ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1164+1165 ช่วยชีวิตคนสร้างปัญหา(2)/ช่วยชีวิตคนสร้างปัญหา(3)
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย
- บทที่ 1164+1165 ช่วยชีวิตคนสร้างปัญหา(2)/ช่วยชีวิตคนสร้างปัญหา(3)
บทที่ 1164+1165 ช่วยชีวิตคนสร้างปัญหา(2)/ช่วยชีวิตคนสร้างปัญหา(3)
บทที่ 1164 ช่วยชีวิตคนสร้างปัญหา (2)
เกาเหลียนจือไม่รู้ว่าสถานที่ที่เกาซื่อเลือกไปซักผ้านั้นน้ำค่อนข้างลึก ทันใดนั้น เสียงอุทานของเกาซื่อก็ดังขึ้น “ว้าย! เสื้อลอยออกไปแล้ว!”
เกาเหลียนจือจ้องมองเสื้อผ้าที่ล่องลอยไปในสายน้ำเชี่ยวที่เกิดกว่าจะหยิบได้
“เหลียนจือ รีบเก็บมันขึ้นมา!” เกาซื่อร้องสั่ง
เมื่อเกาเหลียนจือได้ยินดังนั้น นางจึงวิ่งไปทางลำธารด้วยความตื่นตระหนก เด็กสาวก้มตัวลงยื่นมือออกไปหมายจะเก็บเสื้อตัวนั้น แต่ด้วยความไม่ระวังทำให้ร่างกายของนางซวนเซและตกลงไปในลำธาร
น้ำในลำธารบริเวณนี้ค่อนข้างลึก และไม่ค่อยมีผู้ใดผ่านมา
แน่นอนว่าเมื่อเกาเหลียนจือตกลงไปในลำธาร ความลึกของน้ำทำให้เกาเหลียนจือไม่สามารถหยั่งถึง เด็กสาวตื่นตระหนกเมื่อเท้าของนางไม่แตะพื้น นางพยายามตะเกียกตะกายดิ้นรน “ท่านอา ท่านอา!”
เกาซื่อก็หวาดกลัวเช่นกัน ใบหน้าของนางซีดเผือดด้วยความตกใจ นางจ้องมองเกาเหลียนจือที่ตะเกียกตะกายอยู่ในน้ำด้วยสายตาว่างเปล่า
หลังจากผ่านไปนาน ดูเหมือนนางจะค้นพบบางสิ่ง และทันใดนั้นก็ตะโกนเสียงดัง “ช่วยด้วย มีคนตกน้ำ!”
เกาซื่อตะโกนเสียงดัง จากนั้นไม่นานเห็นคนคนหนึ่งวิ่งมาและกระโดดลงไปในลำธารโดยไม่คิด คนคนนั้นคว้าร่างกายเปียกโชกของเกาเหลียนจือขึ้นมา
เมื่อเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งกระโดดลงไปในลำธาร เกาซื่อก็ไม่อาจห้ามรอยยิ้มบนใบหน้าได้ นางมองคนสองคนในน้ำอย่างมีชัย หัวใจของนางเต็มไปด้วยความสุข
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นว่าทั้งสองกำลังตะเกียกตะกายขึ้นจากน้ำ เกาซื่อจึงรีบปรับเปลี่ยนสีหน้าของตนเองทันที นางรุดขึ้นหน้าเพื่อดึงมือของเกาเหลียนจือขึ้นมา “เด็กที่น่าสงสารของข้า! เกิดอะไรขึ้น เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม ฮือ ๆๆ”
ใบหน้าของเกาซื่อเต็มไปด้วยความทุกข์เมื่อมองดูร่างกายที่เปียกปอนของเกาเหลียนจือ และร้องไห้โฮเสียงดัง
ตอนนี้เกาเหลียนจือรู้สึกหวาดกลัวราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่าง นางถูกเกาซื่อกอดไว้ด้วยความมึนงง
ในที่สุด เกาเหลียนจือก็รู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของผู้เป็นอา “ท่านอา ฮือ ๆๆ!”
ชายที่กระโดดลงไปในน้ำผู้นั้นคือกู้หนิงอัน ครั้นเห็นว่าหญิงที่ตนเองช่วยชีวิตไว้คือเด็กสาวที่เขาเจอเมื่อสองครั้งก่อน หัวคิ้วก็ขมวดเข้าหากันแน่น จากนั้นก็หมุนกายจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ แต่เกาซื่อกลับเอ่ยรั้ง “กู้หนิงอัน ข้าขอบคุณเจ้ามา เจ้าช่วยเหลียนจือของข้าไว้ เหลียนจือ เจ้ามัวแต่ทำอันใดอยู่ ยังไม่รีบขอบคุณเขาอีก”
เกาเหลียนจือตกตะลึง เมื่อนางได้ยินเกาซื่อเรียกตนเอง และเมื่อรู้ว่าคนที่ช่วยชีวิตตนเองไว้คือกู้หนิงอันที่เคยเจอกัน นางจึงกุลีกุจอลุกขึ้นและเตรียมกล่าวขอบคุณอีกฝ่าย
แต่ทันทีที่ลุกขึ้นยืน เสื้อผ้าอันเปียกปอนก็แนบเนื้อไปหมดทั้งตัว
เกาเหลียนจือตกตะลึง และกู้หนิงอันก็เช่นกัน
เมื่อครู่กู้หนิงอันไม่ได้คิดอะไรมาก ตอนที่อยู่ในน้ำ เขาคว้าตัวเกาเหลียนจือและกอดนางเอาไว้ ตอนนี้เพิ่งจะเห็นว่าเกาเหลียนจือสวมเสื้อผ้าบางเบาเช่นนี้ บางเสียจนแทบจะมองเห็นเนื้อหนังมังสา
กู้หนิงอันไม่คาดคิดมาก่อน
ในขณะเดียวกัน เกาเหลียนจือก็ไม่ได้คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้
เมื่อเช้าก่อนออกจากบ้าน เกาเหลียนจือกล่าวว่าควรจะใส่เสื้อผ้าให้มากกว่านี้ แต่ก็เกาซื่อกลับกระชากมันออก โดยบอกว่าไม่จำเป็น จากนั้นก็ให้นางสวมเพียงชุดฤดูร้อนสีขาวตัวบาง ขณะนี้เมื่อเสื้อผ้าเปียกน้ำก็ทำให้มันแนบลงบนร่างกาย เผยให้เห็นสัดส่วนต่าง ๆ ออกมาอย่างคลุมเครือ ตราบใดถ้ามองอย่างใกล้ชิดก็จะมองเห็นได้อย่างชัดเจน
….
บทที่ 1165 ช่วยชีวิตคนสร้างปัญหา(3)
เช่นนี้มันต่างกับการไม่สวมใส่เสื้อผ้าตรงไหนกัน?
กู้หนิงอันขมวดคิ้ว
เกาเหลียนจือรู้สึกเขินอาย นางกอดร่างของตนแน่นและซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเกาซื่อ
เกาเหลียนจือตกลงไปในลำธารทำให้เสื้อผ้าเปียกปอนไปหมด เกาซื่อควรจะถอดเสื้อคลุมของนางและสวมมันให้กับเกาเหลียนจื่อ จากนั้นพาหลานสาวของตนกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เร็วที่สุด
แต่ใครจะรู้ว่าเกาซื่อผู้นี้ไม่ได้เอาแต่ยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน ทั้งยังดึงเกาเหลียนจือออกมาจากด้านหลังและผลักนางไปตรงหน้ากู้หนิงอัน
“เหลียนจือ เจ้าต้องขอบคุณเขาดี ๆ คราวที่แล้วเขาช่วยเจ้าไว้ถึงสองครั้ง และครั้งนี้ยังช่วยชีวิตเจ้าเอาไว้อีก ขอบคุณเขาเสีย ไม่เช่นนั้นเขาจะว่าถึงครอบครัวเราได้”
เกาซื่อผลักเกาเหลียนจือที่เนื้อตัวเปียกโชกไปทางกู้หนิงอัน
เกาเหลียนจือร่างกายโซเซยืนไม่อยู่ และตกเข้าไปในอ้อมกอดของกู้หนิงอัน
กู้หนิงอันไม่เคยเห็นท่าทางเช่นนี้มาก่อน และทันใดนั้นก็ตกตะลึงเมื่อเห็นว่าเกาเหลียนจือตกอยู่ในอ้อมแขนของตนเอง
กู้หนิงอันตัวแข็งทื่อ
เมื่อครู่ตอนที่อยู่ในน้ำ การแตะต้องตัวอีกฝ่ายถือว่าสถานการณ์คับขัน แต่ตอนนี้เห็นทีว่าจะไม่เหมาะ
“ทำอะไรน่ะ” ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนดังขึ้น ซึ่งทำให้กู้หนิงอันสั่นสะท้านไปทั้งตัว
ร่างกายที่โอนอ่อนปลิวไหวไปตามแรงลมรีบยืดตัวตรงทันที
“ท่านพ่อ…ท่านแม่” เกาเหลียนจือถูกเกาซื่อกระชากออกมา เมื่อมองย้อนกลับไปเห็นใบหน้าที่โกรธเคือง คนผู้นั้นคือท่านพ่อและท่านแม่
พวกเขามาที่นี่ตั้งแต่เมื่อใด
บิดาและมารดาผู้ให้กำเนิดของเกาเหลียนจือ
ชายผู้นี้คือ เกาต้าผิง พี่ใหญ่ของตระกูลเกา และหญิงข้างกายผู้นั้นคือ สวีซื่อ สะใภ้ใหญ่ของตระกูลเกา
เกาเหลียนจือรู้สึกดีใจที่เห็นพ่อแม่ของนางมา จึงรีบวิ่งไปหาพวกเขาทันที
“ท่านพ่อ ท่านแม่ เหตุใดพวกท่านมาอยู่ที่นี่” เกาเหลียนจือดูตื่นเต้น
นางไม่ได้เจอพ่อกับแม่มาหลายวัน และคิดถึงพ่อและแม่ของนางจริง ๆ
เสื้อผ้าบนร่างกายของเกาเหลียนจือเปียกโชก สายลมพัดผ่านสร้างความหนาวเย็นให้เด็กสาวไม่น้อย แต่ไม่ว่ามันจะหนาวแค่ไหน เมื่อเห็นหน้าพ่อกับแม่ ตอนนี้นางก็ไม่รู้สึกหนาวอีกต่อไป
เกาเหลียนจือรีบวิ่งไปหาสวีซื่ออย่างตื่นเต้น แต่สวีซื่อไม่ได้มองเกาเหลียนจือด้วยซ้ำ นางเอาแต่มองตรงไปที่กู้หนิงอัน
เกาเหลียนจือรีบหันศีรษะกลับไป นางเห็นพ่อและแม่กำลังเดินไปหากู้หนิงอัน และคว้าตัวอีกฝ่ายไว้ไม่ปล่อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกาต้าผิง เขาดึงกู้หนิงอันและตะโกนด้วยความโกรธ “ไอ้สารเลว เจ้ากล้าเอาเปรียบลูกสาวข้า ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม!”
สวีซื่อยังสาปแช่งที่ด้านข้าง “ลูกสาวของข้าเป็นเด็กสาวไร้เดียงสาจากครอบครัวที่ดี ตอนนี้นางถูกเจ้ากอด เจ้าคิดว่าจะรับผิดชอบเช่นไร”
กู้หนิงอันมองใบหน้าของชายหญิงวัยกลางคนที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้น
เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“พะ…พวกท่านเป็นใคร” กู้หนิงอันแสร้งทำเป็นนิ่งสงบ มองคนสองคนที่อยู่ตรงหน้า เขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อระงับความหวาดกลัวในจิตใจ