ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1200 ครอบครัวเกาผู้ก้าวร้าว
บทที่ 1200 ครอบครัวเกาผู้ก้าวร้าว
บทที่ 1200 ครอบครัวเกาผู้ก้าวร้าว
กู้เสี่ยวหวานก้าวไปข้างหน้าและเข้ามาประคองเกาเหลียนจือไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง “เหลียนจือ”
แต่นางไม่รู้จะพูดอย่างไรเพื่อปลอบใจสาวน้อย
เดิมทีคิดว่าเกาเหลียนจือมีชีวิตที่ดีจริง ๆ แม้ว่านางจะมาจากครอบครัวที่ยากจน แม้ว่านางจะยังเป็นเด็กสาวตัวเล็ก ๆ และแม้ว่านางจะมีพี่ชายสามคนแล้ว แต่พ่อแม่ของนางก็ยังปฏิบัติต่อนางอย่างดี และคิดว่าหญิงผู้นี้มีชีวิตที่ดีมีความสุข
มือของหญิงผู้นี้ไม่เคยได้สัมผัสกับความยากลำบากและคิดว่าเป็นเพราะพ่อแม่ของนางนั้นรักนาง แต่เมื่อความจริงปรากฏ นางก็แทบจะทนไม่ไหว
มีพ่อแม่เช่นนี้ สู้ไม่มีเสียจะดีกว่า
กู้เสี่ยวหวานบ่นพึมพำในใจเรื่องเกาเหลียนจือ
เกาเหลียนจือผู้นี้มีนิสัยขี้ขลาด นางฟังเกาต้าผิงและสวีซื่อทุกอย่าง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นางมีจิตใจที่แข็งแกร่งมากที่จะต่อต้านเกาต้าผิงและสวีซื่อเพื่อตัวนางเอง นางเอาชื่อเสียงของนางมาแลก แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่กู้เสี่ยวหวานคาดว่าจะเป็น
เกาเหลียนจือแยกเรื่องระหว่างนางกับถังซ่านจู่ออกมา เพื่อไม่ให้ตระกูลกู้ได้มีผลกระทบ
กู้เสี่ยวหวานไม่มีความแค้นต่อเกาเหลียนจือ ในใจของนางมีเพียงความสงสารเท่านั้น
สาวน้อยผู้นี้ต้องใช้ความกล้าแค่ไหนถึงเปิดเผยเรื่องของตัวเองให้ทุกคนได้รู้
กู้เสี่ยวหวานเปลี่ยนความคิดของนางเกี่ยวกับเกาเหลียนจือทันที นางรู้สึกเพียงว่าแม้ว่าเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ นี้จะขี้ขลาด แต่นางก็สามารถรักและเกลียดได้อย่างชัดเจน ถ้ารักใครก็ต้องอยู่กับเขา กู้เสี่ยวหวานพยุงไหล่ของเกาเหลียนจือและช่วยให้นางลุกขึ้น
นางพูดกับเกาต้าผิง “เกาต้าผิง เวลาที่ผ่านมาเป็นสิบปี คงเทียบอะไรไม่ได้กับเม็ดเงินสินะ”
“ข้ามีลูกชายสามคนตามความปรารถนาแล้ว ข้าไม่ต้องการอะไรแล้ว” เกาต้าผิงโบกมือและตะโกนอย่างไม่พอใจ “ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเจ้า เหลียนจือคงจะแต่งงานไปนานแล้ว”
“แต่ว่านางชอบคนอื่น ไม่ใช่กู้หนิงอัน” เมื่อเห็นว่าเกาต้าผิงยังคงพูดคุยเกี่ยวกับการแต่งงานกับกู้หนิงอัน กู้เสี่ยวหวานก็โกรธเช่นกัน
เมื่อเขาเอ่ยขึ้นมาว่าต้องการแต่งงานกับใคร นั่นก็แปลว่าต้องได้แต่งหรือ
พวกเขารู้หรือไม่ว่ากู้หนิงอันเป็นใคร
เกาเหลียนจือไม่ชอบ พวกเขาไม่เข้าใจหรือ
เมื่อมองดูเกาต้าผิงที่เกือบจะบ้าไปแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็นึกถึงคนเหล่านั้นในชีวิตก่อนของนางที่ชอบร้องไห้ในรถบีเอ็มดับเบิลยู มากกว่าหัวเราะบนหลังจักรยาน
เลือกที่จะอยู่ในบ้านสีทองที่ว่างเปล่าตามลำพังมากกว่าที่จะอยู่ในบ้านไม้ที่มีแต่เสียงหัวเราะ
เพียงเพราะเงิน ถึงได้พรากความรักระหว่างหญิงชาย
พ่อแม่บางคนก็ทำสิ่งที่โหดร้ายที่สุดโดยอ้างว่ารักลูก
กีดกันจากความรัก
กู้เสี่ยวหวานมองไปที่พ่อแม่ของเกาเหลียนจือที่ทำร้ายนางแล้วอ้างว่าเป็นเพราะความรัก
“เช่นนั้นหรือ ตราบใดที่มีเงินอย่างนั้นหรือ” กู้เสี่ยวหวานเย้ยหยัน “ความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ยาวนานกว่าสิบปีเทียบไม่ได้กับสิ่งที่ท่านเรียกว่าเงิน เอาเงินจากการขายลูกสาวไปให้ลูกชายแต่งงาน ไม่อายบ้างหรือ”
“ข้าผิดอะไร ให้นางได้แต่งงานกับครอบครัวของชายที่ดี ข้าผิดอะไร” สวีซื่อคำราม
“พวกท่านคิดว่าตราบใดที่มีเงินก็จะมีความสุขอย่างนั้นหรือ” กู้เสี่ยวหวานรู้สึกจริง ๆ ว่า ไม่ว่าจะพูดอะไรกับคนประเภทนี้ มันก็เสียเวลาเปล่า
“ไม่มีความสามารถหาเงิน เลยปักใจหวังรวยข้ามคืนด้วยลูกสาวตัวเอง ถ้าทำไม่สำเร็จ ก็จะใช้คำพูดแย่ ๆ ประณามนางในสิ่งที่ตนเองทำเองไม่ได้ แต่ทำไมขอให้เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ทำ” กู้เสี่ยวหวานทำให้เกาต้าผิงถึงกับพูดไม่ออก กู้เสี่ยวหวานจะสามารถปลุกสติคนด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำให้คนที่ความคิดฝังแน่นมานานกว่าสิบปีได้อย่างไร
ในสายตาของพวกเขา เห็นลูกชายดีกว่าลูกสาว
แม้ว่าลูกสาวจะดีเลิศเลอปานนางฟ้านางสวรรค์ แต่ลูกชายก็ยังเป็นลูกชายที่ดีที่จะส่งต่อวงศ์ตระกูลให้ได้
กู้เสี่ยวหวานไม่ต้องการคุยกับเกาต้าผิงอีกต่อไป นางจึงขยิบตาให้อาโม่ขับไล่พวกเขาออกไป
เกาต้าผิงไม่ยอม เขาบอกว่าเขาไม่ยอมไปจนกว่าจะส่งตัวเกาเหลียนจือมาก่อน
เกาต้าผิงและภรรยาของเขามีความคิดที่น่ารังเกียจเช่นนี้ กู้เสี่ยวหวานจะมอบเกาเหลียนจือให้พวกเขาได้อย่างไร
กู้เสี่ยวหวานไม่เห็นด้วย เกาต้าผิงและภรรยาของเขาเริ่มต่อสู้อีกครั้ง
เช้านี้ทางเข้าบ้านเก่าตระกูลกู้มีชีวิตชีวามากจนถึงเที่ยง และมีคนล้อมรอบเป็นวงกลมเหมือนดูการแสดง
โชคดีที่ครอบครัวของเกาเหลียนจือไม่ได้มาจากหมู่บ้านอู๋ซี ไม่เช่นนั้นละครเรื่องนี้จะน่าตื่นเต้นยิ่งกว่านี้
เกาต้าผิงและภรรยาของเขากำลังจะเริ่มแย่งชิงตัวเกาเหลียนจือกลับไป แต่เพราะคำพูดของพ่อแม่ทำให้นางเสียใจและถังซ่านจู่ยังไม่ได้สติ นางจึงไม่สามารถกลับไปได้
กู้เสี่ยวหวานจะไม่ปล่อยให้นางกลับไปกับพ่อแม่ที่มีความคิดบิดเบี้ยวเช่นนั้น เพราะไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับนางอีกบ้าง
อาโม่ยืนอยู่ข้าง ๆ โยนพวกเขาออกไปจากบ้านเก่าของตระกูลกู้ จากนั้นยืนอยู่หน้าประตูเพื่อปิดกั้นประตูด้วยใบหน้าที่ดุร้าย
ด้วยทักษะที่น่าทึ่งของเขา เกาต้าผิงจึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
เขาทำได้เพียงใช้วิธีร้องไห้ ก่อความวุ่นวาย ส่วนเกาซื่อก็วิ่งหนีไปด้วยความสิ้นหวังอย่างไร้ร่องรอย
ทั้งสองคนนั้นกำลังร้องไห้อยู่ข้างนอกประตูและอีกคนกำลังร้องไห้อยู่ข้างใน
เกาเหลียนจือเหนื่อยจากการร้องไห้ นางจึงไปที่ข้างเตียงของถังซ่านจู่
ส่วนเกาต้าผิงก็ไม่ยอมปล่อยวาง เขาเอาแต่จ้องมองเข้าไปในบ้านตระกูลกู้