ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1236 แพะรับบาป
บทที่ 1236 แพะรับบาป
บทที่ 1236 แพะรับบาป
เด็กหนุ่มท่าทางหวาดผวาราวกับมีกองทัพมดนับแสนกำลังรุมกัดกินเนื้อตัวเขา สายตาจ้องมองไปยังเหล็กที่ถูกเผาจนเป็นสีแดง ความแสบร้อนบนร่างกายยังไม่ทันได้จางหาย ทว่าร่างกายอันเจ็บปวดกลับต้องสั่นไหวอีกครั้ง
“อย่า… อย่าทำข้า” เด็กหนุ่มหวีดร้องตัวสั่น จ้องมองไปที่เหล็กร้อนแดงฉาน แทบอยากสลบไปอีกครั้ง
“เจ้านี่ช่างไม่ฉลาดอย่างสหายของเจ้าเอาเสียเลย เพียงบอกมาว่ากู้เสี่ยวหวานเป็นคนสั่งให้พวกเจ้าฆ่าคนหรือไม่ ข้าจะเลิกใช้เครื่องทรมานนี่” เจ้าหน้าที่จ้องมองด้วยดวงตาถมึงทึง ถือด้ามเหล็กร้อนไว้ในมือ ดูเหมือนจะสื่อว่า หากเจ้าไม่ยอมพูดสิ่งใด กายเจ้าจะต้องได้สัมผัสเหล็กร้อน ๆ นี่แน่นอน
เด็กหนุ่มผู้นี้เพิ่งได้ลิ้มรสชาติความเจ็บปวดจากเหล็กร้อน เขารู้ดีว่ายามที่มันสัมผัสกาย มันช่างเลวร้ายยิ่งกว่าตายเสียอีก
เขามองไปรอบ ๆ อย่างอ่อนแรง นอกจากตนที่ตื่นตกใจอยู่คนเดียว คนอื่น ๆ ที่เหลือต่างก็ไม่มีทีท่าหรือร่องรอยว่าจะโดนทรมานเช่นเขาแต่อย่างใด ดูท่าพวกเขาคงสารภาพอย่างที่เจ้าหน้าที่บอกแล้ว
เด็กหนุ่มรู้ดีว่าคำสารภาพนี้มันเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ อาจเพราะพวกเขากลัวการทรมานถึงได้พูดออกไปเช่นนั้น แต่เพื่อความอยู่รอด เขาเองก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องไหลตามน้ำไป
“ใช่ ๆ เถ้าแถ่เป็นคนสั่งให้วางยา นางเป็นคนสั่ง ใช่! ไม่ผิดแน่ เป็นนาง!” แรก ๆ เด็กหนุ่มลำบากใจอยู่ไม่น้อยที่ต้องทำเช่นนี้ ทว่าต่อมาเขาก็เป็นเหมือนกับคนอื่น ๆ ที่ผลักความผิดทุกอย่างไปให้กู้เสี่ยวหวานเพื่อเอาตัวรอด
“พูดจาเหลวไหล!” เสี่ยวเหลียงจื่อผู้ที่ทั้งสองมือถูดมัดแล้วห้อยอยู่กลางอากาศ ร่างกายสั่นไหวด้วยความโกรธ อยากจะทุบไอ้เด็กขี้โกหกที่อยู่ข้าง ๆ ให้หลังหักเสียเหลือเกิน
เห็นท่าทางดุเดือดเลือดพล่านของเสี่ยวเหลียงจื่อ เจ้าหน้าที่ก็ส่งเสียงหัวเราะน่ากลัวขนหัวลุกออกมาดังลั่นห้องขัง
จากนั้นก็ถือเหล็กร้อนไว้ในมือ แล้วค่อย ๆ ย่างก้าวเข้าไปหาบรรดาลูกจ้างที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น บางคนก็หวาดกลัวเกินกว่าจะอ้าปากพูด บางคนก็ตัวสั่นพร้อมพร่ำรำพันว่าได้รับคำสั่งจากกู้เสี่ยวหวาน
โชคดีที่มีบางคนยังคงยืนหยัดเช่นเดียวกับเสี่ยวเหลียงจื่ออยู่ คนอย่างพวกเขายอมตายไม่ยอมคด!
เจ้าหน้าที่ที่ยังคงถือเหล็กร้อนไว้ในมือเดินทีละก้าว ๆ ไปหยุดอยู่ตรงหน้าเสี่ยวเหลียงจื่อ ก่อนจะแสยะยิ้มแล้วพูดบางสิ่งหวังขู่ให้คนตรงหน้าหวาดกลัว “บัดนี้เหลือเจ้าผู้เดียวที่ไม่ยอมสารภาพเสียที ว่าอย่างไร… พยานตั้งมากมาย เจ้ายังคิดจะเล่นลิ้นอย่างนั้นหรือ!?”
สิ้นประโยคนั้น เสี่ยวเหลียงจื่อก็ถ่มน้ำลายใส่เจ้าหน้าที่ที่กำลังแสยะยิ้มอย่างไม่คิดเกรงกลัว “เจ้าอย่าได้คิดว่าข้าจะเป็นคนเนรคุณอย่างคนพวกนั้นเด็ดขาด! ให้ตายอย่างไรข้าก็ไม่มีวันใส่ร้ายเถ้าแก่อย่างพวกนั้นแน่ จะทำอันใดก็เชิญเลย!”
เจ้าหน้าที่ผู้ถูกถ่มน้ำลายใส่หน้าค่อย ๆ ยกมือเช็ดมันออก ก่อนจะตะคอกสุดเสียงทรงพลังว่า “บัดซบ! เจ้านี่มันอวดดีเสียจริง ข้าอุตส่าห์ไม่อยากทำให้เจ้าต้องทรมาน อย่าบังคับให้ข้าต้องใช้ตัวเจ้าลับคมดาบ!”
ก่อนหน้าที่เขาพึ่งกลับมาจากร้านจิ่นฝู ใต้เท้าลวี่บอกเขาด้วยตัวเองว่า ลูกจ้างผู้นี้ดูเหมือนจะสนิทสนมกันดีกับกู้เสี่ยวหวาน หากจะลงมือให้เริ่มจากคนผู้นี้ก่อน แต่อย่าใช้ตัวเขาลับคมดาบ เพียงแสดงให้เขาดูว่าการทรมานในห้องขังนั้นเป็นเช่นใด รอให้เขาสารภาพออกมาเอง
ทว่าจนป่านนี้ ทรมานคนก็แล้ว คนอื่น ๆ ก็ล้วนสารภาพแล้ว แต่คนผู้นี้กลับไม่มีวี่แววว่าจะสารภาพเสียที
คนอะไรช่างกระดูกแข็งเสียจริง!
“เหตุใดเจ้าจึงคิดว่ากู้เสี่ยวหวานจะช่วยเจ้า หากเจ้าไม่ยอมสารภาพว่านางเป็นคนสั่งให้พวกเจ้าฆ่าคน พวกเจ้าเองนั่นแหละที่จะกลายเป็นฆาตกร ถึงเวลานั้น พวกเจ้าก็จะเป็นแพะรับบาปให้คนอื่นโดยที่ไม่ได้สิ่งใดตอบแทนอย่างไม่รู้ตัว”
เจ้าหน้าที่พยายามพูดจูงใจอีกครั้ง
“อย่าลืมสิว่านายของเจ้าเป็นถึงขุนนางระห้า เสี้ยนจู่ที่ฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งด้วยตนเอง แม้นางจะทำเรื่องไม่ดี แต่หากนางไปร้องไห้อยู่เบื้องหน้าฮ่องเต้ บางทีฮ่องเต้ก็อาจใจอ่อนยอมปล่อยนางไป เพียงเท่านี้นางก็ไร้เรื่องกวนใจแล้ว พวกเราหรือจะขัดได้ คงได้แต่ไว้หน้าไว้ตานางจำต้องยอมปล่อยนางไปเช่นกัน”
“หึ! ช่างเป็นคำกล่าวหาที่ลวงโลกเสียจริง อย่าคิดว่าข้าจะเชื่อคำที่เจ้าให้ร้ายเถ้าแก่” เสี่ยวเหลียงจื่อพูดอย่างหนักแน่น ใบหน้าแน่วแน่ “บุญคุณที่เถ้าแก่มีต่อข้านั้นยิ่งใหญ่ราวขุนเขา แม้แต่ชีวิต ข้าก็ให้นางได้!”
เขาได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา จนบางคืนเขายังเก็บไปฝันว่าสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นหายไปราวกับถูกขโมย
“กู้เสี่ยวหวานมีบุญคุณอันใดกับเจ้านักหนา เจ้าถึงได้ปกป้องนางอย่างไม่คิดชีวิตขนาดนี้” ไม่เพียงเท่านั้น เจ้าหน้าที่ยังพูดเย้ยหยันต่ออีกว่า “หึ! เจ้าอย่าเอาแต่คิดว่านายของเจ้าเป็นคนดีสิ ข้าจะเล่าบางสิ่งให้เจ้าฟังก็ได้ จะได้หูตาสว่างเสียที ตอนที่ข้ากำลังจะคุมตัวพวกเจ้ามาที่นี่ กู้เสี่ยวหวานแอบกระซิบกับใต้เท้าของข้า โยนความผิดทั้งหมดให้พวกเจ้า หากพวกเจ้าตายหรือไม่ก็ยอมรับผิด ร้านจิ่นฝูของนางก็จะไร้มลทินแล้ว วัน ๆ หนึ่งร้านจิ่นฝูทำรายได้มากกว่าร้อยตำลึง เจ้าคิดว่านางจะโง่เลือกช่วยพวกเจ้าเพื่อปิดช่องทางหาเงินของตน แทนที่จะปิดปากพวกเจ้าเพื่อเปิดทางหาเงินอย่างนั้นน่ะหรือ?”
“เหลวไหล! เจ้าหยุดพูดจาไร้สาระเดี๋ยวนี้!” เสี่ยวเหลียงจื่อกัดฟันกรอด ก่อนจะตอบโต้อย่างเกรี้ยวกราด
ทว่าคำพูดของเจ้าหน้าที่กลับทำให้คนอื่น ๆ ที่เคยลำบากใจในยามที่พูดใส่ร้ายกู้เสี่ยวหวานหวนคิดว่า การกระทำของตนในครานี้ช่างซื่อตรงและเที่ยงธรรม
แต่ละคนต่างก็ส่งเสียงด่าทอออกมาไม่หยุด “นังสารเลว! ข้าว่าแล้วเหตุใดนางถึงได้จิตใจดีมีเมตตาขนาดนี้ ที่แท้นางก็คิดจะใช้เราเป็นแพะรับบาป บางทีนางอาจจะวางแผนฆ่าคนไว้ตั้งนานแล้ว วัน ๆ นางจึงแสร้งทำดีกับเรา หวังให้เราซาบซึ้งในสิ่งดี ๆ ที่นางมอบให้ แล้วยอมรับผิดแทนนาง โธ่เว้ย! ข้าอยากจะหั่นนางออกเป็นชิ้น ๆ”
เสียงด่าทอยังคงเปล่งออกมาเป็นระยะ ๆ “กู้เสี่ยวหวาน เจ้าจะต้องไม่ตายดี!”
เสี่ยวเหลียงจื่อใช้สายตากวาดมองบรรดาสหายที่กำลังเสียสติด้วยความตกใจ จนในที่สุดก็หยุดสายตาไว้ที่ใบหน้าเปื้อนยิ้มแฝงความนัยของไอ้เจ้าหน้าที่จอมลวงโลก ดูก็รู้ว่าคำพูดเหล่านั้นเป็นเพียงคำพูดยุแยงให้พวกเขาเข้าใจผิด จึงรีบร้องเตือนสติพวกพ้องทันใด “พวกเจ้าอย่าหลงเชื่อเขา เถ้าแก่ไม่มีวันทอดทิ้งพวกเรา อย่าไปหลงเชื่อคำพูดหลอกลวงของเขานะ”
“เจ้ายังไม่เชื่อข้าอีกหรือ?” เจ้าหน้าที่จ้องมองท่าทางโกรธเกรี้ยวของเสี่ยวเหลียงจื่ออย่างดูถูกเหยียดหยามพร้อมพูดยิ้ม ๆ ว่า “หากเจ้าไม่เชื่อ เช่นนั้นข้าขอถามเจ้าสักหน่อย เกิดเรื่องขึ้นที่ร้านจิ่นฝู ก็ควรเป็นนายของเจ้าสิที่ต้องถูกจับ แต่เหตุใดถึงได้ให้ข้ามาจับพวกเจ้าที่เป็นเพียงลูกจ้างในร้านที่ไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวอันใด พวกเจ้าไม่สงสัยเลยหรือว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?” พูดจบ เจ้าหน้าที่ก็เห็นว่าบางคนที่ก่อนหน้ายังไม่ยอมสารภาพค่อย ๆ เกิดความลังเล
เจ้าหน้าที่ยังพูดต่ออีกว่า “นางเป็นถึงขุนนางระดับห้า ตำแหน่งสูงส่ง แถมยังเปิดร้านจิ่นฝูที่ใหญ่โตโอ่อ่า มีทั้งเงินทั้งอำนาจ คราวนี้คนตายเป็นถึงรองหัวหน้ากลุ่มอันธพาลในเมืองหลิวเจีย ทว่าพวกอันธพาลก็ยังไม่กล้าทำอันใดกู้เสี่ยวหวานแม้แต่ปลายก้อย ต่างจากพวกเจ้าที่เป็นเพียงเด็กหนุ่มตัวเล็ก ๆ หากกู้เสี่ยวหวานตกลงกับพวกอันธพาลว่านางยอมให้ชีวิตพวกเจ้าแลกกับชีวิตคนตาย พวกเจ้าคิดว่าคนพวกนั้นจะปล่อยพวกเจ้าไปหรือ? จุ๊ ๆ พวกเจ้าอย่าโง่เง่าไปหน่อยเลย คนหาเช้ากินค่ำอย่างพวกเจ้าคิดจะปลิดชีวิตตนเพื่อปูทางให้คนอื่นอย่างนั้นหรือ?”