ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1259 สุนัขกัดกัน
บทที่ 1259 สุนัขกัดกัน
บทที่ 1259 สุนัขกัดกัน
คนที่ติดตามอาโม่เข้ามานั้นทำให้ใบหน้าของลวี่เทาซีดเซียวด้วยความตกใจ คนผู้นั้นคือ เหอฮวา ที่มาที่นี่ก่อนหน้านี้ และตอนนี้กำลังเดินตามหลังอาโม่เข้ามา
“เจ้า เจ้า เจ้า…” กู้ฉวนลู่ผงะถอยหลังด้วยความกลัวราวกับเห็นผี
หลิวชิงซานก้มศีรษะลง คราวนี้เดิมทีเขาวางแผนที่จะให้เหอฮวาไปที่ศาลาว่าการเพื่อฟ้องกู้ฉวนลู่ หลังจากคุยกับเหอฮวาแล้ว หลิวชิงซานก็ต้องการออกจากเมืองหลิวเจียและไม่กลับมาอีก
แต่เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าอยู่ดี ๆ ตนเองก็ตกเป็นเป้าหมายของกู้เสี่ยวหวานเสียแล้ว
กู้เสี่ยวหวานขอให้อาจั่วจับตาดูความเคลื่อนไหวในบ้านหลังเล็กของลวี่เทาแล้ว เมื่อเหอฮวาออกจากบ้าน อาจั่วก็จะสะกดรอยตามนางไปไม่ห่าง ต่อมาเมื่อหลิวชิงซานจับตัวเหอฮวาไป นั่นทำให้อาจั่วได้ยินทุกสิ่ง
หลังจากที่เหอฮวาถูกปล่อยตัวอีก อาจั่วก็ทำให้หลิวชิงซานสลบและพาเขากลับไปที่ร้านจิ่นฝู
หลังจากทรมานจนพอใจ หลิวชิงซานก็พูดทุกสิ่งออกมาด้วยความหวาดกลัว
จากนั้นก็ได้ยินหลิวชิงซานบอกว่า กู้ฉวนลู่ให้เงินเขาหนึ่งร้อยตำลึงเงิน และขอให้เขานำยาระบายมาใส่ในอาหารของร้านจิ่นฝูเพื่อก่อเรื่อง
กิจการของร้านจิ่นฝูราบรื่นเกินไปเสียจนทุกคนอิจฉา แม้ว่าบางคนจะท้องเสียเพราะอาหารจากร้านจิ่นฝูไม่ถูกสุขลักษณะ หรือเพราะว่าร้านอาหารอื่นที่อิจฉาร้านจิ่นฝูจึงมาสร้างเรื่องให้ร้านจิ่นฝู
ไม่มีใครคิดถึงหลิวชิงซานและกู้ฉวนลู่
แต่ใครจะรู้ว่ายานี้ไม่ใช่ยาระบาย แต่มันกลับเป็นยาพิษ และมีฤทธิ์รุนแรงถึงชีวิต หลิวชิงซานไม่รู้ว่ายาในมือของเขาเป็นยาพิษ แต่เขาก็ยืนยันว่าในตอนนั้นตัวเขาใส่แค่ยาระบายเท่านั้น และไม่ได้ทำอะไรอีก
ยิ่งไปกว่านั้น เงินหนึ่งร้อยตำลึงเงินที่กู้ฉวนลู่สัญญาว่าจะให้ เขาก็ไม่ได้รับแม้แต่เหรียญเดียว และกู้ฉวนลู่ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
กู้ฉวนลู่ไม่รู้ว่าตัวเองพบหลิวชิงซานที่นี่ได้อย่างไร ตามความคิดของกู้ฉวนลู่ หลิวชิงซานจะฝังเรื่องนี้และปล่อยให้มันตายไปกับตน ท้ายที่สุดแล้ว หลิวชิงซานก็เป็นคนวางยาด้วยตนเอง หากหลิวชิงซานยืนกรานที่จะสารภาพ กู้ฉวนลู่ก็จะต้องหาทางหักล้างมัน
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้กู้ฉวนลู่พูดไม่ออกบอกไม่ถูกเกี่ยวกับการปรากฏตัวของหลิวชิงซาน เขาแค่มองไปที่หลิวชิงซานที่กำลังผลักความผิดทั้งหมดเข้าตัวเองด้วยความงุนงง
หลังจากหลิวชิงซานพูดจบ กู้ฉวนลู่ก็นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา จนกระทั่งใต้เท้าจ้าวทุบค้อนอย่างแรงและพูดอย่างจริงจัง “กู้ฉวนลู่ สิ่งที่หลิวชิงซานพูดนั้นเป็นความจริงหรือ?”
กู้ฉวนลู่ตกตะลึงและล้มลงบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง เมื่อเขาได้ยินเสียงค้อนก็กลับมามีสติ และหมอบลงกับพื้น “ใต้เท้า เขากำลังพูดเรื่องไร้สาระ เขากำลังพูดเรื่องไร้สาระ!”
“ข้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระหรือ กู้ฉวนลู่ เจ้ายังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่ เจ้าจะฆ่าข้าหรือ!” หลิวชิงซานถูกกู้เสี่ยวหวานจับได้ และสารภาพความจริงกับนางไปหมดแล้ว หากเขาถูกตัดสินว่าเป็นคนใส่ผงชีซิงด้วยตัวเอง เขาจะถูกโทษตัดศีรษะ
แม้ว่าหลิวชิงซานจะเป็นอันธพาล แต่ก็ไม่สามารถเอาชีวิตของตัวเองมาเสี่ยงได้โดยไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ เขาจึงผลักความผิดเหล่านี้ไปให้กับกู้ฉวนลู่โดยธรรมชาติ
เมื่อกู้ฉวนลู่ได้ยินหลิวชิงซานบอกว่าตัวเองเป็นคนทำ แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ทำ เขาแค่ต้องการใส่ยาระบาย และเขาก็ไม่รู้อะไรอีกเลย
กู้ฉวนลู่เงยหน้าขึ้นด้วยความสยดสยอง และทันใดนั้นก็โยนสิ่งเหล่านี้ใส่เหลยต้าเซิ่ง “เป็นเขา เหลยต้าเซิ่ง ข้าไปหาเขาเพื่อให้เขาจ่ายยาระบายให้ แต่ใครจะรู้ว่ายานั้นจะฆ่าคนได้ เหลยต้าเซิ่งเป็นคนให้ข้า เขาเป็นคนจ่ายยาให้แก่ข้า”
กู้ฉวนลู่ร้องออกมาด้วยความตกใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกหวาดกลัว
เหลยต้าเซิ่งปฏิเสธอย่างเรียบ ๆ “ไร้สาระ ข้าให้ยาระบายกับเจ้าเท่านั้น ส่วนเจ้าเปลี่ยนเป็นยาพิษเองหรือเปล่า ข้าก็ไม่รู้”
“ข้าไม่ได้เปลี่ยน ข้าไม่ได้เปลี่ยน หลิวชิงซานเป็นพยานได้ เขาสามารถเป็นพยานได้ว่าเขาดื่มมากเกินไปในตอนนั้น ข้าพาเขากลับไปที่ร้านอาหารและให้ยาเขาโดยไม่ได้เปลี่ยนยาเลย”
“ฮึ่ม ใครจะรู้ว่าข้าซื้อยาระบายให้เจ้า ใครจะรู้ว่าพวกเจ้าสองคนใครเป็นคนเปลี่ยนเป็นผงชีซิง พวกเขาทั้งหมดมีความแค้นต่อเสี้ยนจู่และต้องการแก้แค้นนาง พวกเขาจึงตกเป็นผู้ต้องสงสัย ข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเสี้ยนจู่ และไม่มีแรงจูงใจที่จะทำร้ายนางเลย” เหลยต้าเซิ่งปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
กู้ฉวนลู่รู้สึกว่าตัวเองกำลังโดนใส่ร้าย
หลังจากได้รับยาจากเหลยต้าเซิ่ง เขาก็มอบมันให้กับหลิวชิงซาน โดยไม่ได้แม้แต่จะตรวจสอบมันด้วยซ้ำ
เหลยต้าเซิ่งกล่าวในขณะนี้ว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกู้เสี่ยวหวาน แต่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันจริง ๆ หรือ?
กู้ฉวนลู่คลานไปข้างหน้าและพูดด้วยความหวาดกลัว “ใต้เท้าจ้าว ใต้เท้าจ้าว เขากำลังพูดเรื่องไร้สาระ เขามีเรื่องเกี่ยวข้องกับเสี่ยวหวาน เขามีเรื่องเกี่ยวข้องกัน”
“กู้ฉวนลู่ เจ้าอย่ามาพูดไร้สาระ!” เมื่อเหลยต้าเซิ่งเห็นว่ากู้ฉวนลู่กำลังเปิดเผยความลับของเขา ดังนั้นจึงก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและโต้กลับเสียงดัง “ใต้เท้า อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระของกู้ฉวนลู่ ข้าไม่เกี่ยวอะไรกับเสี้ยนจู่”
ทั้งสองคุยกัน คนหนึ่งบอกว่ามีเรื่องเกี่ยวข้องกัน อีกคนโต้กลับว่าไม่มีเรื่องเกี่ยวข้องกัน ภายในห้องพิจารณาคดีตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงดังโหวกเหวกโวยวาย
เมื่อมองไปที่กู้เสี่ยวหวานซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้และดื่มชาด้วยท่าทางผ่อนคลายราวกับว่านางไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น
“พวกเจ้าสองคนยืนยันในความคิดเห็นของตัวเอง คนหนึ่งบอกว่าใช่ อีกคนบอกว่าไม่ แต่พวกเจ้าทั้งสองคนใครพูดความจริงกันแน่?” เมื่อใต้เท้าจ้าวเห็นท่าทางผ่อนคลายของกู้เสี่ยวหวาน ดังนั้นเขาจึงสงบลง มองคนทั้งสองแล้วพูดติดตลก
เพื่อเป็นการเอาตัวรอดภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ผู้ใดเล่าจะจำมิตรในอดีตเหล่านั้นได้?
“ใต้เท้า เมื่อเจ็ดหรือแปดปีก่อน กู้เสี่ยวอี้ น้องสาวของเสี้ยนจู่ซึ่งเป็นหลานสาวอีกคนของข้าได้รับการตรวจจากท่านหมอเหลยอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า เขาบอกว่าอวัยวะภายในของนางได้รับบาดเจ็บและจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ดังนั้น ขาจึงยืนกรานให้เสี้ยนจู่ซื้อโสมในราคาสูงเพื่อช่วยชีวิตกู้เสี่ยวอี้ แต่โสมนั้นกลับเป็นของปลอม หลานสาวของข้าไม่ได้รับบาดเจ็บเลย แต่เขาวางยานาง ทำให้นางเวียนศีรษะและหมดสติไป” กู้ฉวนลู่คุกเข่าลงบนพื้นและเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นในปีนั้น
ใต้เท้าจ้าวชำเลืองมองกู้เสี่ยวหวาน เมื่อยังเห็นนางมีท่าทีสงบนิ่ง และมีสีหน้าไร้อารมณ์ คาดว่านางจะคงจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว
จากนั้นทั้งสองก็เริ่มการต่อสู้ที่ดุเดือด
“กู้ฉวนลู่ เจ้าอย่าแสร้งเป็นคนดีไปหน่อยเลย เจ้าไม่ใช่คนที่ต้องการความมั่งคั่งของเสี้ยนจู่หรอกหรือ เจ้ามาหาข้าและบอกว่าเจ้าต้องการหลอกล่อเอาเงินจากเสี้ยนจู่ ทั้งหมดเป็นความคิดของเจ้า ในตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าก็คงไม่ทำร้ายพวกนางโดยไม่มีเหตุผล กู้ฉวนลู่ เจ้าเป็นคนให้เงินนั้น เจ้าเป็นคนคิดแผนการขึ้นมา ข้าแค่ร่วมมือกับเจ้า และตอนนี้เมื่อสิ่งต่าง ๆ ถูกเปิดเผย เจ้าจะยังหวังอะไรอีก โลกนี้จะมีของดีแบบนี้ได้อย่างไร”
เหลยต้าเซิ่งสาธยายเรื่องราวทั้งหมดของในปีนั้นออก และคราวนี้เขาพูดกับกู้เสี่ยวหวานโดยตรง “เสี้ยนจู่ สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นเป็นความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย แต่ถ้าไม่ใช่เพราะกู้ฉวนลู่ที่โลภในทรัพย์สินของท่าน และมาขอให้ข้าร่วมมือกับเขาเพื่อเอาเงินจากท่าน ข้าจะทำร้ายท่านได้อย่างไร ถ้าจะโทษก็โทษเขาที่โลภมาก แม้แต่เงินของหลานสาวเขาก็ไม่ปล่อยไว้”
เวลานั้น กู้เสี่ยวอี้นอนเลือดท่วมตัวไม่ได้สติออยู่ข้างลำธาร ตอนแรกกู้เสี่ยวหวานคิดว่านางตกเขา ดังนั้นจึงไม่กล้าขยับเขยื้อนร่างกายนาง แต่ปรากฏว่าที่เสี่ยวอี้หมดสติไปในตอนนั้นเป็นเพราะได้รับยาเข้าไป
เมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้นก็เหมือนยกหินออกจากอก
กู้เสี่ยวหวานสงสัยอยู่เสมอว่าตัวเองเป็นเพียงเด็กสาวในหมู่บ้านเล็ก ๆ จะถูกคนอื่นอิจฉาเพราะตนเองขายโสมได้หรือไม่ นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาใช้กลอุบายดังกล่าวและขโมยเงินตนเองไป
ปรากฏว่าทั้งหมดเป็นเพราะลุงของนางเอง
“ข้าเองก็คิดว่าเรื่องนี้มันแปลกประหลาด เขารู้ได้อย่างไรว่าข้ามีเงิน” นี่คือสิ่งที่กู้เสี่ยวหวานไม่เข้าใจ ถ้านางซื้อที่ดินและกู้ฉวนลู่ก็มาแย่งมันไปก็ยังเข้าใจได้ แต่ในเวลานั้นนางขายเพียงโสมและก็ทำมันอย่างลับ ๆ กู้ฉวนลู่จะรู้ได้อย่างไรว่านางมีเงิน?
เหลยต้าเซิ่งเย้ยหยัน “แน่นอนว่าเขารู้ทุกอย่าง เมื่อก่อนท่านยากจนข้นแค้น แต่จู่ ๆ ก็ร่ำรวยมั่งคั่งพอที่จะซื้อธัญพืช บะหมี่ และเนื้อสัตว์ได้ ท่านอาจจะคิดว่าไม่มีใครรู้ว่าท่านทำอะไร แต่ลุงของท่านที่มีสายตาที่เฉียบแหลม เมื่อเห็นครอบครัวของท่านเปลี่ยนไป เข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร”
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า มองไปที่กู้ฉวนลู่หน้าแดงก่ำด้วยความละอายใจ แล้วถามอย่างตั้งใจ “ท่านลุง สิ่งที่หมอเหลยพูดเป็นความจริงหรือไม่”
กู้ฉวนลู่ลังเล ก่อนจะชี้ไปที่เหลยต้าเซิ่งและเริ่มเปิดเผยความลับอีกครั้ง และคราวนี้เขาก็เปิดเผยความลับของลวี่เทาด้วย