ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1240 จับนาง
บทที่ 1240 จับนาง
บทที่ 1240 จับนาง
ฉินเย่จือสัมผัสใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานอย่างอ่อนโยน ใบหน้าที่นุ่มนวลและเรียบเนียนดูเหมือนไข่ที่ปอกเปลือก เขาอยากจะครอบครองสิ่งนี้ไปตลอดชีวิต
แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือก เขาได้แต่มองกู้เสี่ยวหวานด้วยสายตาปลอบโยน จากนั้นก็เดินลงบันไดไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นฉินเย่จือเดินลงมา ลวี่เทาจึงพูดอย่างไม่พอใจ “ผู้ต้องสงสัยคือกู้เสี่ยวหวาน เจ้าจะลงมาทำไม ข้าจะไม่ปล่อยคนเลวไปและข้าไม่สามารถใส่ร้ายคนดีได้ เจ้ากลับไปเถอะ คนที่ข้าต้องการจับกุมคือเสี้ยนจู่ไม่ใช่เจ้า”
“ข้าเป็นคนรับใช้ของเสี้ยนจู่ หากเสี้ยนจู่กำลังทำสิ่งใด ข้าที่เป็นคนรับใช้ก็ต้องรับโทษแทน ท่านไม่ถามข้า แต่กลับไปถามนายข้า ท่านไม่คิดว่าสิ่งที่ท่านทำนั้นผิดขั้นตอนหรือ” ฉินเย่จือถามเขาด้วยใบหน้าเย้ยหยันราวกับกำลังตำหนิว่าลวี่เทาโง่เขลา
ลวี่เทาสำลัก ชายคนนี้รับมือยาก เขารู้ดี
เป็นสิ่งเดียวกันกับเหมียวเอ้อร์ในตอนนั้น แต่ในเวลานั้นลวี่เทาไม่รู้ว่าชายคนนี้มีความสามารถอะไร ดังนั้นจึงไม่ได้กังวลเกี่ยวกับอีกฝ่ายมากนัก แต่เมื่อภายหลังพบว่าเขามีศิลปะการต่อสู้ที่น่าทึ่ง จึงกลายเป็นว่ากู้เสี่ยวหวานมีมีดที่ดีอยู่ข้างกายนาง
ลวี่เทากำลังจะหันหลังให้เขา แต่เจ้าหน้าที่อยู่ข้าง ๆ รีบเข้ามาเกลี้ยกล่อม “ใต้เท้า เป็นเรื่องดีที่ชายคนนี้จะมากับเรา ชายผู้นี้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ ถ้าเขาต้องการช่วยกู้เสี่ยวหวาน เราจะรับมือเขาไม่ได้เลย อย่างไรก็ตาม ถ้าเราตัดมือขวาของกู้เสี่ยวหวานออก…”
เสียงของเจ้าหน้าที่ผู้นั้นแผ่วเบา และเมื่อลวี่เทาได้ยินก็เข้าใจในทันที “ตามที่เจ้าพูด ถ้าจับเขาไปจะเป็นประโยชน์สำหรับเรา”
จากนั้น เมื่อมองไปที่ฉินเย่จือ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปและตะโกนว่า “พวกเจ้า มาจับเขาไป!”
เจ้าหน้าที่รีบไปข้างหน้าและจับตัวฉินเย่จือไว้
สิ่งที่ลวี่เทาและทั้งสองพูดในตอนนี้ เพราะกู้เสี่ยวหวานอยู่ไกลและไม่รู้ศิลปะการต่อสู้ นางจึงไม่ได้ยิน แต่อาจั่วได้ยินมันอย่างชัดเจน หากแต่ก็ยังแสร้งทำเป็นมองลวี่เทาอย่างเมินเฉย จากนั้นจับมือของกู้เสี่ยวหวานและกระตุกยิ้มขึ้นมุมปาก
เมื่อเห็นว่าฉินเย่จือถูกพาตัวไป กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกปวดร้าวไปทั่วทั้งหัวใจ หากอาจั่วไม่ประคองนางเอาไว้ นางคงจะพุ่งไปหาอีกฝ่ายแล้ว
“คุณหนู ท่านไม่ต้องกังวลไป ทำตามที่พี่ใหญ่ฉินบอกเถอะ บางทีเราอาจจะหาหลักฐานเอาผิดลวี่เทาได้”
อาจั่วจับมือกู้เสี่ยวหวานแน่นและเอ่ยปลอบโยน
กู้เสี่ยวหวานเดิมทีมีนิสัยสงบนิ่ง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเรื่องของฉินเย่จือ ความสงบและความสามารถในการคิดทั้งหมดก็สูญเสียการควบคุม จิตใจของนางเต็มไปด้วยเรื่องของฉินเย่จือ
หลังจากได้ยินคำพูดของอาจั่ว นางก็กลับมามีสติอีกครั้งและพยักหน้า “เจ้าพูดถูก เจ้าพูดถูก”
ฉินเย่จือถูกมัดโดยเจ้าหน้าที่หล่านั้นและจากไป ลวี่เทาเอามือไพล่หลังแล้วพูดอย่างตื่นเต้น “เสี้ยนจู่ บ้านเมืองมีกฎหมาย เมื่อฆ่าคนก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต สัจธรรมเปลี่ยนแปลงไม่ได้ แม้ว่าเจ้าจะบอกว่าไม่มีหลักฐานแน่ชัดที่จะพิสูจน์ว่าเป็นเจ้าที่ลงมือ แต่ความชอบธรรมมีในโลก และทุกคนมีการชั่งน้ำหนักอยู่ในใจ ไม่ว่าเจ้าจะทำหรือไม่ เมื่อกลับไปสอบสวนข้าก็จะรู้”
หลังจากพูดจบ ลวี่เทาก็จ้องมองที่กู้เสี่ยวหวานอย่างดุดันราวกับว่าการที่กู้เสี่ยวหวานไม่ยอมรับ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกไม่สบายใจ
ฉินเย่จือหันศีรษะของเขามองไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างปลอบโยน
กู้เสี่ยวหวานกำหมัดแน่น ดวงตาของนางเต็มไปความแน่วแน่ และมองฉินเย่จือด้วยความวางใจ หลังจากนั้นไม่นาน ลวี่เทาก็พาฉินเย่จือออกไป โดยมีผิงเอ๋อร์ตามไปไม่ห่าง
ยังมีจูเหล่าซานและพวกอันธพาลบางคนในชุดสีดำยืนอยู่ที่ประตูร้านจิ่นฝูของกู้เสี่ยวหวาน พวกเขาจ้องมองกันและกัน ในตอนแรกมือของทุกคนยังว่างเปล่า จากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็หยิบมีดขนาดใหญ่ที่ส่องประกายจ้องมองไปที่ผู้คนที่อยู่หน้าประตูร้านจิ่นฝู
ท้องฟ้าเริ่มสว่างแล้ว เมื่อมีเรื่องสนุกเกิดขึ้นที่ทางเข้าร้านจิ่นฝู ผู้คนจึงมารวมตัวกันที่ทางเข้าร้านเพื่อดูความสนุก แต่ตอนนี้เมื่อเห็นคนถือมีดเล่มใหญ่จำนวนมาก ทุกคนรู้สึกหวาดวิตกเล็กน้อย
มีดเล่มนั้นหากถูกฟันเข้าส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายคงไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ อย่าเอาความสนุกเป็นที่ตั้ง การเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงคงจะไม่คุ้ม
เป็นผลให้ทุกคนถอยห่างไปไกลเพราะกลัวว่ามีดเล่มใหญ่จะย้ายมาอยู่บนร่างกายตนเอง
ตอนนี้มีกลุ่มคนมากมายยืนอยู่หน้าทางเข้าของร้านจิ่นฝู แต่ในพริบตาคนทั้งหมดวิ่งหนีเตลิดหายไปอย่างไร้ร่องรอย มีเพียงกลุ่มอันธพาลในชุดดำอยู่หน้าประตู และยังมีกู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ยืนอยู่ที่ประตูของร้านจิ่นฝูเช่นกัน พวกเขาทำได้เพียงมองหน้ากันและกัน
จูเหล่าซานไม่คาดคิดว่าฉินเย่จือจะถูกพาตัวไป แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีความสุขมาก เขามองผู้คนที่ยืนอยู่ที่ประตู พ่อครัวสองคน ผู้หญิงสองคนที่ดูอ่อนแอไม่สามารถช่วยอะไรได้ และมีเด็กอีกหนึ่งคน
ดังนั้นเขาจึงเกิดความคิดดี ๆ ขึ้นมาหนึ่งความคิด เมื่อนึกถึงความสูญเสียที่เขาได้รับในร้านจิ่นฝูและความสูญเสียที่ได้รับในสวนกู้เมื่อวานนี้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องโยนความสูญเสียนี้กลับไปให้ได้
วันนี้พวกเขาจึงพกอาวุธมามากมาย จากนั้นจูเหล่าซานก็แสยะยิ้มและพูดอย่างประชดประชัน “กู้เสี่ยวหวาน เจ้าฆ่าพี่รองของข้า วันนี้ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะล้างแค้นให้พี่รองของข้า ทุกคนไปจับตัวหญิงคนนี้มา ข้าจะให้รางวัลอย่างงาม”
จูเหล่าซานตวาดเสียงดังลั่น แล้วคนเหล่านั้นจะกล้าขัดคำสั่งได้อย่างไร คนไม่กี่คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าพวกเขา มีทั้งพ่อครัว เด็กและผู้หญิงอ่อนแอสองคน ถ้าจับผู้หญิงคนนั้นได้จะได้รับรางวัลอย่างงาม พวกเขาจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร
นี่เป็นการให้เงินตัวเองชัด ๆ เลยไม่ใช่หรือ?
ดังนั้นพวกอันธพาลจึงถือมีดไว้ในมือ ส่งเสียงตะโกนเอ็ดตะโรและวิ่งไปที่ประตูร้านจิ่นฝูเพื่อจะจับกู้เสี่ยวหวานอย่างกระตือรือร้น
กู้เสี่ยวหวานยืนนิ่งอยู่ที่ประตู
กู้หนิงผิงหยุดอยู่หน้ากู้เสี่ยวหวาน ใช้แขนของเขาที่ดูอ่อนแอแต่ให้ความรู้สึกปลอดภัยเพื่อปกป้องกู้เสี่ยวหวานที่อยู่ข้างหลังเขา “ท่านพี่ ไม่ต้องกลัว”
แม้ว่าพวกอันธพาลเหล่านั้นจะมีมีดอยู่ในมือ แต่ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็เป็นแค่อันธพาล พวกเขาอาศัยสิ่งของที่อยู่ในมือเพื่อข่มขู่คนทั่วไป แต่มันไม่ได้ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อกู้หนิงผิงเลย
ทุกการเคลื่อนไหวของกู้หนิงผิงได้รับการสอนโดยฉินเย่จือ แล้วฉินเย่จือคือใครกันล่ะ
เขาคือปีศาจในสนามรบ