ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 110 หาหมออีกแล้ว
บทที่ 110 หาหมออีกแล้ว
บทที่ 110 หาหมออีกแล้ว
กู้หนิงอันและกู้หนิงผิงที่กู้เสี่ยวหวานบอกไม่ให้พูดได้มองไปที่กู้ฉวนลู่และคนอื่น ๆ ที่จากไปอย่างโกรธจัด ในใจก็รู้สึกหดหู่ “ท่านพี่ พวกเขารังแกพวกเราเกินไปแล้ว!”
กู้ฉวนลู่ กู้ฉวนโซ่ว ซุนซื่อ และกู้ซินเถาที่ได้รับบาดเจ็บต่างกลับมาที่บ้าน ขณะที่อีกสองคนที่เหลือไม่ได้มาเยี่ยมหลุมฝังศพ ซึ่งเรื่องนี้ทำให้กู้เสี่ยวหวานสงสัย เฉาซื่อถูกทุบตีเมื่อไม่กี่วันก่อน คาดว่าคงอับอายที่จะออกไปข้างนอก และเรื่องนี้นางก็เข้าใจได้ แต่ทำไมกู้ซุ่นสีลูกชายของเฉาซื่อและกู้จือเหวินลูกชายของซุนซื่อถึงไม่มากันเล่า?
“ทำไมถึงไม่เห็นกู้จือเหวินเลย? เขาเป็นลูกชายคนโตของตระกูลกู้ พูดตามหลักแล้ว เขาต้องมาเยี่ยมหลุมศพของปู่ย่าตายายสิ!”
“ท่านพี่ กู้จือเหวินเป็นคนหยิ่งยโส เขาคงกำลังศึกษาเล่าเรียนอยู่เลยไม่เห็นเรื่องนี้อยู่ในสายตา แล้วลุงใหญ่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเขาและปล่อยให้เขาเรียนหนังสือที่บ้าน เขาเลยไม่มา” กู้หนิงผิงอธิบาย
โอ้! กู้เสี่ยวหวานก็ตระหนักว่าเป็นเช่นนั้น ดูเหมือนว่านี่เป็นปัญหาทั่วไปของนักปราชญ์บางคนที่ปิดหูปิดตากับเรื่องภายนอก ทำเพียงตั้งหน้าตั้งตาศึกษาเล่าเรียนเท่านั้น แต่กู้เสี่ยวหวานกลับรู้สึกว่าเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจ คนอะไรจะอ่านหนังสือที่บ้านได้มากมายตลอดทั้งวัน!
กู้เสี่ยวหวานบอกไม่ได้ว่ากู้จือเหวินอ่านหนังสือได้กี่เล่ม แต่จากวิธีที่อ่านหนังสือแบบเอาเป็นเอาตาย กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกว่าเขาคงไม่อาจซึมซับความรู้ได้อย่างแน่นอน ถึงอย่างไรกู้เสี่ยวหวานในชีวิตที่แล้วก็ได้เรียนหนังสือมานานถึงยี่สิบกว่าปี ตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงปริญญาเอก หากอ่านหนังสืออย่างเอาเป็นเอาตายขนาดนั้นได้ก็คงจะเป็นบ้าไปแล้ว
กู้เสี่ยวหวานไม่เคยเห็นกู้จือเหวินผู้นี้ แต่เพียงฟังกู้หนิงผิงพูดถึงบุคคลนี้เท่านั้น และกู้เสี่ยวหวานก็ไม่ได้มองเขาในแง่ดีมากนัก
เด็กทั้งสี่คนได้แสดงความเคารพต่อพ่อแม่ของพวกเขาอีกครั้ง หลังจากที่กู้ฉวนลู่และกู้ฉวนโซ่วได้แสดงความเคารพต่อปู่ย่าของพวกเขา กู้เสี่ยวหวานก็พาน้องชายและน้องสาวทั้งสามคนมาไว้อาลัยให้กับปู่ย่าของพวกเขาต่อ
หลุมศพของปู่ย่าเต็มไปด้วยวัชพืช มีเงินกระดาษสองสามแผ่นกระจัดกระจายอยู่บนหลุมศพ อาจเป็นเพราะฝนตก ดินบนหลุมศพจึงถูกชะล้างออกไปมาก นอกจากหมั่นโถวนึ่งแข็งโป๊กสองสามก้อนตรงด้านหน้าหลุมฝังศพก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นอีก หลุมศพดูรกร้างเป็นอย่างมาก
กู้เสี่ยวหวานไม่ได้มีความรู้สึกลึกซึ้งต่อปู่ย่าของตน และพวกเขาก็เป็นคนที่ล่วงลับไปแล้ว จึงไม่มีความรู้สึกใด ๆ เลย นางบอกให้น้อง ๆ ช่วยกันถอนวัชพืช หลังจากวางหมั่นโถวจำนวนหนึ่ง ข้าวสวยชามหนึ่ง และเผาเงินกระดาษจำนวนหนึ่ง ทุกคนก็คุกเข่าลงและทำความเคารพต่อหน้าหลุมศพสามครั้งก่อนจะกลับบ้าน
กู้ซินเถาถูกซุนซื่อพากลับมาที่บ้าน ในขณะนี้นางพอใจกับเสื้อผ้าสองชุดที่ซุนซื่อสัญญาไว้ จนไม่ได้เป็นกังวลกับใบหน้าที่เป็นแผลขีดข่วนแต่อย่างใด แต่ซุนซื่อกลับกังวลเล็กน้อย ใบหน้าของซินเถาถูกกิ่งไม้ข่วนไว้หลายรอยและไม่รู้ว่าจะทิ้งรอยแผลเป็นไว้หรือไม่ ถ้าทิ้งรอยแผลเป็นไว้ อนาคตจะแต่งงานได้อย่างไร?
ซุนซื่อพากู้ซินเถากลับไปที่บ้านเก่าและรีบเชิญท่านหมอหม่าจากหมู่บ้านมา ซึ่งท่านหมอหม่าในขณะนี้กำลังดื่มสุรากับญาติ ๆ และมีความสุขมากที่ได้กิน เมื่อเขาได้ยินคนจากบ้านเก่าของครอบครัวกู้เรียกเขาไปรักษาอีกครั้ง เขาก็ตกใจมากจนตกจากม้านั่ง
“เจ้าพูดอะไร? มีคนจากบ้านเก่าของตระกูลกู้มาขอให้รักษาอีกแล้วหรือ? ” ท่านหมอหม่าตกใจแทบตาย ตอนนี้เขารู้สึกเวียนหัวเล็กน้อยจากการดื่ม และถูกปลุกให้ตื่นในทันที
นี่…นี่… ท่านหมอหม่าคิดไม่ออกว่าเป็นใครที่มาจากบ้านเก่าของตระกูลกู้ แต่คิดว่าคงเป็นเฉาซื่ออีกแล้ว คราวที่แล้วที่ไปบ้านเก่าของตระกูลกู้เพื่อรักษากู้ฉวนโซ่วก็เหมือนเป็นการเหยียบระเบิดเวลาชัด ๆ หากมีคนพบว่ากู้ฉวนโซ่วเป็นคนขี้ขลาด เฉาซื่อและกู้ฉวนโซ่วจะพูดความลับที่ที่รั่วไหลด้วยตัวเองอย่างแน่นอน
แม้ท่านหมอหม่าคนนี้จะคันปาก เขาก็ไม่สามารถบอกได้
ท่านหมอหม่าเดินออกมาอย่างกังวลและพบว่าคนที่เรียกหาเขาคือซุนซื่อ ในที่สุดเขาก็รู้สึกใจชื้น เนื่องจากกู้ฉวนลู่เป็นนักบัญชีในเมือง ซุนซื่อยังคงมีสถานะบางอย่างในหมู่บ้าน เขาจึงเอ่ยถามอย่างสุภาพ “ครอบครัวกู้ เกิดอะไรขึ้น? ”
ซุนซื่อรีบร้อนลากท่านหมอหม่ากลับบ้าน “ซินเถาของครอบครัวข้าได้รับอุบัติเหตุกลิ้งตกลงมาจากภูเขา ท่านไปดูอาการของนางกับข้าหน่อย”
เมื่อท่านหมอหม่าได้ยินว่ากู้ซินเถากลิ้งตกภูเขา ใจเขาก็เต้นแรง เขาคิดว่ากระดูกอาจจะหัก จึงรีบตามซุนซื่อไปอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อมาที่บ้านเก่าของครอบครัวกู้ เขาจึงพบว่ากู้ซินเถานอกจากมีรอยเลือดบนใบหน้า ทั้งตัวก็ไม่เป็นอะไรมาก
ซุนซื่อมองดูกู้ซินเถาอย่างกังวล และกระซิบกับท่านหมอหม่าว่า “ซินเถาของข้าไม่ระวังเลยกลิ้งลงมาจากภูเขาและถูกกิ่งไม้ขีดข่วนหน้า ท่านหมอช่วยดูหน่อยเจ้าค่ะว่ามันจะไม่ทิ้งรอยแผลเป็นใช่หรือไม่?”
หลังจากฟังคำพูดของซุนซื่อ ท่านหมอหม่าก็ตระหนักว่าซุนซื่อแค่กลัวว่าจะเกิดรอยแผลเป็นบนใบหน้าของลูกสาว จึงนึกบ่นในใจเล็กน้อย หญิงสาวในหมู่บ้าน ถ้าไม่ได้ขึ้นไปบนภูเขาเพื่อตัดฟืนก็ลงไปซักผ้าที่แม่น้ำ เป็นเรื่องธรรมดาที่จะถูกกิ่งไม้ข่วน และไม่เคยเห็นครอบครัวไหนเรียกหมอมารักษาเพราะเรื่องนี้มาก่อน
แต่ซุนซื่อนี่แปลกนัก กู้ซินเถาถูกกิ่งไม้ข่วนเป็นแผลถลอกเล็กน้อย นางกลับประหม่ามากถึงเพียงนี้
ดูเหมือนว่าหญิงสาวที่อาศัยอยู่ในเมืองจะแตกต่างจากหญิงสาวที่เกิดและเติบโตในหมู่บ้านกระมัง แม้แต่ร่างกายก็มีค่ามาก
ท่านหมอหม่าได้แต่คิดในใจแต่ไม่กล้าพูด การมีคนไข้มาหาหมอเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเขาแล้ว การมีผู้ป่วยหมายถึงกิจการของหมอนั้นดี
นอกจากนี้ เมื่อเห็นว่าครอบครัวของกู้ฉวนลู่อาศัยอยู่ในเมืองมาหลายปีแล้ว เสื้อผ้าบนร่างกายและสิ่งที่สวมใส่บนศีรษะของเขาดีกว่าคนในหมู่บ้านหลายเท่า และเขาคงจะรวยมาก
พวกเขาห่วงใยกันจริง ๆ ทำให้ท่านหมอหม่าก็หาเงินได้อย่างมีความสุข
ท่านหมอหม่าตรวจบาดแผลของกู้ซินเถาแล้ว มันไม่ร้ายแรงมาก แต่ผิวที่ถูกกิ่งไม้ขีดข่วนมีเลือดไหลออกมาเล็กน้อย
หลังจากสั่งยาทาให้แล้ว ท่านหมอหม่าก็สั่งว่า “ให้ทายาวันละสองครั้ง จำไว้ว่าอย่าโดนน้ำจนกว่าแผลจะตกสะเก็ดจะดีที่สุด”
“ท่านหมอหม่า ลูกสาวของข้าจะมีรอยแผลเป็นหรือไม่เจ้าคะ” ซุนซื่อรับยามา แต่ก็ยังกังวลมาก ราวกับว่าต้องได้ยินจากปากของท่านหมอหม่าเพื่อที่จะได้รู้สึกดีขึ้น
“ทุกคน ไม่ต้องกังวล แค่แผลถลอกเท่านั้น ไม่เป็นอะไรหรอก ทายาสองสามครั้งแล้วมันจะดีขึ้นเอง ซินเถายังเด็ก ในอนาคตจะมองไม่เห็นมันอย่างแน่นอน” ท่านหมอหม่ารู้สึกมึนงงเล็กน้อย เพราะบาดแผลนี้เล็กจนไร้สาระมาก
“แล้วบนหน้าผากล่ะ? ” ซุนซื่อยังไม่แน่ใจ แผลที่หน้าผากดูใหญ่เกินไป หากลูกสาวเสียโฉมเล่า? ความหวังในชีวิตนี้ก็จะเปล่าประโยชน์
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ท่านหมอคงกลัวครอบครัวนี้ไม่หาย น่าสงสารเขานะคะ
ถ้าบอกว่าลูกสาวจะมีรอยแผลเป็นนี่คือจะช็อกตายใช่ไหมซุนซื่อ แค่รอยถลอกก็ตื่นตระหนกขนาดนี้แล้ว
ไหหม่า(海馬)