ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1188 คนอื่นจูบกัน
บทที่ 1188 คนอื่นจูบกัน
บทที่ 1188 คนอื่นจูบกัน
กู้เสี่ยวหวานยังคงนิ่งเงียบไม่ส่งเสียงใด นางเก็บงำคำพูดของเกาเหลียนจือไว้ในใจอย่างเงียบ ๆ และยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เกาเหลียนจือเช็ดน้ำตา “รีบเช็ดเร็วเข้า เดี๋ยวถ้าพ่อแม่เห็นเจ้าร้องไห้ พวกเขาคงจะเสียใจน่าดู”
เกาเหลียนส่งเสียงตอบรับแค่คำเดียว
กู้เสี่ยวหวานไม่พูดและไม่เอ่ยอะไร นางนั่งอยู่ข้าง ๆ แล้วมองเกาเหลียนจืออย่างเงียบ ๆ
เกาเหลียนจือรู้สึกน้อยใจ เมื่อกู้เสี่ยวหวานนั่งนิ่งเงียบโดยไม่ปริปากเอ่ยคำใด ในใจรู้สึกตื่นเต้น “พี่เสี่ยวหวาน ท่านได้จดหมายฉบับนี้มาจากไหน”
หรือว่าพี่ถังหาหมู่บ้านอู๋ซีเจอแล้ว
หลายวันมานี้ เกาเหลียนจือก็ไม่ได้ไปหาเขา เพราะมีเรื่องรีบร้อน ตอนมาก็ไม่บอกล่าวเขาสักคำ เกรงว่าตอนนี้เขาคงจะร้อนใจจนแทบจะบ้าแล้ว
ไม่รู้ว่าสอบถามผู้คนมามากแค่ไหน ถึงได้รู้ว่าตนเองอยู่ที่นี่
“ได้ยินว่าเจ้าไม่ได้อยู่ที่บ้าน คนผู้นั้นไปรอเจ้าที่บ้านทุกวัน แต่แล้วก็ไม่พบเจ้า ต่อมาเมื่อพ่อแม่ของเจ้าจากมา คนผู้นั้นเลยได้ยินว่าเจ้ามาบ้านของอา จึงตามมาเช่นนี้” กู้เสี่ยวหวานตั้งใจจะไม่พูดความจริง
ครั้นได้ยินมาว่าถังซ่านจู่มาถึงที่นี่ เกาเหลียนจือก็กำผ้าห่มแน่น “เช่นนั้นเขาก็รู้เรื่องของข้ากับกู้หนิงอันแล้วสิ”
กู้เสี่ยวหวานส่ายหน้าแล้วพูด “เรื่องนี้เองข้าก็ไม่มั่นใจ ยามที่ท่าทางเศร้าสร้อยของเขา หากเขารับรู้เรื่องนี้ เกรงว่าคงจะเสียใจมากกว่าเดิม”
พูดตามตรง ในใจกู้เสี่ยวหวานรู้สึกทนไม่ได้
เมื่อเห็นท่าทางของเกาเหลียนจือที่เสียใจแบบนั้นแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็ไม่อยากโกหกแม่นางน้อยคนนี้จริง ๆ แต่ถ้านางไม่ทำเช่นนี้ คนตระกูลเกาต้องบังคับให้กู้หนิงอันแต่งงานกับผู้หญิงที่เขาไม่ชอบเป็นแน่แท้
นางคือพี่สาวของกู้หนิงอัน ไม่สามารถทนดูน้องชายของตัวเองทนทุกข์ทรมานได้
เกาเหลียนจือเบะปากแล้วร้องไห้ออกมาอีกครั้ง
“ข้าเอง ข้ารู้สึกผิดต่อเขา” เกาเหลียนจือใช้เวลานาน กว่าจะเอ่ยคำพูดนี้ออกมา
“โอ๊ะ! ทำไมคนผู้นั้นถึงมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับเจ้าล่ะ”
“ข้า… ข้า… ข้า…” เกาเหลียนจือส่ายหัวและฝืนใจพูดต่อ “เขาเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกับข้า เขาดูแลข้าอย่างดี แต่ตอนข้ามาที่นี่ ข้าไม่ได้บอกกล่าวเขาสักคำ เช่นนี้คงทำให้เขารู้สึกกังวลไม่น้อย ข้ารู้สึกผิดต่อเขาจริง ๆ”
ดูเหมือนว่าเกาเหลียนจือตั้งใจจะทำตามคำพูดของสวีซื่อจริง ๆ
กู้เสี่ยวหวานเห็นว่านางไม่สนใจความสัมพันธ์ของตนกับคนผู้นั้น เลยไม่ได้เปิดเผยเรื่องนี้กับนาง
เรื่องนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไป จะรีบร้อนไม่ได้ ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม
“ตอนนี้คนผู้นั้นยังอยู่ในหมู่บ้าน ได้ยินมาว่าเขาต้องหลบซ่อนตัวจากผู้คน เกรงว่าแค่อยากดูว่าเจ้าสบายดีหรือไม่ เขาช่างให้ความสำคัญกับความรู้สึกที่มีต่อเจ้าจริง ๆ” กู้เสี่ยวหวานพูดจบประโยคก็หมุนกายเดินจากไปทันที
เกาเหลียนจือตกใจจนพูดไม่ออก
ถังซ่านจู่มาถึงหมู่บ้านอู๋ซีแล้วจริง ๆ
ถังซ่านจู่ถูกฉินเย่จือทุบตีจนหมดสติและถูกพาตัวมาที่นี่
ถังซ่านจู่คนนี้หยิ่งในศักดิ์ศรีจริง ๆ แรกเริ่มไม่ว่าจะเป็นหรือตายก็ไม่ยอมมาที่นี่ ยังพยายามที่จะโต้แย้งเต็มที่ว่าตนเองไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ เกี่ยวข้องกับเกาเหลียนจือ
ครั้นคิดดูแล้ว ถังซ่านจู่คนนี้ก็เป็นสุภาพบุรุษ เพื่อปกป้องเกาเหลียนจือแล้ว เขาก็สละความรู้สึกของตนเอง นับว่าเป็นลูกผู้ชายตัวจริง
กู้เสี่ยวหวานอดไม่ได้ที่จะชื่นชมถังซ่านจู่
ตอนที่ถังซ่านจู่ตื่นมาก็เป็นเช้าวันถัดไป เขาตื่นขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย สีหน้าของถังซ่านจู่มักจะเย็นชาอยู่เสมอ และทำราวกับว่าไม่ได้ยินในสิ่งที่กู้เสี่ยวหวานพูด
“เกาเหลียนจือกับเจ้าเป็นคู่รักกันตั้งแต่เด็ก” กู้เสี่ยวหวานนึกถึงคำพูดของฉินเย่จือในตอนแรกที่เขากลับมา และต้องการถามคำถามจากชายคนนี้
ไม่คิดว่าถังซ่านจู่จะไม่ยอมพูดอะไรเลย เขาเอาแต่ส่ายหัวและคัดค้านอย่างเดียวเท่านั้น
ตอนที่เห็นฉินเย่จือ ในแววตาของถังซ่านจู่ยังมีความโกรธอยู่
คิดว่าเขาน่าจะตำหนิฉินเย่จือที่พาเขามาที่นี่
กู้เสี่ยวหวานเห็นว่าเขาไม่พูดอะไรเลย ในใจจึงคิดว่าคนผู้นี้ไม่อยากพูดให้มากความ และกลัวทำให้เกาเหลียนจือลำบากใจ จึงอดไม่ได้ที่จะชื่นชมในตัวเขา
“คุณชายถัง เจ้าเงียบขรึมและพูดจาน้อยยิ่งนัก หรือเจ้าไม่รู้เลยว่าเหลียนจือล้มป่วยเพราะเจ้า ลมหนาวในช่วงนี้ทำให้ไม่ดีขึ้นเลยจริง ๆ”
“เจ้าพูดอะไร เจ้าบอกว่าสุขภาพของน้องเหลียนเอ๋อร์ไม่เคยดีเลยหรือ” พอถังซ่านจู่ได้ยินก็ไม่มีท่าทีเย็นชาเหมือนอย่างเคยอีกต่อไป ทุกคนเกือบจะลุกขึ้นมาหมด
หลังจากได้ยินคำพูดของกู้เสี่ยวหวาน ถังซ่านจู่ก็แทบจะเป็นบ้าและต้องการจะพบเกาเหลียนจือทันที
เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นท่าทางหุนหันพลันแล่นแบบนั้นแล้ว ก็คิดว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนี้คงจะไม่ธรรมดา คืนนี้ค่อยให้พวกเขาทั้งสองคนได้พบกันก็แล้วกัน
ภายในบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงมีอาจั่วคอยสอดแนมอยู่ กู้เสี่ยวหวานพาถังซ่านจู่เข้าไป จะได้ไม่ต้องเปลืองแรงมาก
พอเข้าไปห้องของเกาเหลียนจือก็เห็นว่านางเข้านอนแล้ว แต่เพราะในใจยังพะวงเรื่องบางอย่าง จึงทำให้นอนไม่หลับ นางพลิกตัวไปพลิกตัวมาหลายครั้งก็ไม่สามารถหลับตาลงได้
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังกรอบแกรบดังขึ้นจากด้านนอก เกาเหลียนจือรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยจึงตะโกนเรียก “อาจั่ว”
ท่ามกลางความมืดมิด เด็กสาวคิดว่าเสียงฝีเท้าที่ได้ยินข้างนอกคงไม่ใช่อาจั่ว แต่เป็นถังซ่านจู่คนที่หลอกหลอนนางจนทำให้นางนอนไม่หลับ
ภายในห้องไม่มีแสงสว่าง แสงเดียวที่มีคือแสงไฟจากเทียนที่ถังซ่านจู่เดินถือเข้ามาในห้อง
ในตอนแรก เกาเหลียนจือยังสงสัยเล็กน้อย นางครุ่นคิดทั้งวันทั้งคืน คิดมากเกินไปจนรู้สึกดูถูกตัวเองที่ใช้เวลาจนเสียเปล่า ดูเหมือนไม่ได้เจอถังซ่านจู่มานานมากแล้ว
ยิ่งคิดก็ยิ่งหนักใจ ความผูกพันที่มีต่อถังซ่านจู่นับวันก็ยิ่งมากขึ้น
น้ำตาไหลอาบใบหน้า “พี่ถัง ข้ากำลังฝันอยู่ใช่หรือไม่ คิดไม่ถึงว่าพี่จะมาอยู่ในฝันข้าได้ เฮอะ ๆ”
ถังซ่านจู่ก้าวไปข้างหน้าแล้วโอบกอดเกาเหลียนจือไว้ในอ้อมแขน และพูดอย่างอ่อนโยน “เด็กโง่ของข้า ข้าคือพี่ถังของเจ้า เจ้าไม่ได้ฝันอยู่ เจ้าลองจับหน้าข้าดูสิ”
มือของเกาเหลียนจือถูกถังซ่านจู่กอบกุมไว้ สัมผัสได้ถึงความจริงใจ เกาเหลียนจือถึงได้รู้ว่าตนเองไม่ได้ฝันไปจริง ๆ
แต่ในเวลานี้ พี่ถังอยู่ที่หมู่บ้านไม่ใช่หรือ ทำไมมาอยู่ที่หมู่บ้านอู๋ซีได้ล่ะ
ก่อนที่นางจะได้เอ่ยถาม ถังซ่านจู่ก็ประคองใบหน้านางขึ้น และประทับจูบลงบนริมฝีปากของเกาเหลียนจือด้วยความหวั่นไหว
เกาเหลียนจือกอดเอวถังซ่านจู่ แล้วตอบสนองกลับอย่างเร่าร้อน
กู้เสี่ยวหวานยืนอยู่ข้างนอก เห็นเกาเหลียนจือและถังซ่านจู่มีท่าทางที่ช่ำชองแบบนี้แล้ว เกรงว่านี่คงไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาจูบกัน