ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1254 เหลยต้าเซิ่งคิดจะหนี
บทที่ 1254 เหลยต้าเซิ่งคิดจะหนี
บทที่ 1254 เหลยต้าเซิ่งคิดจะหนี
ค่ำคืนที่ยังดูมืดมน ทว่าแสงสว่างแห่งรุ่งอรุณกำลังโรยตัวปกคลุมความมืดมิด
ในร้านยาด้านในมืดสนิท บริเวณรอบ ๆ เงียบสงบ จึงได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากข้างใน
เหลยต้าเซิ่งกำลังตั้งหน้าตั้งตาเก็บข้าวของจนมือเป็นระวิง ไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำสิ่งใด
ต่อมาประตูก็ค่อย ๆ ถูกผลักออก เหลยต้าเซิ่งก้าวออกไปตรงหน้าประตูพร้อมกับข้าวของพะรุงพะรัง กวาดตามองรอบ ๆ อย่างระมัดระวังราวกับกำลังทำสิ่งไม่ดี
สิ่งแรกที่เขาทำคือ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีผู้ใดอยู่แถวนี้ ทว่าในขณะที่เขากำลังจะก้าวออกจากประตู กลับมีเท้าของคนผู้หนึ่งถีบเขากลับเข้าไปในห้องทันที
แรงถีบหนักหน่วงจนเหลยต้าเซิ่งตัวลอยบนกลางอากาศ ก่อนจะตกลงกับพื้นเสียงดังตุ้บ
เหลยต้าเซิ่งร้องโอดโอยเบา ๆ ราวกับเขากลัวผู้ใดได้ยิน แม้ร่างกายจะเจ็บปวดเพียงใดก็ได้แต่กลั้นเสียงเอาไว้
แม้ตัวจะล้ม ทว่าสองมือยังคงกำห่อผ้าในมือแน่น แขนเขาปวดร้าวราวกับกระดูกหัก มันทำให้เขาไม่อาจลุกขึ้นได้ ทำได้เพียงนอนบนพื้นอยู่นานสองนาน
ตัวเหลยต้าเซิ่งเองก็รู้สึกว่ากระดูกในร่างกายของเขาแตกหัก แต่เมื่อนอนพักบนพื้นอยู่นาน เขาก็รู้สึกว่าความเจ็บค่อย ๆ ทุเลาลง จึงพยายามพยุงตัวขึ้น
ขณะที่กำลังคลานก็ก่นด่าคนทำไปด้วย “ไอ้ชั่วคนใดบังอาจมาทำร้ายข้า”
“ผัวะ!” เหลยต้าเซิ่งพูดยังไม่ทันขาดคำ ก็ถูกตบจนหน้าหัน
“อุ๊ก…” การโจมตีคราวนี้รุนแรงมาก เหลยต้าเซิ่งถึงกับกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ทันใดนั้น ไฟในห้องพลันสว่างพรึบ เหลยต้าเซิ่งจึงได้เห็นโฉมหน้าโหดเหี้ยมของบุรุษที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาอย่างชัดเจน
อาโม่ถือดาบเล่มหนึ่งไว้ในมือ ยืนกอดอกมองเหลยต้าเซิ่งอย่าเฉยชา ค่ำคืนอันมืดมิดนี้สว่างไสวด้วยแสงเทียน เหลยต้าเซิงกระอักเลือดออกมาอีกคำหนึ่ง กุมคอตนไว้พร้อมก่นด่าออกมา “ไอ้ลูกหมา เจ้ากล้าดีอย่างไร!”
“ผัวะ” เหลยต้าเซิ่งพูดจบก็ถูกตบอีกครั้งจนมึนงงไปหมด “เจ้ากล้าตีข้า!”
เหลยต้าเซิ่งถูกอาโม่ตบอีกครั้ง เขารู้สึกราวกับว่าฟันในปากหายหมดแล้ว สับสนมึนงงไปหมด
“จะ… เจ้าจะทำอันใดข้า” เหลยต้าเซิ่งไม่กล้ายั่วโมโหอาโม่อีกแล้ว ไม่กล้าแม้แต่จะอ้าปากด่าทอสิ่งใดอีกฝ่าย ด้วยกลัวว่าจะต้องโดนตบหน้าอีก จึงได้แต่มองอาโม่ในขณะที่ร่างกายสั่นเทา “เจ้าบุกรุกเข้ามาในที่ของข้า ข้าจะไปร้องเรียนต่อศาลาว่าการแน่”
อาโม่หัวเราะเยาะเย้ยทันที
“หมอเหลย รีบ ๆ ไปร้องเรียนเลย ข้ากำลังคิดว่าจะพาท่านไปที่นั่นอยู่พอดี ข้าก็กังวลอยู่ว่าท่านจะไปกับข้าหรือไม่” จู่ ๆ เสียงอันเย็นเยียบดังมาจากด้านหลังอาโม่
หัวใจของหมอเหลยพลันสั่นสะท้าน เมื่อชะโงกไปมองก็พบเข้ากับสาวสวยนั่งหลังตรงอยู่บนเก้าอี้ด้านหลังอาโม่ กำลังมองมาที่เขาพร้อมกับรอยยิ้ม
มองดูดี ๆ นั่นมันเป็นผู้ใดไปไม่ได้ นอกจากกู้เสี่ยวหวาน!
เหลยต้าเซิ่งตกใจ กู้เสี่ยวหวานมาที่นี่กลางดึกเพื่อทำสิ่งใด!? เรื่องไม่ดีแวบเข้ามาในหัว ถ้าไม่ใช่เพราะ…
เหลยต้าเซิ่งรีบทำเป็นนิ่งทันที ปล่อยห่อผ้าในมือ แล้วพูดกับกู้เสี่ยวหวานว่า “ที่แท้ก็เป็นเสี้ยนจู่นี่เอง ข้าก็นึกว่าคนร้ายที่ไหนบุกเข้ามากลางดึก”
ดูเหมือนเหลยต้าเซิ่งกำลังสื่อว่ากู้เสี่ยวหวานที่ดึกดื่นไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน แต่กลับมาบุกรุกบ้านคนอื่น
กู้เสี่ยวหวานยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นมายืนข้าง ๆ อาโม่ จับจ้องสีหน้าข้องใจของเหลยต้าเซิ่ง “แล้วหมอเหลยเล่า ดึกดื่นขนาดนี้ยังไม่นอน กำลังทำสิ่งใดอยู่หรือ?”
“ขะ ข้า…” เหลยต้าเซิ่งโดนกู้เสี่ยวหวานถามกลับ เขาจึงกระวนกระวายใจรีบอธิบายทันที “ข้านอนไม่หลับ ก็เลยจะออกไปเดินเล่นเฉย ๆ ”
“อ๋อ…” กู้เสี่ยวหวานก็ทำท่าเหมือนเข้าใจได้ทันที “ออกไปเดินเล่นกลางดึก ต้องเอาสิ่งของมากมายไปด้วยหรือ? หากข้าไม่รู้ว่าหมอเหลยกำลังจะออกไปเดินเล่น ข้าคงคิดว่าหมอเหลยจะหลบหนีเพราะกลัวความผิด”
กลัวความผิดแล้วหลบหนี!?
เหลยต้าเซิ่งหดหัวลงเล็กน้อย ดวงตาล่อกแล่กลนลาน ชั่วพริบตาเขาก็กลับมาเป็นปกติพร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “หลบหนีอันใดกัน ข้าว่าเจ้าอย่าพูดส่งเดชเลย แม้ว่าเจ้าจะเป็นเสี้ยนจู่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะใส่ร้ายคนรากหญ้าอย่างไรก็ได้นะ”
“ใส่ร้ายอย่างนั้นหรือ?” กู้เสี่ยวหวานถามอย่างสับสน “หมอเหลยออกจากบ้านกลางดึกเพื่อไปเดินเล่นกับสิ่งที่มีค่ามากมายเช่นนี้ ไม่กลัวว่าระหว่างทางจะถูกปล้นเอาหรือ? หากเป็นเช่นนั้นสมบัติที่ท่านตรากตรำทำงานหนักมาทั้งชีวิตนี้จะไม่สูญเปล่าหรอกหรือ”
“ของเหล่านี้เป็นเพียงของที่ข้าไม่ต้องการแล้ว ข้าก็แค่จะเอามันไปทิ้ง” เมื่อเห็นสายตาของกู้เสี่ยวหวานกำลังมองมาที่ห่อผ้าของตน เหลยต้าเซิ่งรีบอธิบายทันที
สายตาแหลมคมของกู้เสี่ยวหวานยังคงมองห่อผ้าที่อยู่ด้านหลังของเหลยต้าเซิ่งไม่หยุด ทันทีที่เหลยต้าเซิ่งเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานมองสิ่งใดอยู่ เขากำลังจะรีบคว้าห่อผ้าเหล่านั้น ทว่าเขาไม่อาจเทียบความเร็วของอาโม่ได้
อาโม่คว้าห่อผ้ามาไว้ในมือ จากนั้นก็กระชากมันให้เปิดออก ทำให้ข้าวของทั้งหลายที่อยู่ข้างในนั้น ตกลงไปกองบนพื้น
ตั๋วเงิน เหรียญทองแดง ทองคำ และเครื่องประดับเงิน เครื่องประดับทองบางส่วนหล่นลงมาจากห่อผ้า กระจัดกระจายไปทั่วพื้น
เมื่อเห็นสมบัติของตนหล่นลงบนพื้น เหลยต้าเซิ่งก็คลานไปเก็บอย่างทุลักทุเล
กู้เสี่ยวหวานยิ้มเยาะไปหนึ่งที “หมอเหลยช่างใจกว้างยิ่งนัก ทรัพย์สมบัติเงินทองมากมายถึงเพียงนี้ ท่านยังบอกว่าไม่ต้องการแล้ว ในเมื่อท่านไม่ต้องการข้าวของเหล่านี้แล่ว เช่นนั้นมอบมันให้ข้าได้หรือไม่?”
“กู้เสี่ยวหวาน เจ้ารังแกคนมากเกินไปแล้ว” บัดนี้เหลยต้าเซิ่งทนไม่ไว้แล้ว หลังจากหยิบข้าวของมากมายใส่กลับลงไปในห่อผ้าแล้ว เขาก็ลุกขึ้นชี้หน้ากู้เสี่ยวหวานพร้อมกับต่อว่านางไปหนึ่งยก “ของของข้า ข้าจะทำอย่างไรกับมันแล้วมันเกี่ยวอันใดกับเจ้า”
“หมอเหลย ดึกดื่นเที่ยงคืนไม่หลับไม่นอน ไม่ใช่ว่าท่านกลัวความผิดก็เลยคิดจะหลบหนีหรอกหรือ?”
“กู้เสี่ยวหวาน เหตุใดถึงเอาแต่พูดจาไร้สาระ ข้าเพียงจะกลับไปเยี่ยมบ้าน” เหลยต้าเซิ่งขึ้นเสียงเถียงคอเป็นเอ็น คำพูดของกู้เสี่ยวหวานทำให้เขาแทบเสียสติ
คำก็หลบหนี สองคำก็หลบหนี จนเหลยต้าเซิ่งเริ่มอยู่ไม่สุขแล้ว
และแล้วท่าทางลุกลี้ลุกลนของเขาก็หนีไม่พ้นสายตาของกู้เสี่ยวหวาน นางจึงเห็นว่านี่เป็นโอกาสเหมาะ
“โธ่… หมอเหลย ท่านยังสามารถหอบเงินหอบทองกลับบ้านเกิดได้ แต่น่าเศร้าใจที่ศิษย์ของท่าน… หลี่ซื่อ ชาตินี้เขาคงไม่มีโอกาสกลับบ้านอีกแล้ว” กู้เสี่ยวหวานถอนหายใจอย่างเศร้า ๆ ท่ามกลางบรรยากาศค่ำคืนที่เงียบสงบ ช่างน่าขนลุกอยู่ไม่น้อย
เข้าทางผู้พูดพอดี ทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น เหลยต้าเซิ่งถึงกับหน้าถอดสี “นี่กู้เสี่ยวหวาน จะ…เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอันใด?”
“อย่าบอกนะว่าหมอเหลยไม่รู้เรื่องที่ร่างของหลี่ซื่อถูกพบในแม่น้ำ แถมยังมีหินก้อนใหญ่ถ่วงร่างไว้ เช่นนั้นแสดงว่ามันต้องเป็นการฆาตกรรม ไม่รู้ว่าผู้ใดเกลียดชังหลี่ซื่อมากถึงเพียงนั้น ถึงได้ลงมือฆ่าเขาด้วยวิธีการที่โหดเหี้ยมเช่นนี้” กู้เสี่ยวหวานพูดพลางสังเกตท่าทีของเหลยต้าเซิ่งไปพลาง
จากความตกใจในตอนต้นสู่ความมีพิรุธในภายหลัง จนกระทั่งตอนนี้จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พูดจาติด ๆ ขัด ๆ “ละ… หลี่ซื่อ หลี่ซื่อผู้นั้น วัน ๆ เอาแต่กิน ดื่ม คบชู้สู่สาว เข้าบ่อนเล่นพนัน ทำทุกอย่างที่ผิดศีลธรรม เขาก็แค่อันธพาล ผู้ใดจะไปรู้ว่าเขามีเรื่องบาดหมางกับผู้ใดบ้าง เจ้าเองก็รู้ดีอยู่ว่าเขากับป้าสะไภ้สามของเจ้า… หึ ๆ ทำเรื่องน่ารังเกียจ ส่วมหมวกเขียวให้อาสามของเจ้า บางทีคนฆ่าอาจจะเป็นอาสามของเจ้าก็ได้…”
เดิมทีหลี่ซื่อคือลูกศิษย์ของเหลยต้าเซิ่ง เขามีหน้าที่หายาและต้มยา ต่อมาหลี่ซื่อเกิดรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้ยากเกินไป แถมยังหาเงินได้ไม่ทันใจ ทำต่อไปก็เสียเวลาเปล่า เขาจึงเลิกทำงานในโรงหมอ หันมาเป็นผู้ติดตามเหลยต้าเซิ่งทำเรื่องอื่น ๆ ที่ได้เงินเร็วกว่า
เหลยต้าเซิ่งรีบบอกปัดหลี่ซื่อให้ห่างจากตนเอง พร้อมเบี่ยงเข็มไปที่กู้ฉวนโซ่วทันที เห็นว่าสีหน้ากู้เสี่ยวหวานเปลี่ยนไป ใจเขาก็เริ่มชื้นขึ้น
เขาย่อตัวลงเก็บเงินทองที่เพิ่งหล่นไปกองอยู่บนพื้น ทั้งยังคลานไปตรวจดูว่ามีสิ่งใดอยู่ใต้โต๊ะหรือซอกมุมใดหรือไม่ ท่าทางของเขาในตอนนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าน่าอายเพียงใด
แต่ทว่าท่าทางรีบร้อนแต่พยายามไม่ลนลานเช่นนี้ เขาทำราวกับว่ากำลังมองหาของบางอย่าง…
กู้เสี่ยวหวานยกยิ้มทันใด “ข้าได้ยินมาว่าก่อนที่หลี่ซื่อจะเสียชีวิต ครั้งสุดท้ายที่เขาปรากฏตัวก็คือที่โรงหมอของท่านหมอเหลย จากนั้นก็ไม่มีผู้ใดพบเห็นเขาอีกเลย ไม่ทราบว่าท่านหมอเหลยพอจะรู้หรือไม่ว่าหลี่ซื่อมาที่นี่ครั้งสุดท้ายเมื่อใด แล้วเขาได้พูดสิ่งใดกับท่านหรือไม่?”
เหลยต้าเซิ่งแสร้งทำเป็นครุ่นคิดอย่างหนักอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดว่า “ไม่ได้มีเรื่องสำคัญอันใดหรอก เขาเพียงมาบอกว่าไม่มีเงิน เลยมาจะขอเงินข้าสักหน่อย เจ้าก็รู้นี่ เขาเคยเป็นลูกศิษย์ข้า เขาเป็นคนเกียจคร้าน ไม่สนใจทำการทำงาน เอาแต่หลงว่ามีเงินติดกระเป๋า โลกนี้จะมีของดีเช่นนั้นได้อย่างไร ข้าก็เคยบอกเคยสอนเขาไปแล้ว แต่เห็นแก่ความเป็นศิษย์เป็นอาจารย์ ข้าก็เลยให้เงินแล้วปล่อยเขาไป ส่วนเรื่องที่เขาจะไปที่ใดต่อนั้น ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ได้ยินเช่นนั้น กู้เสี่ยวหวานก็พยักหน้าเป็นอันว่ารับรู้ พร้อมพึมพำว่า “เป็นเช่นนี้นี่เอง” เหลยต้าเซิ่งเห็นว่าสีหน้าของกู้เสี่ยวหวานเป็นมิตรขึ้น ก็คิดว่านางเชื่อคำพูดตน สีหน้าเขาพลันดีขึ้นเล็กน้อย ในมือยังคงถือห่อผ้า ทว่าสายตากลับเอาแต่มองพื้นไม่หยุดราวกับกำลังมองหาบางสิ่ง
เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้น กู้เสี่ยวหวานก็ลอบยิ้มอยู่ในใจ และเอ่ยถามราวกับไม่รู้ไม่เห็นสิ่งใด “ท่านหมอเหลย ท่านกำลังมองหาสิ่งใดอยู่อีกหรือ?”
“ปะ… เปล่า” ยิ่งเหลยต้าเซิ่งพยายามข่มความตื่นตระหนกในใจของเขาเท่าไร เขาก็ยิ่งกระตุ้นความสงสัยของกู้เสี่ยวหวานมากขึ้นเท่านั้น นางเลียนแบบท่าทางเขาด้วยการมองซ้ายทีขวาที ทันใดนั้น ดวงตานางก็สว่างวาบขึ้น ก่อนจะชี้นิ้วไปที่ใดที่หนึ่ง หัวใจของเหลยต้าเซิ่งเต้นไม่เป็นจังหวะ มองไปตามทิศทางที่นิ้วของนางกำลังชี้
จากนั้นไม่นานก็มีเสียงตะโกนด้วยความดีใจของกู้เสี่ยวหวาน