ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1210 เปรียบเทียบ
บทที่ 1210 เปรียบเทียบ
บทที่ 1210 เปรียบเทียบ
กู้ซินเถานึกถึงจุดประสงค์ของการมาในครั้งนี้ก็ได้แต่จำใจ เอาแต่ก้มหน้าลงไม่กล้าที่จะมองฉินเย่จืออีก
ทว่าในใจกลับรู้สึกไม่พอใจ บุรุษที่หล่อเหลามากเช่นนี้ คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นั้นควรจะเป็นผู้หญิงที่รูปโฉมงดงามจนจันทร์เขินบุปผาละอายอย่างตัวเอง ไม่ใช่กู้เสี่ยวหวานผู้หญิงที่อัปลักษณ์นั่น
กู้ซินเถาคิดถึงตรงนี้ก็ตกตะลึงอยู่สักพัก แอบเงยหน้ามองกู้เสี่ยวหวานอีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานกว่าหนึ่งปี รูปลักษณ์ของกู้เสี่ยวหวานในตอนนี้กลับทำให้นางตกใจ
กู้ซินเถาจึงก้มหน้าลงอีกครั้ง ในใจนั้นกลับมีความกังขาอยู่เล็กน้อย หนึ่งปีกว่าที่ไม่ได้พบเจอกัน เหตุใดกู้เสี่ยวหวานถึงได้เปลี่ยนไปกลายเป็นเช่นนี้
ไม่ต้องพูดถึงกู้ซินเถา แม้แต่ซุนซื่อพอได้เห็นแล้วก็ยังรู้สึกแปลกใจมาก
ยังมีท่าทางบ้านนอกอยู่เสียที่ไหนกัน
เมื่อก่อนก็รู้สึกว่ารูปร่างหน้าตาเด็กคนนี้แค่งดงามเพียงเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงที่เติบโตมีความเปลี่ยนแปลงขึ้นเมื่ออายุเพิ่มขึ้น รูปร่างหน้าตาเช่นนี้ยังมีท่าทางบ้านนอกอยู่เสียที่ไหน หากบอกว่านางเป็นลูกสาวคนโตจากตระกูลใหญ่ก็ยังมีคนเชื่อเลย
ในใจของซุนซื่อมีความรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย เมื่อคิดว่าเมื่อก่อนเด็กคนนี้ยังต้องขอทานเพื่อเลี้ยงชีพ ตอนนี้มีสถานะเป็นเช่นนี้แล้ว ก็ทำให้คนรู้สึกอิจฉาและเกลียดชังจริง ๆ
ในใจของซุนซื่อรู้สึกเป็นทุกข์ เมื่อคิดว่าหลายปีที่ผ่านมา พื้นที่ของตระกูลกู้ลดลง ในใจก็ทั้งเป็นทุกข์ทั้งโมโห บ้านใหญ่ที่ดี ๆ ก็ถูกบ้านรองแย่งไปทั้งหมด
ตั้งแต่หลังจากที่ตระกูลเจียงถูกยึดทรัพย์และโดนประหารชีวิตทั้งครอบครัว กู้ฉวนลู่ก็ขายทรัพย์สินทั้งหมดในเมืองหลิวเจียและวิ่งเต้นไปที่เมืองรุ่ยเสียนแล้ว
กู้เสี่ยวหวานเองก็รู้เรื่องราวของบ้านใหญ่ตระกูลกู้นี้บางส่วน
ได้ยินว่าหลังจากบ้านที่เมืองหลิวเจียขายทิ้งไปแล้ว กู้ฉวนลู่มีเงินก็ซื้อบ้านเล็ก ๆ หลังหนึ่งอยู่ที่เมืองรุ่ยเสียน และได้หางานบัญชีทำอยู่ในร้านอาหารเล็ก ๆ กู้เสี่ยวหวานไม่ค่อยได้สนใจเรื่องของบ้านใหญ่ จึงรู้แค่เพียงเท่านี้
ไม่ได้เจอหน้ากันมาเกือบสองปีแล้ว กลับเห็นกู้ฉวนลู่วิ่งเต้นมาหานางที่เมืองหลิวเจีย กู้เสี่ยวหวานยังรู้สึกแปลกใจมาก
อย่าว่าตอนนี้เป็นเทศกาลปีใหม่เลย ถึงแม้ว่าจะเป็นเทศกาลปีใหม่ กู้ฉวนลู่ก็คงไม่มาหานางที่นี่หรอก
นี่ช่างเป็นเรื่องที่หาได้ยากเสียจริง
หรือตามคำโบราณที่กล่าวว่า พังพอนมาอวยพรปีใหม่ไก่แล้วไม่หวังดี
กู้ฉวนลู่ถือของบางอย่างอยู่ในมือ ถือไปถือมาก็ยิ้มอย่างประจบสอพลอพลางพูดว่า “เสี่ยวหวาน ข้าเอาของฝากจากเมืองรุ่ยเสียนมาให้เจ้าที่นี่ แม้จะรู้ว่าตอนนี้เจ้าก็ไม่ได้ขาดแคลนสิ่งนี้ แต่ไม่ว่าอย่างไรนี่ก็เป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ของลุง เจ้าก็รับเอาไว้เถอะ”
ที่นี่มีคนเยอะ กู้เสี่ยวหวานเองก็ไม่กังวลว่ากู้ฉวนลู่จะสร้างปัญหาอะไรออกมา ในเมื่อพวกเขาอยากจะเข้ามา งั้นก็ปล่อยให้พวกเขาเข้ามาเถอะ
กู้เสี่ยวหวานส่งสายตา ฉือโถวก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อเปิดประตู
กู้ฉวนลู่ยิ้ม เขาอยากจะมอบของในมือให้กู้เสี่ยวหวาน แต่กู้เสี่ยวหวานก็เอามือไพล่หลังไว้ตลอด เมื่อเห็นพวกเขาเข้ามาแล้ว ก็ไม่มีสีหน้าที่ดีแม้แต่น้อย หมุนตัวเดินจากไปกับฉินเย่จือ
กู้ลู่ฉวนมีสีหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลา อยากจะมอบของส่งให้ฉือโถว ไหนเลยจะรู้ว่าฉือโถวไม่แม้แต่จะมองก็หมุนตัวเดินจากไปแล้ว
ตอนนี้ก็เห็นกู้เสี่ยวหวานเดินอยู่ข้างหน้าและนั่งลงที่ใต้ต้นดอกกุ้ยฮวา
นี่เหมือนกับหมายความว่าอนุญาตให้พวกเขาเข้าประตูมา แต่ไม่ให้พวกเขาเข้าไปข้างในบ้าน
กู้ฉวนลู่มีสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย แต่เมื่อนึกถึงจุดประสงค์ที่มาในครั้งนี้ก็ได้แต่เพียงข่มความไม่พอใจนี้ไว้ในใจ บนใบหน้าประดับรอยยิ้มไว้ตลอด ยิ้มอย่างประจบประแจงแล้วเดินมา นำเอาของในมือวางไว้บนโต๊ะหิน
โต๊ะหินนี้มีม้านั่งเพียงแค่สี่ตัว กู้เสี่ยวหวานกับฉินเย่จือนั่งสองคน ถ้าเป็นเช่นนี้ก็มีเพียงกู้ฉวนลู่กับซุนซื่อเท่านั้นที่สามารถนั่งได้
กู้ซินเถาได้เพียงแต่ยืนอยู่ด้านหลังของซุนซื่อ ปากนั้นเบะจนจะแขวนขวดน้ำมันไว้ได้แล้ว
เมื่อคิด ๆ ดูแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
เพียงแต่ว่าที่กู้ซินเถารู้สึกไม่สบายใจ ไม่ใช่เป็นเพราะว่าไม่มีที่นั่ง แต่ว่าเป็นเพราะกู้เสี่ยวหวาน
หน้าตาของกู้เสี่ยวหวานนั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก
เมื่อเห็นผมสีดำเข้มราวกับน้ำหมึกของนางมันขลับแวววาว และยังกำจายกลิ่นภายใต้แสงตะวัน
ผมสีดำสนิท ทั้งยาวทั้งสลวย เส้นผมนั้นดูดีมากจริง ๆ
และยังมีกลิ่นหอมจาง ๆ ที่ราวกับมีเหมือนไม่มี กลิ่นนี้เหมือนกับยาสระผมที่ขายอยู่ในร้านค้าสตรีที่ดีที่สุดของเมืองรุ่ยเสียน นางเองก็อยากจะซื้อมาใช้บ้าง เพียงแต่ว่าแพงเกินไป กล่องเล็ก ๆ ก็ต้องใช้เงินถึงสิบตำลึง กู้ซินเถาไม่มีเงิน ซุนซื่อก็ไม่มีทางซื้อให้นาง
เมื่อนึกถึงผมที่ยาวของตัวเองที่ปลายผมก็แตกปลาย และยังมีกลิ่นของเส้นผมที่ไม่ดีเท่าของกู้เสี่ยวหวาน
ยังมีเสื้อผ้าบนร่างของกู้เสี่ยวหวาน กระโปรงยาวสีฟ้าอ่อน ผ้าปักลายระลอกคลื่นน้ำ เสื้อคลุมตัวนอกคลุมไหล่ด้วยหม่อนไหม ช่างดูนุ่มนวลเหมาะสม ยามสายลมพัด หม่อนไหมบนตัวนั้นก็พลิ้วไหวไปตามลม ดูดีราวกับกำลังเต้นรำอยู่
เสื้อผ้าชุดนี้เกรงว่าราคาจะถึงร้อยตำลึง
นางเองก็เคยเห็นหม่อนไหมนี้มีราคาสูงมากและมีการผลิตน้อย แม้จะมีเงินก็ใช่ว่าจะหาซื้อได้
ตอนนี้กู้เสี่ยวหวานเป็นเสี้ยนจู่ ทั้งเมืองรุ่ยเสียนและเมืองหลิวเจีย นางก็ไม่ขายหน้าผู้ใดแล้ว
ยังมีหยกเขียวอีกชิ้นหนึ่งห้อยอยู่ที่เอว ด้านล่างนั้นห้อยพู่สีแดงไว้ ดูสวยงามอย่างมาก
หยกเขียวนี้ เกรงว่าหากไม่มีเงินสองสามพันตำลึงก็คงซื้อมาไม่ได้
บนศีรษะมีไข่มุกเม็ดเล็ก ๆ ฝังประดับแทรกอยู่ระหว่างผมสีดำเข้มเหมือนกับน้ำหมึก ช่างดูระยิบระยับ
ยังมีความมั่นใจในตัวเองนั่นอีก ดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนราวกับเป็นเทพเซียนบนสวรรค์ลงมายังโลกมนุษย์ กู้ซินเถามองร่างของกู้เสี่ยวหวานไปมาไม่หยุด ตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่ละสายตาไปแม้แต่ชุ่นเดียว ยิ่งมอง ในใจก็ยิ่งเกิดความรู้สึกอิจฉาและเกลียดชัง
นางเองก็แซ่กู้ ทำไมถึงได้แตกต่างจากกู้เสี่ยวหวานมากเช่นนี้
เมื่อก่อนกู้เสี่ยวหวานยังสวมเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่ง เมื่อเทียบกับนางแล้ว แตกต่างกันมากดั่งฟ้ากับดิน
ทำไมตอนนี้นางถึงได้สวมใส่เสื้อผ้าดี ๆ เช่นนี้
เทียบกับเสื้อผ้าที่ตัวเองใส่แล้วยังดีมากกว่าร้อยเท่าพันเท่า
เมื่อยืนอยู่ต่อหน้ากู้เสี่ยวหวาน ตอนนี้กู้เสี่ยวหวานกลายเป็นเมฆบนท้องฟ้า นางกลับกลายเป็นขี้โคลนบนพื้นดินแล้ว
เมื่อคิดเช่นนี้ นางก็โกรธตัวเองว่าวันนี้ไม่ควรสวมชุดนี้มา
เมื่อคิดจะมาบ้านของกู้เสี่ยวหวาน ในใจกู้ซินเถาก็มีความเห็นแก่ตัว
ครอบครัวพวกเขาย้ายไปเมืองรุ่ยเสียนได้ปีกว่าแล้ว ในเวลาปีกว่านี้ นางก็ได้ไปมาหาสู่กับพวกสตรีในเมืองรุ่ยเสียน ถ้าหากคนอื่นต้องการจัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ ที่เรือนก็จะเชิญนางไปร่วมด้วย
เมื่อไปมาบ่อย ๆ กู้ซินเถาก็ถือว่าตัวเองนั้นมีความสามารถอยู่ในเมืองรุ่ยเสียนและมีชื่อเสียงอยู่บ้าง