ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1244 ไม่โทษเจ้า
บทที่ 1244 ไม่โทษเจ้า
บทที่ 1244 ไม่โทษเจ้า
ใบหน้าของฉินเย่จือมีรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลาเหมือนกับมีความคาดหวังอยู่เล็กน้อย ลวี่เทาเห็นแล้วในใจก็รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที จึงเข้าไปใกล้ ๆ แล้วกล่าวต่อว่า “ครอบครัวพ่อตาของข้าอยู่ในเมืองหลวง เขาเป็นคนที่มีหน้ามีตา พี่เขยของข้าก็เป็นขุนนางระดับห้า ตำแหน่งของเขาก็ค่อย ๆ ก้าวหน้าขึ้น อนาคตข้างหน้านั้นก็ยังอีกยาวไกลที่จะมากด้วยอำนาจ ไม่เหมือนกับกู้เสี่ยวหวานที่มีชีวิตที่ดี ฝ่าบาทได้พระราชทานแต่งตั้งให้นางเป็นเสี้ยนจู่โดยตรง แต่ได้รับพระราชทานแต่งตั้งเป็นเสี้ยนจู่แล้วอย่างไรล่ะ ก็เป็นเพียงแค่หญิงสาวชนบทที่มีชีวิตที่ดีก็เท่านั้น ยากจะโบยบินขึ้นไปบนกิ่งไม้กลายเป็นหงส์จริง ๆ หากเจ้ารู้ว่าควรจะทำเช่นไรก็มาติดตามข้า เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะหาแม่นางที่ฐานะดีหน้าตางดงามยิ่งกว่าให้เจ้า รับรองว่าดีกว่ากู้เสี่ยวหวานนั่นเป็นพันเป็นหมื่นเท่าแน่นอน”
ลวี่เทามีสีหน้าตื่นเต้นและมองฉืนเย่จืออย่างคาดหวัง สีหน้านั้นดูเปล่งประกายเล็กน้อย
บางทีอาจเป็นเพราะหลายปีที่ผ่านมานี้ นี่จึงเป็นความฝันของลวี่เทาเสียเอง
แต่ว่าความฝันเช่นนี้ กลัวว่าชีวิตที่ยากจนนี้ก็ไม่สามารถทำได้แล้ว
ลวี่เทารอคอยคำตอบของฉินเย่จืออย่างตื่นเต้นก็เห็นรอยยิ้มเหยียดหยามบนใบหน้าของฉินเย่จือ “ใต้เท้าลวี่ ท่านต้องการให้ข้าทำอย่างไร”
“เจ้าแค่เพียงเป็นพยานว่ากู้เสี่ยวหวานวางยาในจอกเหล้า ฆ่าคนตาย ข้าจะรีบเขียนจดหมายส่งให้พี่เขยของข้าทันที ขอให้พี่เขยของข้าช่วยหาตำแหน่งดี ๆ ให้เจ้า” ลวี่เทาพูดอย่างตื่นเต้น
ดูเหมือนว่าสิ่งที่อาจารย์กล่าวไว้นั้นจะไม่ผิด ฉินเย่จือเป็นมือซ้ายมือขวาของกู้เสี่ยวหวาน ถ้าหากมือของนางถูกตัดแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็เป็นเนื้อบนเขียงให้เขาเชือดแล้ว
แต่ว่าหากรวมฉินเย่จือนี้ไว้ด้วยเล่า? ดาบของคนอื่นกลายมาเป็นดาบในมือของตัวเอง
ผู้ที่กระทำการใหญ่จะไม่ใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อย ลวี่เทาคิดว่าตัวเองจะประสบความสำเร็จในเรื่องที่ใหญ่ อีกทั้งคนที่ขี้ขลาดไม่นับเป็นสุภาพบุรุษ คนที่ไม่เหี้ยมโหดไม่นับเป็นชายชาตรี ถ้าฉินเย่จือจะเปลี่ยนเส้นทางจริง ๆ ลวี่เทาเองก็ไม่รู้สึกแปลกใจเลยแม้แต่น้อย
ถ้าหากเป็นเขา เมื่อมองเห็นโอกาสดี ๆ ก็ย่อมต้องเลือกบินเกาะกิ่งไม้ที่สูงกว่า
เพียงแต่ลวี่เทาเป็นคนต่ำต้อย ก็ย่อมคิดว่าคนอื่นนั้นเป็นคนต่ำต้อยเหมือนเขา
กู้เสี่ยวหวานเป็นผู้ใด ฉินเย่จือเป็นผู้ใด
ไม่ต้องเอ่ยถึงอำนาจและความมั่งคั่งที่ล้นมือ เพียงแค่พูดถึงการชักศึกไปข้างหน้า ฆ่าคนมากมายจนไม่อาจนับได้อย่างชั่วร้าย ความกล้าหาญเยี่ยงวีรบุรุษเช่นนี้ก็เป็นสิ่งที่ลวี่เทาคิดไม่ถึง
ลวี่เทาคิดว่าคำพูดของตัวเองนั้นสามารถโน้มน้าวใจฉินเย่จือได้ จึงรอคอยคำตอบจากฉินเย่จือด้วยความคาดหวัง
ฉินเย่จือยกยิ้มเย็นชา “ถ้าหากข้าไม่ทำเล่า?”
ลวี่เทาเองก็เดาได้ว่าฉินเย่จือจะต้องถามเช่นนี้ สีหน้าที่คาดหวังก็พังทลายลงในชั่วพริบตา ใบหน้ามืดครึ้มพูดอย่างหม่นหมองว่า “เจ้าก็เป็นแค่สุนัขรับใช้ของกู้เสี่ยวหวานเท่านั้นเอง เจ้าโจมตีขุนนางของราชสำนัก ถูกแทงด้วยดาบจนตาย ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่หรือ”
“เพียงแต่…” ลวี่เทาเปลี่ยนเรื่องและกล่าวต่อ “ข้าให้เวลาเจ้าคิด ถ้าหากว่าเจ้าเห็นด้วย ข้าจะปล่อยเจ้าไป ถ้าหากเจ้าไม่เห็นด้วยก็อย่าโทษข้าที่ไร้ความปรานี ครั้งนี้กู้เสี่ยวหวานกระโดดลงไปในแม่น้ำก็ล้างไม่สะอาดแล้ว เจ้ายังจะอุ้มเรือที่อับปางก็อย่ารอให้เรือจมลง นอกจากจะช่วยนางไม่ได้แล้ว ตัวเจ้าเองก็ยากที่จะปกป้องตัวเอง”
กล่าวจบก็มองฉินเย่จืออย่างมีความหมาย หลังจากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อจากไปอย่างสง่าผ่าเผย
มุมปากของฉินเย่จือมีรอยยิ้มถากถาง เมื่อมองไปรอบ ๆ ก็เห็นคนผู้หนึ่งอยู่ไม่ไกลเหมือนกับตัวเอง สองมือห้อยลง บนร่างกายนั้นเต็มไปด้วยรูพรุน ศีรษะห้อยตกลงมาเหมือนกับว่าหมดสติไปแล้ว
ร่างนี้ดูเหมือนกับลูกจ้างของร้านจิ่นฝู… เสี่ยวเหลียงจื่อ
ไม่เจอเพียงแค่คืนเดียว คนผู้นี้ก็ถูกทำร้ายจนกลายเป็นเช่นนี้แล้ว เมื่อเห็นเยี่ยงนี้ เมื่อคืนลวี่เทาคงทรมานเขาไม่น้อยเลย
ม่านตาของฉินเย่จือหดแคบ
ในห้องสอบสวนเล็ก ๆ นี้เต็มไปด้วยเครื่องมือที่ใช้สำหรับสอบสวนนักโทษ เมื่อมองผ่านแสงไฟสลัว ๆ ก็เหมือนจะยังมองเห็นคราบเลือดที่เปรอะเปื้อนบนเครื่องมือที่ใช้ทรมานและยังได้กลิ่นคราวเลือดโชยมาด้วย
ดูเหมือนว่าคนของศาลาว่าการนี้จะโหดเหี้ยมไม่น้อยไปกว่าคนในราชสำนัก
เพียงแต่ศาลาว่าการหลังเล็ก ๆ นี้ คาดไม่ถึงว่าจะยังเก็บซ่อนเครื่องมือทรมานจำนวนมากไว้โดยไม่ได้รับอนุญาต และยังไม่รู้ว่าลวี่เทาผู้นี้ได้ตัดสินนักโทษไปแล้วกี่คน ใช้เครื่องมือทรมานทั้งทำร้ายผู้บริสุทธิ์ไปมากเท่าใดแล้ว
“อืม” ได้ยินเสียงคร่ำครวญอย่างแผ่วเบาราวกับเจ็บปวดอย่างมากดังมาจากเสี่ยวเหลียงจือที่อยู่ตรงข้าม
ฉินเย่จือรีบตะโกนเบา ๆ ว่า “เสี่ยวเหลียงจื่อ”
เนื้อบนร่างกายโดนเหล็กและแส้ฟาดจนเป็นรอยไหม้ราวกับถูกไฟเผา ตัวเขาถูกแขวนไว้เช่นนี้ทั้งคืนแล้วปากจึงแห้งผาก ไม่ง่ายเลยที่กว่าจะสติฟื้นขึ้นมาได้ ครั้นได้สติขึ้นมาก็ได้ยินเสียงเรียกจากฝั่งตรงข้าม
เสี่ยวเหลียงจื่อพยายามใช้แรงอย่างมากในการเงยหน้าขึ้น เมื่อลืมตาขึ้นมองไปตามทิศทางของเสียง พอเห็นคนที่อยู่ตรงข้าม คาดไม่ถึงว่าจะเป็นฉินเย่จือ ดวงตาของเสี่ยวเหลียงจื่อก็สว่างขึ้น “พี่ใหญ่ฉิน…”
หลังจากนั้นก็ร้องไห้ออกมาอย่างเศร้าเสียใจ “พี่ใหญ่ฉิน ข้าขอโทษท่านและเถ้าแก่ด้วย ฮือ ๆ พวกเขา… พวกเขาทั้งหมด”
เมื่อวานนี้ยังมีหลายคนที่มาที่นี่พร้อมกับเสี่ยวเหลียงจื่อ ตอนนี้เหลือเพียงเสี่ยวเหลียงจื่อที่ร่างกายบาดเจ็บทั่วทั้งตัวอยู่ที่นี่ จู่ ๆ ก็ยังมีข่าวออกมาว่ากู้เสี่ยวหวานให้พี่ชายวางยาฆ่าคน
ฉินเย่จือพูดต่อ “เสี่ยวเหลียงจื่อ เจ้าอย่าเสียใจไปเลย เถ้าแก่จะมาช่วยพวกเราออกไปเร็ว ๆ นี้”
“แต่ว่า…” เสี่ยวเหลียงจื่อพยายามส่งเสียงพูด “พวกเขาใส่ร้ายเถ้าแก่ บอกว่าเถ้าแก่บังคับให้พวกเขาทำ คนพวกนี้ใส่ร้ายเถ้าแก่อย่างไร้เหตุผล ทำให้เถ้าแก่ต้องได้รับความไม่เป็นธรรมเช่นนี้ ในใจข้าเสียใจนัก”
ในกลุ่มพวกเขามีหลายคนที่ทรยศต่อกู้เสี่ยวหวาน ทว่าก็เป็นเสี่ยวเหลียงจื่อที่แนะนำพวกเขาให้มาทำงานที่ร้านจิ่นฝู ไม่นึกว่าคนเหล่านี้กลับทรยศกู้เสี่ยวหวาน เสี่ยวเหลียงจื่อจึงเสียใจ
เมื่อพูดถึงความเจ็บปวดและโศกเศร้านี้ ด้วยความไม่ระวังจึงกระทบบาดแผลเข้า มันเจ็บเสียจนเขาต้องขบฟันกลั้นเสียงร้อง
ฉินเย่จือเห็นเขาเสียใจจึงรีบปลอบใจเขาว่า “เสี่ยวเหลียงจื่อ เจ้าอย่าเสียใจเลย เถ้าแก่จะต้องมาช่วยพวกเรา พวกเราและเถ้าแก่จะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน”
“ฮือ ๆ จริงหรือ?” เสี่ยวเหลียงจื่อร้องคร่ำครวญ แต่ว่าเสียงสะอึกสะอื้นตอนนี้นั้นเบากว่าเมื่อครู่นี้มาก
“วางใจได้เลย” ฉินเย่จือพูดปลอบใจ
ในคุกใต้ดินนี้มองไม่เห็นแสงของดวงอาทิตย์ด้านนอกแม้แต่น้อย ในขณะที่ด้านนอกนี้เป็นเวลาเช้า แสงแดดข้างนอกจะต้องดีมากแน่ ๆ
ฉินเย่จือหลับตาลงพลางครุ่นคิดว่าจะช่วยกู้เสี่ยวหวานล้างมลทินนี้ได้อย่างไร เดิมทีเสี่ยวเหลียงจื่อยังอยากพูดต่อ แต่เมื่อเห็นฉินเย่จือหลับตาแล้ว เขาก็ปิดปากไม่พูดอีก สุดท้ายก็หลับตาลงด้วยเช่นกัน