ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1196 ข้าชอบเพียงแต่เขา
บทที่ 1196 ข้าชอบเพียงแต่เขา
บทที่ 1196 ข้าชอบเพียงแต่เขา
เกาต้าผิงพูดอย่างร่าเริงราวกับว่าเงินสำหรับการขายลูกสาวของเขาอยู่ในกำมือของตนเองแล้ว
“ท่านพ่อ ท่านกำลังพูดถึงเรื่องไร้สาระอะไร” เกาเหลียนจือร้อนรน เงินสองพันตำลึงเงิน และบอกว่านางจะได้ไม่ต้องกลับไปบ้านแม่ในอนาคต ถ้านี่ไม่ใช่การขายลูกสาว อย่างนั้นพวกเขากำลังทำอะไรอยู่กันล่ะ
เกาเหลียนจือไม่สามารถทนได้อีกต่อไป คว้าเกาต้าผิง และกรีดร้องด้วยความเศร้าโศกและขุ่นเคือง “ท่านพ่อ ข้าเป็นลูกสาวของท่าน ท่านทำเช่นนี้ได้อย่างไร”
“ทำไมข้าถึงจะทำไม่ได้ เจ้าเด็กโง่ นี่ข้ากำลังหาสามีดี ๆ ให้เจ้า” เกาต้าผิงพูดอย่างไม่แยแส
“เช่นนั้นท่านพ่อก็ทำเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ท่านเคยถามว่าข้าชอบกู้หนิงอันบ้างหรือไม่ เคยถามหรือไม่ข้าต้องการแต่งงานกับกู้หนิงอันหรือเปล่า” เกาเหลียนจือรู้ว่านางทำอะไรผิด แต่ตอนนี้ทั้งหมดเพ่งเล็งไปที่กู้เสี่ยวหวาน นางรับไม่ได้
นางไม่ต้องการแต่งงานกับกู้หนิงอัน คนที่นางชอบไม่ใช่กู้หนิงอัน
ท่านพ่อท่านแม่หวังดีต่อนาง ดังนั้นพวกเขาจึงยินดีพิจารณาทุกอย่างเพื่อนางใช่ไหม?
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่คำพูดของนางจบลง เกาต้าผิงก็คำรามด้วยความโกรธ “เจ้าต้องแต่งงาน ถึงไม่อยากแต่งก็ต้องแต่ง”
“แต่ท่านพ่อ ข้าไม่ได้ชอบกู้หนิงอัน…” เกาเหลียนจือร้องไห้จนแทบขาดใจ และเสียงกรีดร้องของนางก็ดังแสบหูมากขึ้นเรื่อย ๆ
“แต่งงานกับคนที่ได้พบกันแล้วจะมีชีวิตที่ดีต่อจากนี้ไป” สวีซื่อยังก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบโยนนาง
“ข้าไม่ ข้าไม่” เกาเหลียนจือพยายามอย่างเต็มที่ที่จะหลุดพ้นจากพันธนาการของทั้งสอง นางหยุดลงด้านข้างกู้เสี่ยวหวาน และร้องไห้เสียงดัง “ท่านพี่เสี่ยวหวาน ข้าขอโทษ มันเป็นความผิดของข้า ข้าไม่ควรใส่ร้ายท่าน ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้ว”
จากนั้นก็หันศีรษะและมองไปที่เกาต้าผิงและสวีซื่อ และเอ่ยขึ้นทั้งน้ำตานองหน้า “ท่านพ่อ ท่านแม่ ทุกคนรู้ว่าคนที่ข้าชอบไม่ใช่กู้หนิงอัน และท่านทั้งหลายก็รู้ว่าในใจข้ามีคนอื่น ทำไมถึงต้องแยกเราออกจากกันด้วย”
เกาเหลียนจือกำลังร้องไห้ดั่งดอกสาลี่ต้องหยาดฝน ไม่ต้องพูดถึงว่านางงดงามเพียงไหน
คำพูดของนางเหมือนขว้างก้อนหินลงน้ำจนเกิดระลอกคลื่น และทั้งหมู่บ้านก็เดือดพล่าน
คนที่เกาเหลียนจือชอบไม่ใช่กู้หนิงอัน แล้วจะเป็นใครได้?
“ไร้สาระ เจ้าเป็นผู้หญิงและไม่ได้ออกไปไหนตลอดทั้งวัน เจ้าจะมาพูดว่าชอบหรือไม่ชอบอะไรกัน เจ้ายังเป็นเด็ก เจ้าคงไม่รู้ว่ามันน่าละอายใจเพียงใด” สวีซื่อรีบก้าวไปหาเกาเหลียนจือและส่งสายตาให้นางหยุดพูด
แต่คราวนี้ เกาเหลียนจือต้องต่อสู้กับพวกเขาสองคน และนางก็เข้าใจด้วยว่าพ่อและแม่ของนางต้องปล่อยให้ตัวเองแต่งงานกับกู้หนิงอันแน่
เกาเหลียนจือคิดถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ยิ่งคิดถึงมากเท่าไร นางก็ยิ่งอับอายมากขึ้นเท่านั้น ตอนนี้คนในครอบครัวกำลังตั้งเป้าไปที่ท่านพี่เสี่ยวหวานอีกครั้ง และกำลังสาปแช่งนางด้วยถ้อยคำไม่น่าฟัง
เกาเหลียนจือไม่สามารถทนได้อีกต่อไป พี่เสี่ยวหวานเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อช่วยนางและพี่ถัง เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของนาง เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของนาง
ในเวลานั้น ตัวเองยืนกรานที่จะทำมันด้วยตนเอง
ยิ่งว่านั้น พ่อและแม่ของนางด่าทอนางด้วยถ้อยคำรุนแรง ท่านพี่เสี่ยวหวานไม่แม้แต่จะปริปากเรื่องของนาง แล้วทำไมตนถึงเอาแต่นิ่งเงียบเช่นนี้
คำพูดของครอบครัวนางน่าเกลียดมากขึ้น กู้เสี่ยวหวานยังคงฟังได้ แต่เกาเหลียนจือทนไม่ได้อีกต่อไป นางไปยืนอยู่ตรงหน้ากู้เสี่ยวหวานราวกับว่าจะขวางเกาต้าผิงและภรรยาที่กำลังร้องไห้ “ท่านพ่อ ท่านแม่ สิ่งเหล่านี้โทษคนในตระกูลกู้ไม่ได้ ข้าผิดเอง ข้าผิดเอง”
“ถ้ากู้หนิงอันไม่ช่วยข้าจากการตกน้ำ เขาคงไม่ถูกพวกท่านบังคับให้แต่งงานกับข้า เพื่อประโยชน์ของข้าเอง นั่นเป็นเหตุผลที่พี่เสี่ยวหวานมาคุยกับข้าถึงวิธีที่ทำให้พวกท่านล้มเลิกความคิดนี้ การอดอาหารเป็นความคิดของข้าเอง และทั้งหมดนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพี่เสี่ยวหวาน” เกาเหลียนจือตะโกนออกมาในลมหายใจเดียว น้ำตายังคงพรั่งพรูออกมาไม่หยุด
เมื่อเห็นว่าลูกสาวของพวกเขายืนอยู่ด้านข้างของกู้เสี่ยวหวาน เกาต้าผิงยกขาขึ้นและเตะร่างของเกาเหลียนจือด้วยความโกรธ แต่เขาไม่เคยคิดว่าการเตะนี้จะไม่โดนร่างกายของเกาเหลียนจือเพราะมีคนอื่นมาขวางไว้
การเตะด้วยความโกรธของเกาต้าผิงนั้นรุนแรงมาก และคนที่ถูกเตะก็ก้มหน้าลงและส่งเสียงครวญครางอู้อี้
“ท่านพี่ถัง” เกาเหลียนจือถูกกอดแน่นในอ้อมแขนของเขาเพื่อหลบเลี่ยงการเตะของเกาต้าผิง นางทิ้งตัวเองเข้าสู่อ้อมกอดที่คุ้นเคยและอบอุ่น คนทั้งคู่โอบกอดกัน
ทุกคนเบิกตากว้างและอ้าปากค้าง ดูฉากนี้ด้วยความประหลาดใจ
เกิดอะไรขึ้น
เมื่อครู่ไม่ได้เพิ่งพูดว่าเกาเหลียนจือบริสุทธิ์และต้องการแต่งงานกับกู้หนิงอันหรอกหรือ?
แล้วชายแปลกหน้าที่โผล่ออกมาคือใครกัน?
เมื่อมองดูท่าทางของเขาและเกาเหลียนจือ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะคุ้นเคยกันดี
ทุกคนชะเง้อมอง พวกเขาต้องการที่จะเห็นใบหน้าของชายที่กอดเกาเหลียนจือให้ชัดเจน
“ถังซ่านจู่ ไอ้สารเลว!” เมื่อเกาต้าผิงเห็นคนที่กอดเหลียนเกาจือไว้ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความโกรธ และก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง
อาโม่ที่อยู่ด้านข้างพุ่งไปข้างหน้าเพื่อหยุดเขา เมื่อเกาต้าผิงไม่สามารถระบายความโกรธภายใจได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงระบายด้วยปากเท่านั้น
“ถังซ่านจู่ เจ้ายาจก ปล่อยลูกสาวข้า เจ้าปล่อยลูกสาวข้า เจ้าสารเลว เจ้ายาจก ปล่อยลูกสาวข้า” เกาต้าผิงด่าถังซ่านจู่อย่างดูถูกเหยียดหยามทุกคำ
สวีซื่อก็โกรธเช่นกัน นางก้าวไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่งเพื่อดึงถังซ่านจู่ ขณะที่อาโม่หยุดเกาต้าผิง สวีซื่อก็ก้าวไปข้างหน้าแล้วคว้าเสื้อผ้าของถังซ่านจู่ และกระชากผมของอีกฝ่ายเพื่อลากเขาออกจากเกาเหลียนจือ “ไปให้พ้น ไปให้พ้น อย่าทำให้ชื่อเสียงของลูกสาวข้าเสื่อมเสีย ไปให้พ้น เจ้าสารเลว”
“ท่านแม่ ข้าชอบเขา ข้าอยากแต่งงานกับเขา” เพื่อไม่ให้ตัวเองทำร้ายเกาเหลียนจือ ถังซ่านจู่จึงยืนนิ่งไม่ดิ้นรน ภายใต้การเคลื่อนไหวของสวีซื่อ เขาจึงปล่อยมือจากเกาเหลียนจือ
“เหลียนเอ๋อร์…” ถังซ่านจู่ปล่อยมือของเขาและน้ำตาร้อนระอุสองสายก็ไหลออกมาจากดวงตา หยดลงบนหลังมือของเกาเหลียนจือ
หยาดน้ำตาร้อนผ่าวของอีกฝ่าย ทำให้เกาเหลียนจือแทบใจสลาย
เกาเหลียนจือมองหน้าคนรัก และรู้สึกว่าหากชีวิตนี้นางทอดทิ้งถังซ่านจู่ แล้วแต่งงานกับคนอื่น ตนเองอาจจะไม่มีความสุขตลอดชีวิต ในเมื่อเรื่องกลายเป็นแบบนี้แล้ว นางต้องสู้ นางต้องสู้