๋โบกมือกล่าวว่า “ข้ายังมีเรื่องที่ต้องจัดการ ชานี้ไม่ดื่มแล้ว หลังจากเสร็จสิ้นคำสั่งแล้วยังต้องกลับไปรายงานที่เมืองหลวง”
ลวี่เทาพูดอย่างรีบร้อน “ขันทีอู๋เดินทางมาไกลโพ้น ลำบากมาตลอดทาง หลังจากเสร็จสิ้นคำสั่งก็ไปพักผ่อนที่ศาลาว่าการเมืองหลิวเจียสักหน่อยเถอะ หลังจากที่ข้าพาท่านไปเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองหลิวเจียแล้ว พรุ่งนี้ค่อยออกเดินทางจะดีกว่า”
เป็นครั้งแรกที่ลวี่เทาเห็นขันทีออกมาจากวัง อีกทั้งขันทีผู้นี้ก็มีตัวตนไม่ธรรมดา
นี่คือข้าหลวงคนใกล้ชิดของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน หากส่งขันทีคนนี้มาเป็นหูเป็นตาให้ เมื่อถึงเวลาเพียงเอ่ยกับฮ่องเต้แค่ประโยคเดียว ถึงตอนนั้นยศตำแหน่งเขาก็เลื่อนสูงขึ้นเสียแล้ว
ลวี่เทาต้องการที่จะประจบประแจงขันทีอู๋คนนี้ แต่เขาก็ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง
สายตาของทุกคนมองไปที่ขันทีอู๋ และมองพระราชโองการสีเหลืองในมืออีกครั้ง และมองไปที่หลิวเทียนฉือพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
เมื่อครู่ หลิวเทียนฉือพูดว่าในอนาคตนางจะเป็นพระชายา
หรือว่ามาเพราะพระราชโองการนี้ หมายถึงแบบนี้ใช่หรือไม่?
นั่นคือสิ่งที่ชาวบ้านทั่วไปและลวี่เทาก็มีความคิดเช่นนั้นเหมือนกัน
เขากวาดสายตามองท่าทางขวยเขินของหลิวเทียนฉืออย่างรวดเร็ว หัวใจเต้นกระหน่ำรัวราวกับมีคนมารัวกลองอยู่ในอก
หรือว่า…
หลิวเทียนฉือจะไปเป็นพระชายาในวังจริง ๆ
หากว่าหลิวเทียนฉือได้เข้าวังจริง ๆ และต่อไปนางจะได้ครอบครองคำแหน่งพระชายา กลายเป็นคนที่รวมเตียงกับองค์ฮ่องเต้ หากตนเองทำให้หลิวเทียนฉือพึงพอใจ และอ้อนวอนให้นางพูดถึงตนด้วยถ้อยคำดี ๆ สองสามคำ วันเวลาของเขาอยู่ไม่ไกลแล้ว…
ลวี่เทามองหลิวเทียนฉืออย่างตื่นเต้น หลิวเทียนฉือเองก็เหมือนกัน นางตื่นเต้นจนเนื้อตัวสั่นไปหมด ตื่นเต้นจนแววตาระยิบระยับเป็นประกายเมื่อนางมองดูราชโอการในมือของขันทีอู๋
หรือว่า…
ความฝันของนางจะเป็นจริงแล้ว
“ทหาร รีบปล่อยตัวเสี่ยวเถา เดี๋ยวข้าจะไปขอโทษแม่นางกู้ด้วยตนเองในภายหลัง” ทันใดนั้น ลวี่เทาก็ให้ลูกน้องปล่อยตัวเสี่ยวเถาในทันใด
ลวี่เทาจะขอโทษกู้เสี่ยวหวานด้วยตนเองในภายหลัง
นี่หมายความว่าอย่างไร?
ประชาชนทุกคนมองไปที่ลวี่เทาซึ่งกำลังมาทางนี้ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความปีติยินดี
แต่มีประชาชนที่ฉลาดที่สามารถเดาความคิดของลวี่เทาได้
ใต้เท้าลวี่เป็นผู้ตัดสินสถานการณ์ได้จริง ๆ พอเห็นว่าคุณหนูหลิวจะได้เป็นพระชายา เขาจึงยอมทำทุกอย่างเพื่อประจบประแจง
แม้ว่าคำเยินยอนี้จะดูประจบสอพลอเกินไป แต่สำหรับหลิวเทียนฉือ แล้วมันจำเป็นอย่างยิ่ง
ซึ่งนี่หมายความว่า ตนเองยังคงเป็นหลิวเทียนฉือที่สูงส่ง
ไม่สิ หลังจากได้รับพระราชโองการแล้ว ตนเองเป็นพระชายาที่มีเกียรติและสูงส่งมากกว่าหลิวเทียนฉือคนเดิม
ลวี่เทาคนนี้รู้สถานการณ์ปัจจุบันดี หลิวเทียนฉือมองด้วยความเห็นดีเห็นชอบ เมื่อเห็นเสี่ยวเถาได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่สองคนนั้นด้วยความอบอุ่นแล้วก็ประคองนางขึ้นมาอย่างอ่อนโยน และขอโพยขอพายนางไม่หยุด
เห็นหรือไม่ว่านี่คือความศักดิ์สิทธิ์ของอำนาจ ครั้นครอบครองอำนาจไว้ในมือ ไม่ว่าผู้ใดก็ยอมสยบแทบเท้า และประเคนสิ่งต่าง ๆ ให้โดยไม่ต้องพยายาม และบางครั้งก็เป็นเรื่องที่แม้แต่เจ้าก็นึกไม่ถึง
แม้แต่ฮูหยินเจียงที่ปากคอเราะร้ายคนนั้นก็ปิดปากสนิท นางเดินไปหยุดข้างกายหลิวเทียนฉือ นางจับแขนของหลิวเทียนฉือด้วยความรัก และถามอย่างจริงใจว่า “เทียนฉือ เกิดอะไรขึ้น ทำไมข้าไม่เคยยินเจ้าเอ่ยถึงเรื่องนี้มาก่อน”
เมื่อเห็นหลิวเทียนฉือเชิดหน้าขึ้นอย่างยโสโอหังอย่างยิ่ง
ขันทีอู๋เริ่มเกิดความรู้สึกตะขิตตะขวงใจ เขาไม่ได้ยินคำพูดที่หลุดจากปากหลิวเทียนฉือว่าต่อไปนางจะได้เป็นพระชายา ก็เห็นคนที่มีทัศนคติไม่ดีต่อหลิวเทียนฉือเปลี่ยนสีหน้า และทำตัวสนิทสนมขึ้นมา
ต่อมาเมื่อได้ยินคนพูดว่า ‘ชายา’ คำนี้ เขาถึงตระหนักขึ้นได้ทันที
หรือว่าคนพวกนี้นึกว่าพระราชโองการในมือนี้มอบหมายให้หลิวเทียนฉือ
“ขันทีอู๋ นี่ใช่ราชโองการที่ฮ่องเต้มมอบให้ข้าหรือไม่?” หลิวเทียนฉือถามด้วยความคาดหวัง และมองไปที่ราชโองการในมือของขันทีอู๋ นางรู้สึกตื่นเต้นจนไม่อาจละสายตาได้
ไม่แปลกใจเลยที่ฮ่องเต้จะไม่รู้จักว่าเมืองหลิวเจียนี้เป็นสถานที่แบบไหน
แต่ก็เป็นเรื่องบังเอิญมากที่ลูกสาวของขุนนางฝ่ายค้าเกลือและโลหะอยู่ที่นี่ เหตุใดนางถึงมาอยู่ที่เมืองหลิวเจียได้เสียล่ะ?
ขันทีอู๋แค่คลี่ยิ้มหากแต่ไม่ได้เอ่ยอะไร เมื่อเห็นว่าขันทีอู๋ยังคงนิ่งเงียบ ใบหน้าของหลิวเทียนฉือก็ตื่นเต้นเหมือนกับว่านางได้กินน้ำผึ้ง
เสี่ยวเหอที่อยู่ด้านข้างยืดหลังของนางให้ตรง และจับแขนของหลิวเทียนฉือไว้ไม่ปล่อย คิ้วและดวงตาที่มองมาราวกับจะบอกว่า อีกเดี๋ยวนางจะคุกเข่าลงและรับคำสั่ง
ในที่สุดฮ่องเต้ก็ลืมตาขึ้นและเห็นถึงคุณค่าในตัวคุณหนูของตน
ถ้าหากคุณหนูเข้าวังและได้แต่งตั้งเป็นสนมเอกในอนาคต ไม่แน่ว่าตนเองก็อาจจะเป็นคนรับใช้ใกล้ชิดได้
หลิวเทียนฉือรู้สึกตื่นเต้นมากจนมือทั้งสองของนางสั่นสะท้าน นางรู้สึกว่าร่างกายของนางอ่อนแรงลง และแทบจะทรงตัวไว้ไม่อยู่
ขันทีอู๋คลี่ยิ้มลึกซึ้งอย่างไม่สามารถอธิบายได้ เขามองดูคนรอบ ๆ กายหลิวเทียนฉือที่ยิ้มอย่างประจบสอพลอ และหลิวเทียนฉือที่อยู่ในอาการตื่นเต้น
จากนั้นเขาก็เปิดราชโองการด้วยความเคารพ
ครั้นหลิวเทียนฉือเห็นราชโอการถูกเปิดออก นางรู้สึกราวกับว่ามีดอกไม้เบ่งบานอยู่ในใจ ไม่คิดเลยว่าขันทีอู๋ผู้นี้จะเดินทางมาหมื่นลี้ถึงเมืองหลิวเจี่ย แน่นอนว่าเขาต้องมาหานางแน่นอน
แน่นอนว่าฮ่องเต้จะต้องเห็นความดีงามของนาง และแต่งตั้งนางขึ้นเป็นพระสนม
ขันทีอู๋จ้องมองนางด้วยแววตาลึกซึ้ง เมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นของนางจึงไม่ได้เอ่ยสิ่งใดมาก
ฮูหยินเจียงรู้สึกประหลาดใจมาก
นางมองหน้าของหลิวเทียนฉือที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ประโยชน์ที่หลิวเทียนฉือเอ่ยถามขันทีอู๋เมื่อครู่ยังคงวนเวียนอยู่ในหูของนาง
————————————-