ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1147 เกาเหลียนจือ
บทที่ 1147 เกาเหลียนจือ
บทที่ 1147 เกาเหลียนจือ
ภูเขาในหมู่บ้านต่างเต็มไปด้วยสีสันสดใส
เมื่อนึกถึงตอนที่นางขึ้นไปบนภูเขาเพื่อหาอาหารให้ครอบครัวเมื่อไม่กี่ปีก่อน จู่ ๆ กู้เสี่ยวหวานก็มีความคิดที่จะขึ้นไปบนภูเขาอีกครั้ง
เมื่อกู้เสี่ยวหวานพูดแบบนี้ ทุกคนต่างก็เห็นด้วย
แม้แต่กู้หนิงผิงผู้ซึ่งช่วงนี้รู้สึกหดหู่ เขาก็ต้องการขึ้นภูเขาเหมือนกัน
“ท่านพี่ ข้ายังจำได้ว่าตอนนั้นเราอยู่ที่ภูเขาลูกนั้น หลังจากที่เราพบโสม ครอบครัวของเราก็มีเงินขึ้นมา”
กู้หนิงผิงกล่าวอย่างตื่นเต้น
เป็นเพราะท่านพี่ขึ้นไปบนภูเขาเพื่อหาอาหารโดยไม่คำนึงถึงชีวิตของนาง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องอดตาย
เมื่อทุกคนเตรียมพร้อมแล้วก็มุ่งหน้าไปขึ้นเขาทันที
มีเพียงฉินเย่จือ กู้เสี่ยวหวาน อาโม่ กู้หนิงอัน กู้หนิงผิง ฉือโถวเท่านั้นที่ขึ้นไปได้ ส่วนคนอื่น ๆ อยู่บ้านเพราะไม่สะดวกที่จะขึ้นไป
กู้เสี่ยวอี้เอาแต่ส่งเสียงดังและอยากจะตามกู้เสี่ยวหวานไปด้วย แต่เมื่อคิดดูอย่างถี่ถ้วนแล้วก็พบว่าตอนที่นางขึ้นเขาไปเพียงลำพัง อายุของนางยังไม่มาก สุดท้ายนางก็ตัดสินใจพากู้เสี่ยวอี้ไปด้วยท่ามกลางคำเตือนของทุกคน
กู้เสี่ยวหวาน และคนอื่น ๆ ต่างขึ้นเขาไปพร้อมกัน
เนื่องจากมีผู้คนจำนวนมาก ชาวบ้านบางคนที่ตื่นแต่เช้าก็รู้สึกงุนงงเมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานและคนอื่นขึ้นภูเขาไป
ตอนนี้กู้เสี่ยวหวานเป็นเสี้ยนจู่ นางขึ้นไปบนภูเขาพร้อมตะกร้าที่ด้านหลังอย่างนั้นหรือ
กู้เสี่ยวหวานเพิกเฉยต่อสายตาของทุกคน และตรงขึ้นเขาอย่างมุ่นมั่น
ทางขึ้นเขายังคงมีสภาพเหมือนเดิม รอบล้อมด้วยไม้พุ่มไม้สูงบ้างต่ำบ้าง ต้นไม้ผลัดใบบ้าง ป่าดิบบ้าง มีกิ่งไม้ร่วงหล่นลงมาบนพื้นดินบ้าง แต่ครั้งนี้ที่มาที่นี่ก็เป็นเพราะว่าที่บ้านไม่มีฟืนแล้ว
ฉือโถวมีหน้าที่จัดหาฟืนแถว ๆ นี้
กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ มุ่งหน้าลึกเข้าไปอีก
ฤดูใบไม้ร่วงเป็นฤดูที่สดชื่น และสภาพอากาศค่อนข้างดี
ระหว่างทางยังได้พบกับสัตว์ตัวเล็ก ๆ มากมาย เช่น ไก่ป่า กระต่ายป่า และอื่น ๆ
ศิลปะการต่อสู้ของอาโม่และฉินเย่จือดีมาก ก้อนหินในมือของพวกเขาถูกขว้างออกไป และกระแทกเข้ากับไก่ฟ้า
จากนั้นก็จับตัวมันโยนใส่ตะกร้าด้านหลัง
ก่อนถึงลำธาร กู้เสี่ยวหวานพบไก่ฟ้าและกระต่ายตัวหนึ่ง กู้เสี่ยวหวานตัดสินใจที่จะนำมันกลับไปปรุงน้ำแกงไก่ฟ้าและกระต่ายตุ๋น
ทุกคนเดินข้ามลำธารและเดินเข้าไปข้างใน มันเป็นภูเขาลึกที่ทุกคนไม่กล้าเข้าไป
ต่อมาชาวบ้านหลายคนก็เข้ามาที่แห่งนี้ไม่น้อย ไม่เพียงแต่พวกเขาไม่พบสัตว์ดุร้ายเท่านั้น พวกเขายังพบสิ่งต่าง ๆ มากมาย ดังนั้นพวกเขาจึงกระจายข่าวออกไป และชาวบ้านทุกคนในหมู่บ้านก็เข้ามาด้วย
ในอดีตกู้เสี่ยวหวานสามารถพึ่งพาสัญญาณที่นางทำไว้เท่านั้น แต่ตอนนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว ชาวบ้านได้ทำเส้นทางไว้
เนื่องจากชาวบ้านได้เดินออกจากถนนบนภูเขาลูกนี้ พื้นที่โดยรอบจึงไม่เปลี่ยวรกร้างเหมือนเมื่อก่อน
หลังจากเดินผ่านพื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่ที่คุ้นเคย ทุกคนเดินผ่านป่าทึบมาถึงธารน้ำตก
ที่นี่เป็นที่ที่กู้เสี่ยวหวานได้ช่วยชีวิตฉินเย่จือไว้
ทั้งสองเดินเคียงข้างกันก่อนจะหันมามองหน้ากันด้วยความไม่ตั้งใจ พวกเขาเห็นความสุขในแววตาของกันและกัน
เมื่อใกล้ถึงเวลาอาหารกลางวัน ทุกคนก็จับปลามาได้ถึงสองตะกร้า ร่างกายทุกคนต่างเปียกโชกไปด้วยน้ำ
เมื่อกลับถึงบ้าน ป้าจางก็เตรียมอาหารไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นว่าพวกเขานำสัตว์ป่ากลับมามากมาย หลังจากกินข้าวเสร็จนางจึงรีบนำไปล้างทำความสะอาด เพื่อเตรียมไว้สำหรับอาหารเย็น
เพราะว่ามีเรื่องให้ต้องทำ กู้หนิงผิงจึงไม่ได้เศร้าซึมเหมือนเมื่อก่อน
ในตอนเช้าตรู่ของทุกวัน เขาจะออกไปพร้อมกับฉือโถวเพื่อไปตักน้ำ หรือเดินตามฉือโถวขึ้นไปบนภูเขาเพื่อเก็บฟืน หรือไปฝึกฝนศิลปการต่อสู้
รอยยิ้มค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นว่าชีวิตของเขาดูเหมือนจะเริ่มกลับไปเหมือนเมื่อก่อน นางก็รู้สึกเบาใจ
หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงซึ่งอยากได้บ้านหลังเก่าของตระกูลกู้ นอนซึมอยู่บนเตียงเป็นเวลาสองวันและในที่สุดก็หายจากอาการป่วย
อย่างไรก็ตาม เพราะเขานอนอยู่บนเตียงนี้ก็มีโอกาสได้คิดบางอย่าง
เขาพูดบางอย่างกับภรรยาตนเอง เมื่อภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านได้ยินดังนั้น รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง นางพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเร่งรีบ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
นางนั่งเกวียนวัวออกจากหมู่บ้านอู๋ซีทันที
และกลับมาก่อนรุ่งสางในวันรุ่งขึ้นพร้อมเกาเหลียนจือลูกสาวคนเล็กของพี่ชายกลับมาด้วย
ชื่อสกุลของภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงคือเกา หลังจากที่นางเป็นภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านก็ไม่มีใครเรียกชื่อนางอีกต่อไป
เกาเหลียนจือนั้นผอม อ่อนแอและบอบบาง แต่ด้วยใบหน้าที่สวยใสและเสื้อผ้าที่นางสวมใส่ไม่เหมือนลูกสาวของครอบครัวชาวนา
พี่ชายคนโตของตระกูลเกาให้กำเนิดลูกชายสามคนและในที่สุดก็มีลูกสาว เมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาที่สง่างามของลูกสาวคนนี้ พี่ชายคนโตของตระกูลเกาก็มีความคิดในใจเช่นกัน
ครอบครัวไม่มีเงินมากนักและในบางครั้งพวกเขาต้องพึ่งพาเกาซื่อเพื่อแอบขโมยของออกจากบ้านของนาง โดยที่พวกเขาไม่กล้าบอกให้หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงรู้
พี่ชายคนโตของเกาซื่อมีความคิดในใจของเขา
เมื่อเห็นว่าลูกสาวตัวน้อยน่าเอ็นดูตั้งแต่แรกเกิด และเมื่อมองไปที่ลูกชายทั้งสามของเขา เขาก็มีแผนอื่นอยู่ในใจ
ตราบใดที่ลูกสาวของเขาเติบโตอย่างดีและแต่งงานกับคนดี ๆ ในอนาคต ลูกชายทั้งสามคนก็น่าจะได้พึ่งพาลูกสาวคนเล็กในการแต่งงาน
ดังนั้นครอบครัวเกาจึงปฏิบัติต่อเกาเหลียนจืออย่างดี
เกาเหลียนจือได้กินดี อยู่ดี สวมใส่เสื้อผ้าดี ๆ
จากมุมมองของคนอื่น ๆ ดูเหมือนว่าครอบครัวเกานี้เป็นคนที่รักลูกสาวเท่าชีวิตของเขา
ทุกคนในหมู่บ้านมองครอบครัวเกาด้วยความชื่นชม เด็กหญิงบางคนที่อายุใกล้เคียงกับเกาเหลียนจือก็อิจฉาที่นางได้สวมใส่เสื้อผ้าดี ๆ
แต่ไม่มีใครรู้ว่าครอบครัวเกาเลี้ยงเกาเหลียนจือไว้ทำเงิน
ไม่มีใครรู้ แต่เกาซื่อรู้