ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1191 ข้าจะช่วยพวกเจ้า
บทที่ 1191 ข้าจะช่วยพวกเจ้า
บทที่ 1191 ข้าจะช่วยพวกเจ้า
ขณะเดียวกันก็มีเสียงร้องไห้ที่ทนไม่ได้ของชายคนนั้นดังมาจากภายในตู้เสื้อผ้า
อาจั่วไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่น และรีบปรี่เข้าไปหาเกาเหลียนจือ
ในสภาพอากาศที่หนาวเย็น อาการป่วยของเกาเหลียนจือยังไม่หายดี หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ความหนาวเย็นจะทำให้อาการป่วยรุนแรงขึ้น
“แม่นางเการีบลุกขึ้นเร็ว บนพื้นเย็นเกินไป” อาจั่วพยายามปลอบเกาเหลียนจือ แต่เกาเหลียนจือยังคงไม่ขยับเขยื้อนและเอาแต่ร้องไห้ดังขึ้นเรื่อย ๆ
“แม่นางเกา ร่างกายของท่านยังไม่แข็งแรงดี หากร้องไห้บนพื้นแบบนี้ ถ้าป่วยหนักขึ้นมาจะทำอย่างไร” คราวนี้อาจั่วเป็นกังวลจริง ๆ เสียงร้องไห้ดังขึ้นเรื่อย ๆ คงไม่ดีถ้าไปดึงดูดความสนใจของคนอื่นเข้า
ยิ่งกว่านั้น นางกังวลเกี่ยวกับร่างกายของเกาเหลียนจือจริง ๆ และไม่สามารถปล่อยให้นางเป็นอะไรไปได้
หากนางเป็นหวัด ทุกคนก็จะนินทาครอบครัวของกู้เสี่ยวหวาน อาจั่วต้องการดูแลเกาเหลียนจืออย่างดีที่สุด เพื่อให้ร่างกายของนางดีขึ้นในไม่ช้า
ทันทีที่เขาได้ยินว่าร่างกายของเกาเหลียนจือไม่ค่อยสบาย ก็มีการเคลื่อนไหวในตู้เสื้อผ้า ถังซ่านจู่ก็เปิดประตูตู้เสื้อผ้าด้วยน้ำตานองหน้า และเห็นเกาเหลียนจือนั่งอยู่บนพื้นเย็น ๆ ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา
ถังซ่านจู่รู้สึกว่าหัวใจกำลังจะแตกสลาย และโดยไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ เขารีบวิ่งออกจากตู้เสื้อผ้าและโผเข้ากอดเกาเหลียนจือไว้ในอ้อมแขนของเขา และอุ้มนางไปที่เตียงและจะห่มผ้าให้
ในที่สุด เกาเหลียนจือก็ได้อยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นนั้นอีกครั้ง นางกอดคอของถังซ่านจู่ไว้แน่นไม่ยอมปล่อยให้เขาจากไป
เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองเป็นเช่นนี้ พวกเขาจะสนใจการปรากฏตัวของอาจั่วได้อย่างไร ในขณะนี้ถังซ่านจู่จับใบหน้าของเกาเหลียนจือ และประทับจูบให้นางอีกครั้ง
ทั้งสองจูบกันอย่างเร่าร้อน และเมื่อพวกเขาเหนื่อย พวกเขาก็ตระหนักว่ากู้เสี่ยวหวานกำลังยืนหน้าแดง โดยไม่รู้ว่านางยืนอยู่ตรงนี้นานแค่ไหนแล้ว
ทันทีที่เกาเหลียนจือเห็นกู้เสี่ยวหวาน นางก็รู้ตัวว่ากู้เสี่ยวหวานได้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับถังซ่านจู่แล้ว เมื่อคิดว่านางได้มีความสัมพันธ์ทางกายกับคนอื่น แต่ก็ยังถูกท่านพ่อท่านแม่ของตัวเองล่อลวงให้แต่งงานกับกู้หนิงอัน
ดวงหน้าที่งดงามของเกาเหลียนจือขึ้นสีแดงระเรื่อทันใด
“พี่เสี่ยวหวาน!” เกาเหลียนจือปล่อยมือของถังซ่านจู่ ใบหน้าแดงซ่านมองไปที่กู้เสี่ยวหวานด้วยความเขินอายและมีสีหน้าลำบากใจ
กู้เสี่ยวหวานแค่มองนางอย่างเฉยชาและไม่พูดอะไร
ทว่าเรื่องเช่นนี้ก็เกิดขึ้นแล้ว หากยังคงบอกว่านางบริสุทธิ์ แล้วการที่กู้หนิงอันกระโดดลงน้ำเพื่อไปช่วยชีวิตนางและเผลอกอดนางก็คงดูเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลยทีเดียว
ถ้าเกาต้าผิงและสวีซื่อเห็นฉากนี้ พวกเขาคงจะกระอักเลือดด้วยความโกรธ
กู้เสี่ยวหวานชำเลืองมองเกาเหลียนจือ จากนั้นมองไปที่ถังซ่านจู่และพูดเบา ๆ ว่า “ถ้าเจ้าสองคนเห็นด้วย ข้าจะพยายามเกลี้ยกล่อมพ่อแม่ของเจ้าให้ปล่อยให้พวกเจ้าอยู่ด้วยกัน”
จากการสังเกต ถังซ่านจู่ผู้นี้ไม่ใช่คนเลว อย่างน้อยที่สุดก็รู้ว่าเขารักเกาเหลียนจือมากแค่ไหน แม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่มีสถานะสูงส่งหรือร่ำรวย แต่ใครจะรู้ว่าถังซ่านจู่จะเป็นอย่างไรในอนาคต
กู้เสี่ยวหวานค่อนข้างมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับถังซ่านจู่คนนี้ หากเกาเหลียนจือต้องการใช้ทั้งชีวิตร่วมกับเขาด้วยความจริงใจ
เจ้าได้ประโยชน์ ข้าได้ประโยชน์ ทุกคนล้วนได้ประโยชน์
อย่างไรก็ตาม เมื่อเกาเหลียนจือได้ยินว่ากู้เสี่ยวหวานกำลังจะบอกท่านพ่อท่านแม่ของตัวเองเกี่ยวกับเรื่องของนางกับถังซ่านจู่ ร่างกายของนางก็สั่นสะท้าน และตะโกนออกมาโดยไม่รู้ตัว “พี่เสี่ยวหวาน อย่า… อย่าบอกพวกเขา”
เกาเหลียนจือมีสีหน้าหวาดกลัวราวกับโดนตบอย่างแรง
“พี่เสี่ยวหวาน ข้ารักท่านพี่ถัง เดิมทีข้าคิดว่าข้าจะอยู่กับท่านพี่ถังไปตลอดชีวิต ข้าไม่คาดคิดว่าท่านพ่อกับท่านแม่จะใช้เรื่องของข้าเพื่อข่มขู่ท่านและขอให้น้องชายของท่านแต่งงานกับข้า ข้าไม่ได้ตั้งใจ ฮือ ๆ”
จากนั้นมองไปที่ถังซ่านจู่ด้วยดวงตาที่เปียกปอนไปด้วยหยาดน้ำตา ถังซ่านจู่ถอนหายใจยาวและกอดเกาเหลียนจือในอ้อมแขนของเขาอีกครั้ง
ทั้งสองสวมกอดกันและร้องไห้ราวกับว่าพวกเขาได้รับความทุกข์ทรมานใจอย่างมาก
กู้เสี่ยวหวานและฉินเย่จือมองหน้ากัน มองไปที่เป็ดยวนยางคู่นี้ ทันใดนั้น นางก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
ในสมัยโบราณ เมื่ออยู่ที่บ้านผู้หญิงจะต้องเชื่อฟังพ่อ หลังแต่งงานจะต้องเชื่อฟังสามี และหลังจากที่สามีตายไปก็ต้องเชื่อฟังลูกชาย พวกนางใช้ชีวิตโดยไม่มีส่วนใดของชีวิตเป็นของตัวเอง
ในวัยเด็ก เป็นช่วงเวลาไม่กี่ปีเท่านั้นที่สามารถใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลภายใต้การดูแลของท่านพ่อท่านแม่ ใช้ชีวิตโดยไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารและเสื้อผ้า นี่คือลูกของครอบครัวที่ร่ำรวย หากเป็นครอบครัวที่ยากจน เกรงว่าจะต้องหัดซักผ้าและทำอาหารตอนสามสี่ขวบ ชีวิตนี้ไม่เคยมีวันที่ดีเลยจริง ๆ
กู้เสี่ยวหวานมองใบหน้าที่งดงามของเกาเหลียนจือ และใบหน้านั้นแสดงความรักและความชื่นชมที่นางมีต่อถังซ่านจู่
หน้าตาแบบนี้หลอกใครไม่ได้
และถังซ่านจู่ก็เหมือนกัน เขากอดเกาเหลียนจือแน่น ความทุกข์ในดวงตาของเขาเล็ดลอดออกมาจากส่วนลึกของหัวใจ มันเป็นความห่วงหาอาทรและความสุขอย่างแท้จริง
ในขณะนี้ กู้เสี่ยวหวานมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือคู่รักคู่นี้
กู้เสี่ยวหวานก้าวไปข้างหน้า เดินมาที่ด้านข้างของเกาเหลียนจือและพูดเบา ๆ ว่า “เหลียนจือ ข้าเต็มใจช่วยเจ้า ข้าจะช่วยเจ้าหาวิธีที่จะทำให้เจ้าและท่านพี่ถังได้อยู่ด้วยกันตลอดไป”
เมื่อเห็นท่าทางที่มุ่งมั่นของกู้เสี่ยวหวาน เกาเหลียนจือก็รู้สึกตกใจเล็กน้อยและมองไปที่ถังซ่านจู่
ถังซ่านจู่ก็ดูมีความคาดหวังบนใบหน้าของเขาเช่นกัน หลังจากที่เขาและเกาเหลียนจือมองหน้ากัน ทั้งคู่ก็เห็นความคาดหวังในอนาคตในสายตาของกันและกัน
“พี่เสี่ยวหวาน สิ่งที่ท่านพูดเป็นความจริงใช่หรือไม่ ท่านจะช่วยเราจริง ๆ หรือ? ท่านจะไม่ตำหนิข้าใช่หรือไม่” เกาเหลียนจือมองไปที่กู้เสี่ยวหวานโดยยังคงมีความไม่แน่ใจเล็กน้อยในสายตา
แต่เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานยิ้มให้นาง “เจ้าเป็นแค่เด็กสาวไม่ใช่หรือ มีหลายสิ่งที่เจ้ายังตัดสินใจไม่ได้ แล้วข้าจะโทษเจ้าได้อย่างไร”
ใบหน้าของเกาเหลียนจือมีความสุขมาก และหลังจากที่ถังซ่านจู่ได้ยินสิ่งนี้ เขาก็จับมือของเกาเหลียนจือ ทั้งสองคนพลันคุกเข่าลงไปที่ด้านหน้าของกู้เสี่ยวหวานด้วยกัน
ถังซ่านจู่ถึงกับพูดทันทีว่า “แม่นาง ถ้าท่านสามารถเปลี่ยนความคิดท่านพ่อท่านแม่ของเหลียนเอ๋อร์ได้จริง ๆ ให้พวกเขายอมรับว่าเราคบกัน ข้า ถังซ่านจู่จะปรนนิบัติท่านตลอดไปทั้งในชีวิตนี้และชีวิตหน้า”