ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1040 มีความสัมพันธ์
บทที่ 1040 มีความสัมพันธ์
บทที่ 1040 มีความสัมพันธ์
หลังจากหลี่ซื่อเริ่มมีเงิน เขามักจะเทียวไปเทียวมาที่หอนางโลมอยู่บ่อย ๆ ใช้เวลาอยู่ที่นั่นเพื่อล้างผลาญเงินไปวัน ๆ
เขาไม่เคยได้ครอบครองสตรีจากครอบครัวดี ๆ ดังนั้นจึงรู้สึกจักจี้หัวใจ และไม่รู้ว่าหญิงสาวที่มีเสน่ห์คนนี้จะเป็นอย่างไร
ดังนั้นเขาจึงทำหน้าที่เป็นเถ้าแก่และดูแลเฉาซินเหลียนอย่างดี
เฉาซินเหลียนคนนี้กำลังอยู่ในความละเมอเพ้อพก และไม่มีความยับยั้งชั่งใจเฉกเช่นผู้หญิงคนอื่น
การกระทำของพวกเขาก็เหมือนการผิดศีลธรรม เพียงสบตาและไปมาหาสู่กัน สุดท้ายก็จบลงบนเตียง
หลังจากได้ลิ้มลองความแปลกใหม่เป็นครั้งแรก เขาก็ค้นพบว่าผู้หญิงคนนี้จากครอบครัวที่ดีนั้นแตกต่างออกไปและความรู้สึกบนเตียงนั้นแตกต่างจากหญิงสาวที่หอนางโลม
ยิ่งกว่านั้น สถานที่แห่งความรักในครั้งนี้ไม่ได้อยู่แค่ในบ้านเช่าของเฉาซินเหลียนหรือในบ้านเช่าของหลี่ซื่อ แต่ยังมีบนรถม้า ร้านอาหาร โรงละคร โรงเตี๊ยม ตราบใดที่เป็นสถานที่ที่สามารถนอน ยืน และนั่งได้ ล้วนแต่จะมีตราประทับของทั้งสองคนที่เข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย
โบราณกล่าวไว้ว่า ความจริงใจไม่หลอกลวงคน ภรรยาในบ้านไม่ดีเท่านางบำเรอด้านนอก และนางบำเรอไม่ดีเท่าการลักกินขโมยกิน
รสชาติของการลักกินขโมยกินนั้นทำให้เขาตื่นเต้นอย่างสุดจะพรรณนา ซึ่งทำให้รู้สึกสดชื่นและไม่อาจหยุดยั้งได้
เช่นเดียวกับเฉาซินเหลียน นางไม่มีความสุขกับความรักระหว่างชายหญิงมานานแล้ว
หากเปรียบเทียบหลี่ซื่อกับกู้ฉวนโซ่วแล้ว เฉาซินเหลียนจะเลือกหลี่ซื่อโดยไม่ลังเล
หลี่ซื่อเป็นหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา และเพราะเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในหอนางโลม เขาจึงมีลีลาเด็ดมากมายที่ทำให้หญิงสาวพึงพอใจ เฉาซินเหลียนผู้ถูกทรมานจึงร้องครวญครางอย่างสมสุข
อย่างไรก็ตาม การขโมยนี้ก็ทำได้เพียงลับ ๆ ล่อ ๆ หากกระทำแบบเปิดเผยจะตื่นเต้นมากกว่าการขโมยกินได้อย่างไร?
ยิ่งกว่านั้น ในสมัยโบราณ เรื่องการคบชู้ก็เหมือนหนูข้ามถนน ใคร ๆ ก็โห่ร้องและตีมัน ถ้าพิสูจน์ได้ว่าตัวเองขโมยของใครมาก็ไม่จำเป็นต้องหักล้างคำพูดของเฉาฮุย เช่นนั้นก็ตายอยู่ดี ถูกถ่วงน้ำหรือตัดหัว ล้วนแต่ไม่มีผู้ใดมีความสุข
เมื่อลวี่เทาถามกู้ซุ่นสี เฉาซินเหลียนและหลี่ซื่อก็ตื่นตระหนก
แม้ว่าหลี่ซื่อจะไม่ใช่ผู้ชายที่ดี วันธรรมดาก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าการลวนลามผู้หญิงจากครอบครัวที่ดี แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพาผู้หญิงจากครอบครัวที่ดีขึ้นเตียง ถ้าเขายอมรับมันและสามีของเฉาซินเหลียนรู้เข้า ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาก็ต้องรับผิดชอบมันด้วยชีวิต
ดังนั้นหลี่ซื่อจึงโต้กลับทันที “ใต้เท้าลวี่ ข้ารู้จักเฉาซื่อ และข้าเคยทานอาหารกับนางสองสามครั้ง แต่ความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับนางจำกัดอยู่แค่การทานอาหารเท่านั้น ที่เหลือไม่ใช่ความจริง บางทีเด็กคนนี้อาจมองผิดไป หรือไม่ดวงตาของเขาก็อาจจะพร่ามัว”
หลี่ซื่อคนนี้ยังคงโกหกต่อไปหน้าด้าน ๆ โดยบอกว่าเด็กอายุเจ็ดหรือแปดขวบดวงตาพร่ามัว
เฉาซินเหลียนเองก็รีบเอ่ยออกมาเช่นเดียวกัน โดยบอกว่านางกับหลี่ซื่อเป็นแค่เพื่อนกัน และกินข้าวด้วยกันแค่สองครั้งเท่านั้น
ไม่มีอะไรเกินเลยไปมากกว่านั้น
พวกเขาสองคนต้องการที่จะปกปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ แต่ไม่ว่าจะลบล้างมันอย่างไรก็ไม่สามารถลบล้างความจริงนี้ได้
ทุกคนไม่เชื่อคำอธิบายของพวกเขาเลย
“เด็กน้อย บอกข้ามาเร็วเข้าว่าเจ้าเห็นอะไรกันแน่” ลวี่เทาถามต่อว่า “ถ้าเจ้าพูดได้ดี และแม่ของเจ้าไม่ได้ทำอะไรผิดจริง ๆ ข้าจะปล่อยแม่ของเจ้าไป”
ลวี่เทายื่นข้อเสนอด้วยรอยยิ้ม
แต่เฉาซินเหลียนกลับตะโกนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “ซุ่นสีเงียบปากซะ ไม่ต้องพูดอะไร ไม่ต้องพูดอะไร ข้าสบายดี”
แต่ลวี่เทาโบกมือ ทุบค้อนและตะโกนเสียงดัง “เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ส่งเสียงดังในที่นี้ นี่คือสถานที่ที่ข้าเป็นผู้ตัดสินคดี”
ตอนที่นางลอบมีสัมพันธ์กับหลี่ซื่อ นางรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย หากแต่ช่วงระยะเวลาแห่งความสุขนั้นไม่อาจปิดบังความกลัวที่แผ่ออกมาจากใจได้
ทันใดนั้น นางก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา
กู้เสี่ยวหวานอยู่ในห้องโถงด้านหลัง เฝ้าดูใบหน้าของเฉาซินเหลียนเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีแดง นางรู้ว่าเกราะป้องกันภายในใจของเฉาซินเหลียนกำลังจะพังทลายลง
ตั้งแต่สมัยโบราณ คนล้วนจับผิดผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
เมื่อชายหนุ่มแต่งงานแล้วสามารถมีภรรยาได้หลายคน อีกทั้งยังสามารถเที่ยวเล่นกับหญิงสาวข้างนอกได้ แต่หญิงสาวนั้นช่างแตกต่าง ตั้งแต่เกิดจนสิ้นลม ในชีวิตของนางมีผู้ชายเพียงสามคนเท่านั้น
เมื่ออยู่บ้านต้องเชื่อฟังบิดา เมื่อแต่งงานต้องเชื่อฟังสามี เมื่อสามีตายต้องเชื่อฟังบุตรชาย
ตลอดทั้งชีวิต พวกนางวนเวียนอยู่รอบผู้ชายสามคนนี้ หากพวกนางเผลอเลี้ยวผิดทาง สิ่งที่รอพวกนางอยู่จะเป็นฝันร้ายยิ่งกว่านรก
กู้เสี่ยวหวานเดาถูก เฉาซินเหลียนเริ่มตื่นตระหนกจริง ๆ
หลี่ซื่อก็เริ่มตื่นตระหนกเช่นกัน
หลี่ซื่อเงยหน้าขึ้นและมองไปที่เฉาซินเหลียนอย่างรวดเร็ว เขามีแผนการอยู่ในใจ และดวงตาของเขาก็มืดลง ชายหนุ่มก้าวไปด้านข้างอย่างรวดเร็วราวกับจะขีดเส้นที่ชัดเจนกับเฉาซินเหลียน
เฉาซินเหลียนให้ความสนใจกับกู้ซุ่นสีตลอดเวลาและไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ของหลี่ซื่อ
เฉาซินเหลียนคว้าตัวกู้ซุ่นสีไว้เพราะไม่ต้องการให้เขาพูด แต่ลวี่เทาสั่งให้คนแยกแม่ลูกออกจากกัน เมื่อเห็นว่าการกระทำไม่ถูกต้องกู้ซุ่นสีจึงปิดปากเงียบ และไม่ต้องการพูดอะไร แต่ลวี่เทาเกลี้ยกล่อมว่าถ้าเขาพูดดีก็จะสามารถปล่อยตัวเฉาซินเหลียนได้
เด็กคนนี้ เดิมทีเขาต้องการช่วยเฉาซินเหลียน เมื่อเห็นว่าลวี่เทาสัญญากับตัวเองว่าตราบใดที่เขาเปิดปากพูดสิ่งดี ๆ อีกฝ่ายจะปล่อยแม่ของตัวเองไป ดังนั้นเขาจึงพูดทุกอย่างที่เห็นและได้ยินออกมา
แม้ว่าจะไม่สามารถเชื่อคำพูดของเด็กได้ทั้งหมด แต่ทุกคนก็รู้ว่าคำพูดที่จริงใจที่สุดในโลกนี้ก็คือคำพูดของเด็กเช่นกัน
ทันทีที่กู้ซุ่นสีพูด เฉาซินเหลียนก็ล้มลงทันที ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ตอนนี้นางถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานคบชู้แล้ว
เฉาซินเหลียนนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา แต่ท่าทางหวาดกลัวของนางทำให้ผู้คนคาดเดาได้ว่าคืออะไร
เมื่อกู้ฟางสี่ได้ยินว่ากู้ซุ่นสีได้เห็นทุกอย่างและได้ยินสิ่งที่สกปรกเช่นนี้ นางชี้ไปที่เฉาซินเหลียนด้วยนิ้วที่สั่นเทาอย่างโกรธเคืองและสาปแช่ง “เฉาซินเหลียน เจ้าช่างไร้ยางอาย พี่ชายของข้าทำให้เจ้ารู้สึกแย่ตอนไหนกัน เจ้าถึงสวมหมวกเขียวให้พี่ชายข้าเช่นนี้และยังให้ซุ่นสีต้องเห็นอะไรแบบนี้อีก เจ้าไม่รู้สึกละอายใจตัวเองบ้างเลยหรือไง?!”