ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1095 พบกันอีกครั้ง
บทที่ 1095 พบกันอีกครั้ง
บทที่ 1095 พบกันอีกครั้ง
ถานอวี้ซูทำเสียงฮึดฮัด และพูดด้วยรอยยิ้มหยันว่า “อายุของเจ้าก็ไม่น้อยแล้วนะ ท่าทางไม่เด็กแล้ว ถ้าไม่ใช่ว่าในครอบครัวของเจ้ามีผู้ปกครองที่ดี เจ้ายังจะกล้าวางอำนาจแบบนี้หรือไม่”
สิ่งที่นางพูดสร้างความรำคาญให้กับชายผู้นั้นเป็นอย่างมาก
“แต่ไหนแต่ไรมา ยังไม่เคยมีหญิงคนไหนที่ข้าอยากได้แล้วไม่ได้ หากเจ้ากลับไปกับข้าอย่างเชื่อฟัง ข้าอาจจะยังไม่ได้รักเจ้า หากเจ้ากล้าที่จะต่อต้านข้า ข้าจะฆ่าเจ้าแน่นอน” ชายคนนั้นเอ่ยอย่างดุดัน
ถานอวี้ซูรุดขึ้นหน้าด้วยสีหน้าดุดัน “เช่นนั้นก็ลองดู”
ชายคนนั้นไม่คิดว่าถานอวี้ซูจะมีนิสัยเยือกเย็น และไม่มีท่าทีหวาดกลัวตนเองเลยแม้แต่น้อย ในใจจึงเกิดความรู้สึกหวาดระแวง แต่ตอนนี้ทุกสายตากำลังจับจ้องมาที่ตนเองจนรู้สึกประหม่า พลางโบกมือพัลวัน “หากผู้ใดจับนางได้ ข้าจะมอบรางวัลให้”
ชายคนนั้นเป็นผู้นำในหมู่ชายหนุ่มที่โง่เขลากลุ่มนี้ นอกจากนี้ยังเป็นคนที่มีภูมิหลังมากที่สุดในตระกูล เมื่อคนรอบข้างได้ยิน พวกเขาก็ส่งเสียงโหวกเหวกโวยวาย “ตกลง คุณชายจิน”
สิ้นประโยคของคนเหล่านั้น ทุกคนก็กรูกันเข้ามา
กู้หนิงผิงได้ยินเสียงโกลาหลขึ้น จึงรีบก้าวไปตามต้นตอของเสียง และเห็นเหล่าชายหนุ่มจากตระกูลมั่งคั่ง คนพวกนั้นมีท่าทางราวกับหมาป่าพร้อมตะปบเหยื่อตรงหน้าได้ทุกเมื่อ หัวใจของกู้หนิงผิงเต้นระรัวพลางตะโกนขึ้นเสียงดัง “หยุด!”
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนจากด้านหลัง ชายหนุ่มเหล่านั้นตื่นตระหนกเล็กน้อย ครั้นหันกลับไปมองก็พบว่าเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง จากการมองด้วยตาเปล่า เขาน่าจะอายุน้อยกว่าพวกตนเองหนึ่งปีหรือสองปี ดังนั้นจึงอดรู้สึกโล่งใจไม่ได้ มุมปากเหยียดยิ้มดูถูก
หนึ่งในนั้นชี้ไปทางกู้หนิงผิงและเอ่ยขึ้นอย่างมาดร้าย “เด็กเหลือขอคนนี้มาจากที่ใด เจ้าอย่ามาสร้างปัญหาที่นี่เสียจะดีกว่า มิฉะนั้นข้าจะจัดการเจ้าด้วย”
กู้หนิงผิงคร้านจะพูดเรื่องไร้สาระกับเขาด้วยกลัวว่าถานอวี้ซูจะเสียเปรียบ เขาจึงก้าวไปข้างหน้าและง้างหมัดชกลงบนใบหน้าของอีกฝ่ายทันที
เสียงหมัดหนักกระแทกลงใบหน้าอีกฝ่าย ทำให้คนผู้นั้นกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เมื่อเห็นเด็กคนนี้เปี่ยมไปด้วยพลังมหาศาล พวกเขาทั้งหมดจึงรีบเข้าไปล้อมรอบกู้หนิงผิงเอาไว้
แต่กู้หนิงผิงไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด
แม้ว่าคนกลุ่มนี้จะมีจำนวนมาก หากแต่พวกเขานั้นไร้ประโยชน์ ลูกชายของตระกูลร่ำรวยที่เที่ยวเตร่ไปวัน ๆ จะเทียบกับกู้หนิงผิงที่ฝึกศิลปะการต่อสู้ทุกวันได้อย่างไร
ครั้นเห็นกู้หนิงผิงไม่ออมแรง หนึ่งต่อหนึ่ง สองต่อหนึ่ง คนเหล่านี้ถูกจัดการจนหมอบลงกับพื้นและเหลือเพียงชายคนที่ถูกเรียกว่าคุณชายจิน คุณชายจินร่างกายสั่นสะท้าน เขาชี้นิ้วอันสั่นระริกไปทางกู้หนิงผิงและตะโกนเสียงดัง “เจ้ากล้าดีอย่างไรมาทำลายวันดี ๆ ของข้า เจ้าชื่ออะไร!?”
“ข้าย่อมไม่ปิดบังตนเอง ข้าแซ่กู้ ชื่อกู้หนิงผิง” กู้หนิงผิงหาได้แสดงความหวาดกลัวออกมา และเอ่ยชื่อตนเองออกมาตรง ๆ
เวลานั้นกู้หนิงผิงเห็นแสงประกายแวววาวสว่างวาบขึ้นในดวงตาของอีกฝ่าย คุณชายจินจึงเอ่ยขึ้นว่า “ฝากไว้ก่อนเถอะ”
เขากัดฟันพูดจนจบประโยคก็ซวนเซวิ่งหนีเตลิดออกไป
เหล่าพรรคพวกของคุณชายจินเงยหน้าขึ้นมองด้วยความเลิ่กลั่ก พวกเขาพลันตะเกียกตะกายลุกขึ้นและวิ่งหนีหางจุกตูด
ครั้นเห็นพวกเขาหนีหายไป กู้หนิงผิงจึงรีบก้าวไปถามถานอวี้ซูด้วยความเป็นห่วงว่า “แม่นาง เจ้า…เจ้าไม่เป็นไรนะ?”
เมื่อเห็นว่าตนเองเอ่ยออกมาอย่างกระท่อนกระแท่น กู้หนิงผิงแทบอยากจะกัดลิ้นตัวเอง ตอนที่เผชิญหน้ากับคนพวกนั้นก็ไม่เห็นว่าตัวเองจะมีอาการเช่นนี้เลย
กู้หนิงผิงเสียใจอยู่พักหนึ่ง สายตาลอบมองถานอวี้ซูปราดหนึ่งก็พลันหน้าแดงขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ
ถานอวี้ซูมองไปที่กู้หนิงผิง เพียงแค่ว่าเมื่อครู่อีกฝ่ายต่อยคนเหล่านี้ลงกับพื้นด้วยมือเปล่าเพื่อตัวเอง หัวใจพลันรู้สึกซาบซึ้ง “ข้าไม่เป็นไร ขอบคุณท่านมาก”
เมื่อกู้หนิงผิงได้ยินว่านางไม่ได้รับอันตรายก็รู้สึกวางใจ เขาเอามือเกาศีรษะด้วยความเขินอายแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ไม่เป็นไรก็ดี เมื่อวานข้าชนเจ้า เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่”
กู้หนิงผิงขบคิดเรื่องเมื่อคืนเพราะคิดว่าตนเองจะทำให้อีกฝ่ายเจ็บตัวหรือเปล่า
เมื่อเห็นว่ากู้หนิงผิงยังเป็นห่วงเรื่องอุบัติเหตุเมื่อวาน ถานอวี้ซูจึงคลี่ยิ้ม “ท่านนี่น่าขันจริง ๆ ข้าบอกว่าไม่เป็นไร เหตุใดยังจำไม่ได้อีก ข้าไม่รู้สึกเจ็บอะไรแล้ว แต่พอท่านพูดแบบนั้น ข้าก็รู้สึกเจ็บจมูกขึ้นมาเสียแล้วสิ”
ถานอวี้ซูหัวเราะคิกคัก เสียงหัวเราะที่น่าฟังนั้นลอยเข้ามาในหูของกู้หนิงผิง เสียงนั้นไพเราะเหมือนเสียงร้องของนกขมิ้น ช่างไพเราะจริง ๆ
เมื่อกู้หนิงผิงได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกตะลึงเล็กน้อย อาอวี้เห็นท่าทางมึนงงของกู้หนิงผิงก็ดึงแขนเสื้อของถานอวี้ซูแล้วชี้ไปที่ท่าทางของกู้หนิงผิงและยิ้มเล็กน้อย
ถานอวี้ซูโบกผ้าเช็ดหน้าและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณชายกู้ ท่านกำลังคิดอะไรอยู่”
กู้หนิงผิงเห็นตัวเองเสียการควบคุม ใบหน้าจึงขึ้นสีแดงระเรื่อ “อ่า… ไม่…ไม่มีอะไร”
เขาอยากจะตัดลิ้นตัวเองทิ้งเสียจริง ๆ
“เจ้า… เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าแซ่กู้” กู้หนิงผิงมองไปที่ถานอวี้ซูและถามด้วยความสงสัย
“ข้าไม่เพียงรู้ว่าท่านแซ่กู้ แต่ข้ายังรู้ว่าท่านชื่อกู้หนิงผิง” ถานอวี้ซูพูดอย่างเคร่งขรึม
“เจ้า…เจ้ารู้ได้อย่างไร” กู้หนิงผิงได้ยินถานอวี้ซูเรียกชื่อของตัวเองก็รู้สึกตื่นเต้น
“อาอวี้ เจ้าเห็นหรือไม่ว่าเขากำลังตกใจข้า” ถานอวี้ซูเห็นท่าทางตื่นเต้นของกู้หนิงผิง นางแทบจะหัวเราะไม่ออก “ไม่ใช่ว่าเป็นตัวท่านเองหรอกหรือ ที่บอกคนร้ายคนนั้นว่าท่านมีแซ่กู้และชื่อกู้หนิงผิง”
“อ่า…” กู้หนิงผิงอ้าปากค้างอย่างรู้สึกเขินอาย คราวนี้ไม่ใช่แค่หน้าแดง แต่มันยังลามไปถึงใบหูอีกต่างหาก
ถานอวี้ซูเห็นท่าทางไร้เดียงสาของเขาก็ปิดปากหัวเราะแผ่วเบา “คุณชายกู้ ข้าแซ่ถาน”
กู้หนิงผิงได้ยินสาวน้อยบอกแซ่ของตัวเองก็รู้สึกดีใจขึ้นมาทันที “สวัสดี แม่นางถาน”
เจ้าทึ่มนี่…
ทันใดนั้น ถานอวี้ซูก็รู้สึกว่าคนตรงหน้านางตลกยิ่งนัก และเกิดความรู้สึกอยากแกล้งอีกฝ่ายขึ้นมา แต่ก็ได้ยินคนตะโกนว่า “หนิงผิง เจ้าอยู่ที่ไหน”
กู้หนิงผิงได้ยินก็รีบหันกลับไป “พี่ฉือโถว ข้าอยู่นี่”
จากนั้นเขาก็หันหน้าไปมองถานอวี้ซูและพูดด้วยรอยยิ้ม “แม่นางถาน ครอบครัวของข้ามาแล้ว มันไม่ปลอดภัยสำหรับผู้หญิงที่จะอยู่ที่นี่ รีบกลับไปเถอะ ข้าเกรงว่าแซ่จินคนนั้นจะมาสร้างปัญหาให้เจ้าอีก ไม่อย่างนั้นเจ้าก็กลับไปกับพวกเราเถอะ”
——————————————————————–