ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1045 หลังฤดูใบไม้ร่วงจะถูกประหาร
บทที่ 1045 หลังฤดูใบไม้ร่วงจะถูกประหาร
บทที่ 1045 หลังฤดูใบไม้ร่วงจะถูกประหาร
“เฉาซินเหลียน เจ้าก็เป็นเพียงหญิงแพศยา ทำเรื่องสกปรกขนาดนี้แล้วยังเอาลูกมาขู่ข้า หวังจะให้ข้ายกโทษให้ ถุย ฝันไปเถอะ เจ้าตายไปน่ะดีแล้ว การที่ลูกสองคนมีแม่สกปรกเช่นเจ้าจะทำให้พวกเขาอับอาย”
ไม่คาดคิดว่ากู้ฉวนโซ่วจะโหดเหี้ยมถึงขนาดนี้
“กู้ฉวนโซ่ว เจ้าไม่ใช่ผู้ชาย ถ้าข้าไม่เตะน้องชายของเจ้า เจ้าจะปฏิบัติกับข้าแบบนี้ได้อย่างไร เจ้าไม่ใช่ผู้ชาย เจ้าไม่ใช่ผู้ชาย เจ้าก็แค่เศษสวะ”
เฉาซินเหลียนตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ราวกับดาบแหลมคมแทงทะลุหัวใจของกู้ฉวนโซ่ว
ตอนแรกคิดว่ากู้ฉวนโซ่วจะโกรธหรือเกิดความลำบากใจ ไม่คาดคิดว่าเขาจะยกยิ้มขึ้น แต่รอยยิ้มนั้นกลับไปไม่ถึงดวงตา “เฉาซินเหลียน ไม่ต้องกังวล เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ว่าข้าเป็นผู้ชายหรือไม่ สิ่งที่ข้าอยากจะบอกเจ้าก็คือ จากนี้ไปเจ้าจะไม่ใช่ครอบครัวของข้าอีกต่อไป ส่วนถิงถิงและซุ่นสีก็ไม่ต้องการแม่ที่ทำตัวน่าขายหน้าอย่างเจ้า”
หลังจากกู้ฉวนโซ่วพูดจบ เขาก็ดึงกู้ถิงถิงและกู้ซุ่นสีที่มองพวกเขาในห้องโถงพิจารณาคดี และไม่สนใจเฉาซินเหลียนที่ก่นด่าไล่หลังอย่างบ้าคลั่ง
กู้ฉวนโซ่วกลับมาและจากไปทันที
อย่างไรก็ตาม คราวนี้การก่ออาชญากรรมของเฉาซินเหลียนได้รับการยืนยันแล้ว
“เฉาซินเหลียน เจ้าฆ่าพ่อแม่ของข้า เจ้ายังจะพูดอะไรอีก” กู้หนิงผิงจ้องไปที่เฉาซินเหลียน ไฟในดวงตาแทบจะแผดเผาเฉาซินเหลียนให้แหลกเป็นจุล
เฉาซินเหลียนนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นเหมือนตุ๊กตาเศษผ้าที่ไร้ชีวิตชีวา
เฉาฮุยยังคงก้มหน้าและพูดว่า “ใต้เท้าลวี่ ท่านเพิ่งได้ยินจากกู้ฉวนโซ่วแล้วว่า เรื่องในอดีต เฉาซินเหลียนใช้เงินสั่งให้ข้าทำ”
ลวี่เทาทุบค้อนไม้เรียกสติ เขาสั่งลงโทษเฉาซินเหลียนและเฉาฮุย
เฉาซินเหลียนถูกตัดสินให้ตัดศีรษะในการประหารฤดูใบไม้ร่วง*[1] เนื่องจากเฉาฮุยทำตามคำสั่งเฉาซินเหลียน นอกจากนี้ เขายังทำสิ่งที่ไร้สำนึกมากมายและถูกสั่งจำคุกเช่นกัน
แม้ว่าตอนแรกจะไม่ได้บอกว่าจะขังคุกนานเท่าไร แต่เพื่อเอาใจกู้เสี่ยวหวาน เกรงว่าลวี่เทาคงต้องการขังเขาเอาไว้หลายปี
หลี่ซื่อเองก็ถูกจับกุมเนื่องจากปฏิบัติผิดศีลธรรม จนกว่าเขาจะสำนึกผิดจึงจะตกลงปล่อยตัว
เมื่อลวี่เทาบอกว่าเฉาซินเหลียนต้องถูกประหารฤดูใบไม้ร่วง เฉาซินเหลียนรู้สึกว่าโลกของนางกำลังจะถล่ม
หลังจากที่ทั้งสองคนถูกพาตัวไป และผู้ต่างก็แยกย้ายออกไป ลวี่เทารีบพากู้ฟางสี่และคนอื่นไปที่ห้องโถงด้านในที่กู้เสี่ยวหวานนั่งรอพวกเขาอยู่
เมื่อเห็นพวกเขาเข้ามา กู้เสี่ยวหวานก็ยกน้ำชาขึ้นและยิ้มอย่างมีเลศนัย “ในที่สุดความแค้นของเราก็ได้รับการชำระ”
ใช่แล้ว ไม่เคยรู้เลยว่ากู้ฉวนฟู่และเถียนซื่อมีปัญหาเพราะเหตุการณ์นี้ ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ในปีนั้นกู้ฉวนฟู่และภรรยาของเขาคงไม่รับทรัพย์สินและโฉนดที่ดิน
ก่อนทรัพย์สินจะถึงมือก็กลายเป็นเครื่องรางเตือนใจให้ห้อยคอ
เมื่อเห็นพวกเขาเข้ามา ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความโศกเศร้า พูดตามตรงกู้เสี่ยวหวานรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แม้ว่านางจะไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับพ่อแม่ที่โดนเอาเปรียบ แต่พวกเขาก็เป็นพ่อแม่ที่แท้จริงของร่างกายนี้ แม้ว่าวิญญาณของร่างกายนี้จากไปนานแล้ว แต่ในร่างกายนี้ก็ยังคงมีร่องรอยความทรงจำอยู่
นั่นเป็นเหตุผลที่หลังจากได้ยินว่าเฉาซินเหลียนถูกตัดสินให้ตัดศีรษะในการประหารฤดูใบไม้ร่วง จึงมีทั้งความสุขและความเศร้าเล็กน้อย
การล้างแค้นของกู้เสี่ยวหวานถูกล้างแค้นเพราะหลักฐานของเหลียงเหยาซื่อ จากนั้นที่ลวี่เทาก็จัดสรรที่ดินและบ้านทั้งหมดคืนให้กับกู้ฉวนฟู่
ดังนั้นจึงมีบ้านเก่าของตระกูลกู้ครึ่งหนึ่งและทุ่งนาครึ่งหนึ่งที่อยู่ภายใต้ชื่อของกู้เสี่ยวหวานภายในเวลาไม่กี่วัน
เมื่อเห็นว่ามรดกทั้งหมดถูกเปลี่ยนเป็นชื่อของกู้เสี่ยวหวานแล้ว ลวี่เทาจึงรีบนำโฉนดบ้านและโฉนดที่ดินเพื่อเรียกร้องความเชื่อถือ “เสี้ยนจู่ ท่านดูสิ นี่คือการโอนทรัพย์สินที่ควรอยู่ภายใต้ชื่อของท่าน ตอนนี้มันเป็นชื่อของท่านแล้ว”
กู้เสี่ยวหวานไม่มีความสุขมากเมื่อนางมองไปที่กระดาษขาวดำที่มีตราประทับสีแดงของทางการอยู่
ตรงกันข้าม ถ้าพ่อแม่สามารถอยู่ที่นี่ได้ แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า นางก็จะไม่สนใจ
กู้เสี่ยวหวานยิ้มและยอมรับสิ่งที่ลวี่เทาส่งมา และกล่าวขอบคุณอย่างห่างเหิน
แต่ลวี่เทาต้องการใกล้ชิดกับกู้เสี่ยวหวานให้มากที่สุด เขาไปที่สวนกู้ไม่ได้ หากเขาไม่ไป กู้เสี่ยวหวานก็จะไม่สามารถขับไล่เขาออกไปได้
ท้ายที่สุด ลวี่เทาคนนี้ก็เป็นเจ้าหน้าที่ทางการในเมืองหลิวเจีย นอกจากตัวนางเองแล้ว ลวี่เทาคนนี้ยังมีตำแหน่งใหญ่ที่สุดในเมืองหลิวเจีย และไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถรุกรานได้
มีคนสองสามคนนั่งอยู่ในห้องโถงฟังลวี่เทาพูดพล่ามไม่หยุด เนื่องจากกู้เสี่ยวหวานเหนื่อยเล็กน้อย จึงไม่ต้องการฟังเรื่องราวของลวี่เทาอีกต่อไป และบอกว่านางเหนื่อยและต้องการไปพักผ่อน
แต่จู่ ๆ ลวี่เทาก็ดึงกู้เสี่ยวหวานไว้ ไม่ยอมให้นางเข้าไปข้างใน และยังมีสีหน้าลังเลอยู่เล็กน้อยราวกับว่าเขามีเรื่องจะพูดอะไรบางอย่าง
“ใต้เท้าลวี่ มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า” เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นว่าเขาลังเลที่จะพูด ในใจนางก็คิดว่าควรจะถามดีหรือไม่ ท้ายที่สุดแล้วลวี่เทาก็ช่วยเหลือเรื่องเฉาซินเหลียนเป็นอย่างดี
เมื่อลวี่เทาเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานถามตนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ใบหน้าของเขาก็ดีขึ้นทันที แม้ว่าจะยังลังเลเล็กน้อย “เสี้ยนจู่ นายท่านเจียงบอกว่าข้าต้องเชิญท่านไปที่บ้านและต้องการให้ข้ามาบอกท่าน”
เจียงอวิ้นหลิ่วมีบางอย่างจึงเรียกหานาง
เจียงอวิ้นหลิ่วต้องการอะไรในการเรียกหานาง
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกสงสัย แต่เมื่อเห็นท่าทางคาดหวังของลวี่เทาและเมื่อคิดว่าในครั้งนี้เขาช่วยนางไว้มาก นางจึงตอบว่า “ตกลง”
ลวี่เทาไม่คาดคิดว่ากู้เสี่ยวหวานจะตอบตกลงเร็วขนาดนี้ สีหน้าของเขาจึงดีขึ้นมากในทันที และแววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
เมื่อรู้ว่าตัวเองทำอะไรในครั้งนี้และได้รับความโปรดปรานจากกู้เสี่ยวหวาน
ครั้งแรกรู้จัก ครั้งที่สองสนิทชิดเชื้อ แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับกู้เสี่ยวหวานจะไม่ค่อยดีนัก แต่การทำงานหนักจะให้ผลตอบแทน หากทำงานได้ดี ในอนาคตเมฆจะเปิดกว้างและมองเห็นดวงจันทร์ได้
เรื่องราวเกี่ยวกับเฉาซินเหลียนในเมืองดูเหมือนจะใหญ่ขึ้น ทำให้เกิดความรู้สึกต่าง ๆ ทั่วทั้งเมือง
*[1] การตัดสินโทษประหารแก่ผู้กระทำความผิดแล้วก็จะทำรายชื่อส่งไปที่ส่วนกลาง จากนั้นก็จะนำความขึ้นกราบบังคมทูล และเมื่อฮ่องเต้ทราบแล้วก็จะส่งหนังสือกลับไปยังท้องถิ่น โดยในแต่ละปีจะประหารในช่วงเวลานี้เท่านั้น เพราะฤดูใบไม้ร่วงเป็นฤดูของความตาย