ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1235 เอาใจออกหาก
บทที่ 1235 เอาใจออกหาก
บทที่ 1235 เอาใจออกหาก
ลูกจ้างภายในร้านหลายคนที่ถูกมัดมือมัดเท้าต่างดิ้นขลุกขลักด้วยความหวาดกลัว สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่เจ้าหน้าที่อย่างหวาดระแวง
“หากพวกเจ้าไม่ยอมพูด ข้าก็ไม่อาจรับปากว่าเหล็กร้อนนี่จะไม่โดนผิวบาง ๆ บนกายของพวกเจ้า พวกเจ้าก็เห็นแล้วนี่ว่าของชิ้นเล็ก ๆ นี้ยังถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าสลายไปตามสายลม แต่ข้าเองก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันจะเจ็บสักเพียงใด พวกเจ้าอยากลองสักหน่อยหรือไม่?”
เหล็กด้ามยาวส่วนปลายคล้ายหอกแต่ไม่แหลมคมเท่า ถูกเผาด้วยเปลวไฟร้อนจนกลายเป็นสีแดง ทันทีที่เจ้าหน้าที่ยกมันขึ้นจากไฟ ไอควันน้อย ๆ พลันลอยขึ้นไปในอากาศ
ยามที่สายตาดุร้ายมองผ่านผู้ใด ร่างกายของผู้นั้นก็ต้องไหวสั่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เด็กหนุ่มคนใดขี้กลัวพลันสะอื้นไห้ด้วยความหวาดกลัว
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังกรอบแกรบตามมาด้วยกลิ่นไหม้ เด็กหนุ่มหน้าซีดเหงื่อเย็นผุดซึมหันมองเจ้าหน้าที่ที่แสยะยิ้มอย่างน่าหวาดกลัวจับใจจนควบคุมสติไม่ได้
เจ้าหน้าที่หันไปมองจุดที่เกิดกลิ่นไหม้ทันที ด้านเด็กหนุ่มทั้งหลายยิ่งทวีความหวาดกลัวขึ้นไปอีก เพราะต่อมาชายผู้นั้นหันกลับไปด้วยใบหน้าที่ยังคงเปื้อนรอยยิ้มชั่วร้าย ก่อนจะคว้าเหล็กร้อนไว้ในมือแล้วนำมันใส่กลับเข้าไปในเตาถ่าน รอให้มันถูกเผาไหม้จนได้ที่ก่อนจะยกขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็ค่อย ๆ เดินไปหาบรรดาเด็กหนุ่ม ทำทียื่นเหล็กแดงเข้าไปใกล้ ๆ หมายให้พวกเขาหวาดกลัวจนถึงขีดสุด
ระหว่างที่เดิน เขาก็พูดอย่างไม่สบอารมณ์สักเท่าไรว่า “บรรยากาศในห้องขังนี้ไม่สู้ดีเลย พวกเจ้าว่าอย่างนั้นหรือไม่? ดูพวกเจ้าสิ กลัวจนแทบเสียสติไปหมดแล้ว เช่นนั้นไม่สู้ลองเล่นกับเหล็กร้อนนี่สักหน่อย ไม่แน่ว่าพวกเจ้าอาจจะเพลิดเพลินได้ไม่น้อย เหมือนกับคนก่อนหน้าอย่างไรล่ะ อีกอย่างห้องขังของข้าจะได้แออัดน้อยลงสักหน่อย”
เจ้าหน้าที่ยกยิ้มมุมปากพลางเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่มผู้หนึ่งราวกับอสูรร้ายในขุมนรก เด็กหนุ่มผู้นั้นร้องลั่นอย่างหวาดกลัว หวังให้เขาหยุด แต่เจ้าหน้าที่ก็หาได้ฟังไม่ “เพียงพูดมาว่าผู้ใดฆ่าคน ข้าก็จะไม่ทำอันใดกับเจ้า!”
เด็กหนุ่มผู้นั้นเอาแต่กัดฟันแน่นไม่ยอมพูดสิ่งใดออกมา เจ้าหน้าที่เห็นเช่นนั้นก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง หยิบเหล็กร้อนขึ้นมาหมายจะใช้มันนาบลงไปบนเนื้อหนังเด็กหนุ่ม
ดวงตาของเด็กหนุ่มจับจ้องเหล็กร้อนที่กำลังจะนาบลงบนกายตน ในหัวพลันฉายภาพสหายคนเมื่อครู่ที่ดิ้นทุรนทุราย ปานจะขาดใจ เมื่อคิดว่าจะถึงคราวของตนจึงไม่อาจทนได้ และยอมจำนนทั้งน้ำตา “ยอมแล้ว ข้ายอมพูดแล้ว เป็นเถ้าแก่ที่ฆ่าคน เถ้าแก่ฆ่าคนผู้นั้น!”
การเคลื่อนไหวของเหล็กร้อนหยุดชะงักทันใด
เสี่ยวเหลียงจื่อได้ยินเช่นนั้นพลันพูดด้วยน้ำเสียงเดือดจัด “นี่เจ้าพูดบ้าอันใด เถ้าแก่ไปฆ่าคนยามใด? อย่าพูดไร้สาระ!”
เด็กหนุ่มผู้นั้นรีบหันใบหน้าที่ตื่นตระหนกระคนเสียใจมองไปทางเสี่ยวเหลียงจื่อ เขากลัวมากจริง ๆ
เพียงคิดว่าเหล็กร้อนนั่นจะเผาไหม้เนื้อหนังบนกายตน เขาแทบจินตนาการไม่ได้เลยความเจ็บปวดนั้นจะหนักหนาเพียงใด
ทันทีที่ได้ยินคำตำหนิจากเสี่ยวเหลียงจื่อ เด็กหนุ่มยิ่งหวาดกลัวจนลนลาน ทั้งรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันใด
เสี่ยวเหลียงจื่อเป็นสหายของเขา ตัวเขานั้นไร้บิดามารดาเลี้ยงดูตั้งแต่เด็ก ต่อมาเสี่ยวเหลียงจื่อไปทำงานเป็นเด็กรับใช้ที่ร้านจิ่นฝู เขาจึงไม่อาจทนอยู่อย่างโดดเดี่ยวไร้คนเหลียวแล จึงเสี่ยวเหลียงจื่อตามมาทำงานที่ร้านจิ่นฝู
ร้านจิ่นฝูให้ชีวิตใหม่แก่เขา ให้ข้าวให้น้ำ ให้แม้กระทั่งเสื้อผ้าและที่ชุกหัวนอน สิ่งเหล่านี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนโดนฉุดจากนรกขึ้นสู่สรวงสวรรค์ ในใจเขารู้สึกขอบคุณเสี่ยวเหลียงจื่อมาก ยิ่งกว่านั้นคือความซาบซึ้งที่มีต่อเถ้าแก่ที่เต็มใจรับเขาเข้าทำงาน
ด้วยเหตุนี้ ในยามที่เสี่ยวเหลียงจื่อบอกว่าจะมาที่ห้องขังนี้ เขาจึงได้ตามมาอย่างไม่ลังเลเพื่อตอบแทนบุญคุณที่อีกฝ่ายเคยช่วยเหลือ
แต่ทว่าการถูกขังคุกกับการถูกลงทัณฑ์นั้นเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เขาไม่รู้ว่าเมื่ออยู่ในห้องขังจะต้องถูกทรมานเช่นนี้ หากเขารู้มาก่อน ต่อให้เขามีความกล้าหาญอยู่เต็มร้อย ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่กล้าตามเข้ามาอยู่ดี
ไม่น่าตามเข้ามาเลย ไม่น่าเลย…เขาได้แต่นึกเสียใจภายหลังอยู่อย่างนั้น
หากเขาเลือกที่จะเป็นเพียงคนเร่ร่อน อยู่อย่างอดอยาก สวมเสื้อผ้าบาง ๆ หลับนอนอยู่ข้างทาง และเดินเตร็ดเตร่ไปตามท้องถนน ก็ยังดีเสียกว่าถูกทำเหมือนเป็นเนื้อบนเขียงอย่างตอนนี้
เด็กหนุ่มหวาดกลัวจนตัวสั่นเหมือนมดบนกระทะร้อน กลิ่นกายอันเหม็นอับก็ลอยออกมาจากร่างกายที่ไหวสั่นอย่างรุนแรง เขาหลับตาแน่นพลางพร่ำเพ้อออกมา “เถ้าแก่บอกว่าชายผู้นี้เป็นอันธพาล ปล่อยไว้ก็ขวางหูขวางตา เลยสั่งให้พวกเราวางยาให้เขาตายไปเสีย”
“เถ้าแก่ของพวกเจ้าเป็นถึงเสี้ยนจู่ที่ฮ่องเต้ทรงออกราชโองการด้วยตนเอง นางจะทำเรื่องโง่ ๆ อย่างการสั่งให้พวกเจ้าฆ่าคนในร้านจิ่นฝูได้อย่างไร”
เจ้าหน้าที่ไม่อาจเชื่อคำตอบที่ฟังดูไม่เข้าท่าของเด็กหนุ่มได้ในทันที จึงถามเสียงเข้ม
เดิมทีเด็กหนุ่มผู้นี้เรียกได้ว่าเป็นคนฉลาดคนหนึ่ง แต่เพื่อเอาชีวิตรอด เขากลับโพล่งออกมาโดยที่ไม่ได้ตรึกตรองให้ดีก่อน “คงเผลอใส่ยามากเกินไป จึงคิดไม่ถึงว่าเขาจะตายก่อนออกจากร้านจิ่นฝู”
“เจ้ามันสารเลว เสียแรงที่เถ้าแก่ปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดี นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะกล้าปั้นน้ำเป็นตัว ตอบแทนบุญคุณด้วยความแค้น เจ้ายังเป็นคนอยู่หรือไม่!” เสี่ยวเหลียงจื่อต่อว่าเด็กหนุ่มเสียยกใหญ่ แม้ทั้งมือทั้งเท้าจะถูกมัดด้วยเชือก และถูกแขวนไว้สูงเพียงใด แต่เขาก็ยังพยายามจ้องมองเด็กหนุ่มผู้ทำผิดต่อกู้เสี่ยวหวานอย่างโกรธเกรี้ยว
ด้านเด็กหนุ่มก็เอาแต่ก้มหน้าราวกับกลัวเสี่ยวเหลียงจื่อสุดใจ จริงอยู่ว่าเขาโกหก แต่นั่นก็เป็นเพราะสัญชาตญาณในการเอาชีวิตรอด
“พี่เหลียงจื่อ ข้าขอโทษ ข้ากลัว ข้ายังไม่อยากตาย” เด็กหนุ่มพูดพร้อมร่ำไห้ น้ำตาไหลอาบแก้ม ใบหน้าเศร้าโศก
“หากเจ้าจะเอาชีวิตรอด ข้าก็ไม่โทษเจ้า แต่เจ้าจะเอาน้ำสกปรกสาดใส่เถ้าแก่ไม่ได้ เจ้าเพียงรักษาชีวิตตน หรือแท้จริงแล้วเจ้าจงใจใส่ร้ายเถ้าแก่กันแน่” เสี่ยวเหลียงจื่อผิดหวังในตัวเด็กหนุ่มผู้นี้จริง ๆ เขาเคยคิดมาเสมอว่าสหายผู้นี้เป็นคนฉลาด จริงใจ ปากหวาน ขยันขันแข็ง หนักเอาเบาสู้ ผู้คนในร้านจิ่นฝูต่างก็ชื่นชมเขา
เสี่ยวเหลียงจื่อเห็นว่าร้านจิ่นฝูให้ชีวิตดี ๆ แก่เขา เขาเองก็พยายามทำงานให้ร้านจิ่นฝูอย่างเต็มที่เสมอมา จึงรู้สึกว่าตนคิดไม่ผิดที่พาเขาเข้ามาที่นี่
แต่มาคราวนี้ เขาได้รู้ซึ้งแล้ว
หากย้อนเวลากลับไปได้ เสี่ยวเหลียงจื่อคงปล่อยให้เขาอดตายยังดีเสียกว่าพาเขามาที่ร้านจิ่นฝู
ไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นเพียงชายผู้หนึ่งที่ขี้ขลาดตาขาว รักตัวกลัวตาย
“ข้าไม่น่าพาเจ้ามาที่ร้านจิ่นฝูเลย ข้าควรปล่อยให้เจ้าขอทานอยู่อย่างนั้นต่อไป ร้านจิ่นฝูเลี้ยงดูเจ้าอย่างดี ให้ที่อยู่ที่กินให้เสื้อผ้าดี ๆ ทั้งยังให้เงินค่าแรงแก่เจ้า เถ้าแก่เคยบอกเจ้าว่าอย่าใช้เงินตามอำเภอใจ ให้เก็บเงินไว้แต่งภรรยาบ้าง ยังบอกอีกว่าหากวันข้างหน้าเจ้าได้แต่งภรรยา จะให้ของขวัญชิ้นใหญ่แก่เจ้า บุญคุณท่วมท้นถึงเพียงนี้ เจ้ายังกล้าเนรคุณ เจ้ามันจิตใจเหี้ยมโหดเยี่ยงหมาป่า!”
เสี่ยวเหลียงจื่อโกรธจนอยากจะกินเลือดกินเนื้อคนผู้นี้เสียให้สิ้น
สถานการณ์ตรงหน้าพาให้เหล่าเด็กรับใช้ที่เหลือเงียบกริบ ไม่อาจพูดสิ่งใด ได้แต่ก้มหน้าลงมองพื้น นึกทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปพลาง ๆ
เด็กหนุ่มที่พึ่งถูกเหล็กร้อนแผดเผาซึ่งอยู่ข้าง ๆ เสี่ยวเหลียงจื่อรู้สึกตัวขึ้นจากการโดนสาดน้ำเย็น เนื้อตัวหนาวสั่น ทว่าเจ้าหน้าที่กลับหัวเราะเยาะพร้อมถามเสียงเย็นว่า “ผู้ใดเป็นคนสั่งให้พวกเจ้าฆ่าคน!”