ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1223+1224 ข้าช่วยเจ้าคืนเงิน/ปราบกู้เสี่ยวหวาน
บทที่ 1223+1224 ข้าช่วยเจ้าคืนเงิน/ปราบกู้เสี่ยวหวาน
บทที่ 1223 ข้าช่วยเจ้าคืนเงิน
กู้ฉวนลู่ได้ยินเสียงจากข้างใน เดิมทีอยากจะออกไป แต่ได้ยินเสียงขอร้องนั้นก็รู้สึกว่าเสียงนั้นฟังดูคุ้นหูมากเลยตั้งใจฟัง และตอนนี้ก็มั่นใจมาก
เพื่อไม่ให้คนข้างในเห็นตัวเอง กู้ฉวนลู่รีบเบี่ยงตรงไปที่มุมหนึ่ง
“พี่ใหญ่ ขอล่ะ ปล่อยข้าเถอะ ข้าจะหาเงินมาคืนให้ท่านแน่นอน” เสียงขอร้องนั้น ถ้ากู้ฉวนลู่เดาไม่ผิด น่าจะเป็นหลิวชิงซาน
“เจ้าหาเงินหัวเดียวกระเทียมลีบ ญาติก็ไม่มี ถ้าข้าเชื่อเจ้า แล้วเจ้าจะไปหาเงินจากที่ไหน ข้าไม่ได้โง่นะ”
“พี่ใหญ่ ท่านวางใจได้ ท่านยังคงไม่รู้สินะ เสี้ยนจู่ที่เป็นเจ้าของร้านจิ่นฝูเป็นหลานสาวของภรรยาข้าเอง ท่านวางใจได้ ข้าไปหานาง นางให้เงินข้าแน่นอน”
คนที่เอ่ยปากพูดได้ยินเช่นนั้นก็ดูเหมือนจะนึกไม่ถึงว่าหลิวชิงซานจะมีพื้นเพที่ดีขนาดนี้ แรกเริ่มเขาไม่เชื่อ หลังจากฟังจากคนรอบข้างก็คลี่ยิ้มออกมาทันที “เจ้ามีพื้นเพที่ดีขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ทำไมไม่บอกล่ะ”
หลิวชิงซานเห็นคนผู้นั้นไม่ทุบตีตนเองอีก จึงถอนหายใจแล้วหัวเราะฮ่า ๆ “ข้ากลัวกระทบต่อชื่อเสียงของหลานสาวข้า จึงไม่ได้บอกกล่าวเรื่องนี้กับคนอื่น”
ใบหน้าของหลิวชิงซานมีรอยยิ้ม ชายคนนั้นดูเหมือนจะไม่เกรงใจหลิวชิงซานอีกต่อไป “ข้าให้เวลาเจ้าสองวัน หลานสาวเจ้ามีเงินขนาดนั้น เงินร้อยตำลึงคงเป็นเพียงค่าอาหารมื้อเดียว เจ้าแค่บอกนางว่า ถ้าเจ้าหาเงินไม่ได้ เจ้าจะถูกโยนลงน้ำกลายเป็นอาหารปลา ดูสินางจะให้หรือไม่ หวังว่าจะไม่เห็นเจ้าตายจริง ๆ ล่ะ”
เสียงนั้นยังคงเป็นเสียงที่คุ้นเคยที่ใช้ประจบสอพลอ “ไม่ ๆ ท่านวางใจเถอะ เวลาสองวัน ข้าหาเงินมาได้แน่นอน”
เมื่อพวกอันธพาลกลุ่มนั้นจากไป กู้ฉวนลู่พยายามตั้งใจฟัง เมื่อไม่ได้ยินเสียงใด ๆ เล็ดลอดออกมา ก็เดินออกจากมุมอับเพื่อพบกับคนร่างกายผอมแห้งที่ยืนหันหลังให้ตัวเอง ราวกับกำลังเฝ้าดูคนกลุ่มนั้นจากไป
ปากยังเอาแต่สาปแช่งไม่หยุด “ให้ตายเถอะ สองวัน ข้าจะหาเงินได้จากที่ไหน กู้ฟ่างสี่ที่ตายไปคนนั้นก็มีชีวิตที่ดีด้วยตัวเอง เตะข้าออกไปช่วงเวลาที่ยากลำบาก ข้าไม่ปล่อยให้ภรรยาคนนี้มีชีวิตดี ๆ หรอก”
หลิวชิงซานสบถก็ถ่มน้ำลายลงพื้น ทำท่าจะเดินออกไป แต่กู้ฉวนลู่รีบส่งเสียงรั้งเขาไว้เสียก่อน “หลิวชิงซาน”
ครั้นได้ยินเสียงคนตะโกนเรียกตนเอง หลิวชิงซานก็สั่นสะท้านไปทั่วร่างกาย คิดว่ามีคนมาทวงเงินอีกแล้ว
แต่เมื่อหันกลับไปก็พบว่าเป็นกู้ฉวนลู่
ทันใดนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ทำไมเป็นท่าน”
กู้ฉวนลู่หยุดลงตรงหน้าเขาแล้วยิ้มเยาะ “ทำไมกัน แพ้พนันแล้วยังติดหนี้คนอื่นร้อยตำลึง ไม่มีให้ก็ต้องถูกโยนไปเป็นอาหารปลา”
“ท่านแอบฟังหรือ” หลิวชิงซานเองก็ไม่ได้มีความประทับใจในตัวพี่ชายของภรรยาคนนี้สักเท่าไร ช่างเป็นคนที่เห็นผลประโยชน์จนลืมคุณธรรม โลภมากไม่รู้จักพอ
กู้ฉวนลู่ชี้ไปทางเข้าตรอก “ไม่เห็นมีใครบอกว่าเข้ามาที่ตรอกนี้ไม่ได้”
หลิวชิงซานไม่เคยเรียนหนังสือ ดังนั้นจึงเถียงสู้คนที่เคยเรียนหนังสืออย่างกู้ฉวนลู่ไม่ได้ ร่างกายของเขาผอมซูบ อีกอย่างเพิ่งโดนคนกลุ่มนั้นทุบตี ร่างกายเจ็บปวดรวดร้าวไปหมด
ไหนจะต้องไปหาเงินร้อยตำลึงอีก เวลาแค่วันเดียวจะไปหาเงินมาจากที่ไหนกัน
แม้ว่าจะไปหากู้ฟ่างสี่ ภรรยาคนนั้นก็ไม่ให้เงินแก่ตัวเอง
หลิวชิงซานไม่เต็มใจพูดคุยกับกู้ฉวนลู่ เป็นเพราะเขารู้ว่าไม่สามารถบีบเอาเงินจากกู้ฉวนลู่คนนี้ได้ เขามองกู้ฉวนลู่ แล้วเดินลากขากะโผลกกะเผลกออกไป
กู้ฉวนลู่เห็นหลิวชิงซานไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากตัวเองก็รู้สึกแปลกใจ จึงรีบรั้งเขาไว้ทันที “หลิวชิงซาน เจ้าติดหนี้คนอื่น เวลาแค่สองวัน เจ้าจะหาเงินร้อยตำลึงมาจากไหน”
ตอนที่ได้ยินสียงของหลิวชิงซาน กู้ฉวนลู่ก็มีแผนในใจ ใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ ปฏิบัติต่อกู้เสี่ยวหวานอย่างดี ให้นางเห็นว่าตัวเองไม่ใช่คนก่อเรื่อง
กู้ฉวนลู่ตัดสินใจแล้วที่จะรั้งหลิวชิงซานไว้
กู้เสี่ยวหวานสั่งไม่ให้เขาเข้าใกล้ร้านจิ่นฝู เขาเข้าไปไม่ได้ แต่หลิวชิงซานเข้าไปได้ ตอนนี้กู้ฉวนลู่มีความคิดดี ๆ และในใจก็รู้สึกภูมิใจสุด ๆ
พยายามคิดหาวิธีแทบตายก็คิดไม่ออก พอไม่คิดก็กลับคิดขึ้นมาได้ง่าย ๆ
บารมีของกู้เสี่ยวหวานในเมืองหลิวเจียมีมากไม่ใช่หรือ
ให้นางได้ลองรสชาติของการตกลงมาจากที่สูงบ้าง
หลิวชิงซานฟังกู้ฉวนลู่แล้วก็ขมวดคิ้ว
ไม่เจอมาสองสามปี ไม่รู้ว่าหลิวชิงซานคนนี้ใช้ชีวิตมาแบบไหน น้ำหนักลดลงมากจนร่างกายผอมซูบไปหมด ทำให้คนดูเหมือนป่วยเป็นโรคร้ายแรงอะไรสักอย่าง มองแล้วขยะแขยง
หลิวชิงซานจึงเอ่ยถามตนเองว่า “หากข้าหาเงินไม่ได้ ท่านมีจิตใจดีขนาดนั้นยังช่วยข้าไม่ได้เลย”
เว้นแต่ดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตก
หลิวชิงซานเหลือบตามองไปที่กู้ฉวนลู่ด้วยความไม่พอใจ สายตาเต็มไปด้วยความดูถูก กู้ฉวนลู่เห็นดังนั้นจึงโมโหมาก อยู่ที่บ้านของกู้เสี่ยวหวานก็ถูกกู้เสี่ยวหวานดุด่า ออกมาก็ถูกคนไล่ล่าอีก เขาไม่อยากพูดอะไรอีกแล้ว
มาถึงที่นี่แล้วยังถูกหลิวชิงซานดูถูก กู้ฉวนลู่จะอดทนต่อสีหน้าที่อาฆาตแค้นนี้ได้อย่างไร แต่การจะขอให้หลิวชิงซานช่วย จึงทำได้แค่อดทนเท่านั้น
“ข้ามีเรื่องต้องให้เจ้าช่วย ถ้าเจ้าช่วยเหลือข้า ข้าอาจจะตอบแทนเจ้าเป็นเงินหนึ่งร้อยตำลึง” กู้ฉวนลู่กัดฟันและพูดอย่างหนักแน่น
หลิวชิงซานหันหลังกำลังจะจากไป ครั้นได้ยินกู้ฉวนลู่พูดดังนั้น ก็หันกลับมามองกู้ฉวนลู่ “เจ้าใจกว้างขนาดนี้เลยหรือ”
หลิวชิงซานไม่เชื่อ พูดสียงแข็งว่า “กู้ฉวนลู่ เจ้าไม่ได้ให้ข้าทำอะไรที่ป่าเถื่อนใช่ไหม เช่นการฆ่าและปล้น เรื่องแบบนั้นข้าไม่ทำ”
—
บทที่ 1224 ปราบกู้เสี่ยวหวาน
หลิวชิงซานเชิดหน้าขึ้น ยิ้มยิงฟันเหลืองอ๋อย ใบหน้าที่ถูกตีจนบวมช้ำ ตอนนี้มองมาที่กู้ฉวนลู่อย่างไม่ใส่ใจ
กู้ฉวนลู่มีความโกรธคุกรุ่นอยู่ในใจ หลิวชิงซานคนนี้ก็เป็นอันธพาลคนหนึ่ง ไม่เคยทำอะไรที่ป่าเถื่อน
ฆ่าคนและปล้นสะดมเอาทรัพย์สิน
กู้ฉวนลู่พยายามระงับความโกรธที่กำลังจะปะทุออกมาได้ทุกเมื่อ พลางพูดด้วยรอยยิ้มเอาใจ “เป็นไปได้อย่างไรที่จะไปทำเรื่องป่าเถื่อนเช่นนั้น เจ้าเพิ่งบอกว่ากู้เสี่ยวหวานเป็นหลานของภรรยาเจ้าไม่ใช่หรือ เจ้าต้องไปหานาง”
หลิวชิงซานได้ยินชื่อของกู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา ครั้งก่อนเสียเปรียบให้กู้เสี่ยวหวาน บทเรียนนี้เขายังจำได้ดี
“นางมีเงินมากขนาดนั้น เพียงแค่เงินหนึ่งร้อยตำลึงยามฉุกเฉินก็คงไม่เดือดร้อน อย่างน้อยข้าก็ยังเป็นอาเขยของนาง”
หลิวชิงซานตะโกนด้วยถ้อยคำหยาบคาย
บนใบหน้าของกู้ฉวนลู่ประดับด้วยรอยยิ้มตลอดเวลา และเอ่ยแก้คำพูดของเขา “เป็นอดีตอาเขย เจ้ากับฟางสี่หย่ากันแล้ว”
เมื่อถูกถ้อยคำแทงใจดำ หลิวชิงซานก็ตะโกนเสียงดังด้วยความเจ็บปวด “ไม่ใช่ว่าปีนั้นพวกท่านต้องการให้ข้าทำเรื่องป่าเถื่อนเพื่อสินสอดหรอกหรือ แน่นอนว่าฟางสี่คนนี้อาฆาตแค้นข้ามาโดยตลอด”
ครั้นได้ฟังคำของหลิวชิงซานแล้ว กู้ฉวนลู่พลันกำหมัด และอดไม่ได้ที่จะปล่อยหมัดใส่หน้าอีกฝ่ายหนึ่งที
โทษพวกเขางั้นหรือ
ถูกแล้ว ตอนนั้นบ้านใหญ่กับบ้านสามตระกูลกู้ชอบสินสอดของหลิวชิงซาน นี่คือเหตุผลว่าทำไมจึงใช้แผนการอุบาทว์เช่นนี้
ขณะนั้นในบ้านของหลิวชิงซานมีทรัพย์สินมากมาย กู้ฟางสี่แต่งงานก็เพื่อมีชีวิตที่ดี
ถ้าไม่ใช่เพราะหลิวชิงซานชอบเล่นการพนัน ทำลายข้าวของในบ้าน ชอบทุบตีภรรยา กู้ฟางสี่นับรวมความแค้นทั้งใหม่และเก่าเข้าด้วยกัน คงแปลกถ้าไม่เลิกกับเขา
หลิวชิงซานปัดความผิดทั้งหมดไปให้เขา กู้ฉวนลู่ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธเคือง แต่เขาต้องการความช่วยเหลือจากหลิวชิงซาน ดังนั้นตอนนี้จึงไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้
เวลานี้ จู่ ๆ ก็มีเสียงท้องร้องประท้วงดังขึ้น หลิวชิงซานสัมผัสหน้าท้องแบนราบ ใช้ปลายลิ้นแตะเพดานปาก สีหน้าเต็มไปด้วยความหิวโหย กู้ฉวนลู่จึงรีบพูดว่า “ข้าก็หิวแล้วเช่นกัน เราหาที่ดื่มน้ำสักสองจอก นั่งลงและค่อย ๆ คุยกันเถอะ”
สองคนมาถึงร้านเหล้าพลางสั่งกับแกล้มสามอย่าง เหล้าหนึ่งไห หากแต่หลิวชิงซานยังไม่พอ ต้องการสั่งเป็นอาหารจานหลักอีกสองสามอย่าง หมูผัดตุ๋นน้ำแดง ไก่สับ และยังไม่วายสั่งเหล้าอีกสองไห
กู้ฉวนลู่ประหลาดใจ เห็นหลิวชิงซานผอมแห้งขนาดนี้ แต่กลับกินเยอะขนาดนี้ คงนานแล้วที่เขาไม่ได้กินให้อิ่มท้อง
เมื่่ออาหารมาถึง หลิวชิงซานราวกับคนเพิ่งถูกปล่อยออกจากห้องขัง ท่าทางดูหิวโหย ระหว่างกินไม่พูดอะไรสักคำ มีเพียงกู้ฉวนลู่จ้องมองอีกฝ่ายเงียบ ๆ เท่านั้น
หลิวชิงซานในตอนนี้กินอาหารบนโต๊ะจนเกลี้ยงในระยะเวลาอันรวดเร็ว ไม่ใช้จอกเหล้า แต่กลับกระดกโดยตรงจากปากไห เทเข้าปาก ริมฝีปากมันเยิ้ม รูปลักษณ์ของเขาดูน่าขยะแขยง
กู้ฉวนลู่เห็นเขาทำท่าทางแบบนั้นก็หมดความรู้สึกอยากอาหาร
อาหารบนโต๊ะทั้งหมดนี้ หลิวชิงซานแทบจะใช้ตะเกียบกวาดอาหารทั้งหมดลงท้อง เกรงว่าน้ำลายบนตะเกียบจะผสมอยู่ในอาหารทุกจาน กู้ฉวนลู่รู้สึกขยะแขยงจนขนลุกซู่
เขาจำใจต้องวางตะเกียบลง ดูหลิวชิงซานกินด้วยท่าทางขยะแขยง
หลิวชิงซานไม่มีความเกรงใจ แต่เดิมก็ไม่แยแสกู้ฉวนลู่ เมื่ออาหารมาถึงก็กินอย่างมูมมามราวกับคนไม่ได้กินมานานหลายปี
กู้ฉวนลู่เห็นเขาดื่มไปเยอะขนาดนั้น ก็กลัวว่าเขาจะเมามายแล้วทำงานพลาด จึงรีบพูดว่า “ชิงซาน เจ้าอย่าดื่มเยอะเกินไป คนคนนั้นให้เวลาเจ้าแค่สองวัน”
หลิวชิงซานเรอเสียงดัง “ข้าจะไปหาฟ่างสี่ ตอนนี้นางคงจะมีชีวิตที่ดี ใส่เงินใส่ทองเหมือนคนมีเงิน ข้าเป็นสามีนาง เห็นคนจะตายจะไม่ช่วยได้อย่างไร”
“เจ้าคิดว่าฟ่างสี่จะช่วยเจ้าหรือ ตอนนั้นเจ้าทุบตีนางเกือบตาย เจ้าไปขอเงินนาง ถ้ากู้เสี่ยวหวานไม่ให้ ข้าไม่รู้ว่าฟ่างสี่จะช่วยเจ้าหรือไม่ แต่ข้ารู้ว่ากู้เสี่ยวหวานโหด นางไม่มีทางช่วยเจ้าแน่”
สิ่งที่กู้ฉวนลู่พูดมีเหตุผลแน่นอน
หลิวชิงซานคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่พักหนึ่ง สีหน้าก็ดูหมองลงเล็กน้อย