ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1268 เล่าเรื่องบนเตียง
บทที่ 1268 เล่าเรื่องบนเตียง
บทที่ 1268 เล่าเรื่องบนเตียง
เซี่ยเทียนหมิงเลิกคิ้วและกล่าวโทษว่านซื่อ มันทำให้ว่านซื่อรู้สึกอายและไม่สามารถพูดอะไรได้
หลิวชิงซานที่อยู่ด้านข้างจึงพูดขึ้น “ท่านคงไม่รู้ใช่หรือไม่ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นนางบำเรอของใต้เท้าลวี่ ข้าเห็นกับตาว่าพวกเขาสองคนอยู่บนเตียงเดียวกัน”
ในขณะนี้ ใบหน้าของว่านซื่อแดงก่ำและรู้สึกอับอายเสียจนนึกอยากจะเอาศีรษะมุดลงดิน ถ้ามีใครมาเห็นความสัมพันธ์ของตน ไม่ว่าใครก็ต้องรู้สึกอับอาย
ลวี่เทาก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ยกเท้าขึ้นราวกับว่าเขากำลังจะเตะหลิวชิงซานด้วยความโกรธ “เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องไร้สาระอะไร ไอ้สารเลวไร้ยางอาย”
ว่านซื่อรู้สึกอับอายและโกรธเคือง นางก้าวไปข้างหน้าเพื่อจิกใบหน้าของหลิวชิงซานด้วยเล็บของนาง และหลิวชิงซานไม่สามารถหลบได้ทันเวลา ทั้งคู่จิกทึ้งต่อสู้กันอยู่นาน สุดท้ายหลิวชิงซานก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้
ใบหน้าของว่านซื่อก็ถูกข่วนจนมีเลือดซิบ ๆ หลายจุด
แต่หลิวชิงซานที่หลบเอาแต่สบถว่า “ทำไม เจ้าทำสิ่งที่ไร้ยางอายแล้วกลัวว่าคนอื่นจะเห็นมัน และกลัวว่าคนอื่นจะเอามันไปพูดถึงอย่างนั้นหรือ! ข้าจะพูด ข้าจะพูด ร่างกายของเจ้าถูกกระแทกกระทั้นอยู่ใต้ร่างของเขา ท่าทางน่าอายนั่น เหอะ! ไม่แปลกใจเลยที่สาวใช้ข้างกายจะเรียกเจ้าว่านังจิ้งจอก”
เดิมหลิวชิงซานเป็นอันธพาล เขาพูดในสิ่งที่เขาคิด บรรยายทุกสิ่งที่เห็นและได้ยินครั้งสุดท้ายต่อหน้าทุกคน
หลิวชิงซานคอยหลบการโจมตีของทั้งสอง ในขณะที่ปากก็พูดอธิบายอย่างชัดเจนถึงสิ่งที่เขาเห็นและได้ยินในวันนั้น
กู้เสี่ยวหวานยังเป็นหญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงาน ใบหน้าของนางหน้าแดงก่ำเมื่อได้ยินหลิวชิงซานพูดแบบนั้น นางหันมองไปทางอื่นและไม่ต้องการดูการแสดงของหลิวชิงซาน
ว่านซื่อรู้สึกอับอายกับคำพูดออกรสออกชาติของหลิวชิงซาน
เดิมทีนี่เป็นเรื่องบนเตียงระหว่างคนสองคน แต่หลิวชิงซานเล่าให้คนอื่นฟังอย่างโจ่งแจ้งหลังจากที่เขาเห็นมัน เขากำลังฆ่านางให้ตายทั้งเป็น
แล้วเช่นนี้นางจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน
ว่านซื่อคำรามออกมาด้วยความโกรธ เมื่อเห็นว่านางไม่สามารถเข้าใกล้หลิวชิงซานได้เลย จึงคำรามด้วยความโกรธ หันหลังกลับและวิ่งไปหาเจ้าหน้าที่ที่มีมีดเหน็บเอว นางดึงมีดออกมา ยกมีดขึ้น กรีดร้องเสียงดัง และฟันไปที่หลิวชิงซาน
เมื่อทุกคนเห็นเหตุการณ์ในห้องโถงก็เกิดความวุ่นวายขึ้น
อาจั่วใช้ร่างกายขว้างไว้หน้ากู้เสี่ยวหวานและยกดาบในมือขึ้น กลัวว่าการกระทำโดยประมาทของว่านซื่ออาจทำให้กู้เสี่ยวหวานโดนลูกหลง
ในขณะนี้ ดวงตาของว่านซื่อแดงก่ำ นางยกมีดขึ้นเหนือศีรษะและจ้วงแทงไปที่หลิวชิงซาน
หลิวชิงซานตกใจมากเมื่อเห็นท่าทางเสียสติของว่านซื่อ และวิ่งหนีไปโดยไม่แม้แต่จะคิดเรื่องนี้ พลางร้องโหวกเหวกโวยวาย “ช่วยด้วย นางจะฆ่าคนแล้ว!”
เมื่อเห็นสถานการณ์ที่วุ่นวายในห้องโถง ใต้เท้าจ้าวก็ขมวดคิ้ว ทุบค้อนและตะโกนอย่างดุดัน “พวกเจ้า หยุดว่านซื่อเสีย!”
ว่านซื่อถือมีดตวัดไปมา ท่าทางของนางดูน่ากลัว เจ้าหน้าที่ก้าวไปข้างหน้าและจับกุมนางไว้แน่น ทำให้นางขยับไม่ได้ เจ้าหน้าที่อีกคนจึงรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อคว้ามีดในมือของนางไว้ และใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้กดร่างของนางลงกับพื้น
“ว่านซื่อผู้นี้กล้าหาญเสียจริง คิดจะฆ่าคนต่อหน้าศาลอย่างนั้นหรือ มาจับนางเอาไว้”
ใต้เท้าจ้าวมีสีหน้าบึ้งตึง ว่านซื่อกำลังจะฆ่าคนในศาลาว่าการอย่างเปิดเผย ถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปได้ เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
นอกจากนี้ยังมีท่านเสี้ยนจู่และพ่อบ้านตระกูลกัวอยู่ที่นี่
พวกเขาเป็นคนที่ตัวเองไม่สามารถรุกรานได้ ถ้าทุกคนบังเอิญได้รับบาดเจ็บเพราะว่านซื่อ ตัวเองคงจะต้องเป็นคนรับผิดชอบ
ในไม่ช้าก็มีคนจับว่านซื่อใส่กุญแจมือ หญิงวัยกลางคนร้องคำรามและดีดดิ้นไม่หยุด ปากก็เอาแต่ตะโกนว่าต้องการฆ่าไม่หยุด เนื่องจากสถานการณ์ชุลมุนเมื่อครู่ ผมเผ้าของว่านซื่อจึงยุ่งเหยิงกระจัดกระจายสยายอยู่ด้านหลังศีรษะ ท่าทางที่ดุร้ายและน่ากลัวนี้ทำให้ลวี่เทาตัวสั่นด้วยความกลัว
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นว่านซื่อเป็นแบบนี้
เมื่อครู่นี้ ว่านซื่อกำลังจะฆ่าหลิวชิงซาน ลวี่เทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าว่านซื่อจะโจมตีเขาได้ แต่ความสุขของเขาก็หายไปเมื่อว่านซื่อถูกจับตัวได้
หลังจากลอบมองเซี่ยเทียนหมิง ใบหน้าของชายคนนั้นก็เต็มไปด้วยความมืดมน
ในขณะนี้ เซี่ยเทียนหมิงกำลังจ้องมองลวี่เทาอย่างดุดัน
ขณะที่ลวี่เทามองไป เขาก็บังเอิญสบตากับเซี่ยเทียนหมิง ลวี่เทาก้มหน้างุดด้วยความตกใจและร้องออกมาว่า “พ่อบ้านเซี่ย ข้าถูกใส่ร้าย ข้าถูกใส่ร้าย คนอื่นใส่ร้ายข้า ข้าไม่ได้ทำเรื่องผิดต่อฮูหยิน”
ลวี่เทากล่าวว่าหลิวชิงซานกำลังพูดเรื่องไร้สาระ แต่การแสดงออกของเซี่ยเทียนหมิงนั้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
ลวี่เทากลัวเซี่ยเทียนหมิงมาก ดูเหมือนว่าคนผู้นี้จะมีความสำคัญมากในตระกูลกัว
กู้เสี่ยวหวานคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทว่าในความเป็นจริง สิ่งที่นางคิดก็ไม่ผิด
พ่อของเซี่ยเทียนหมิงผู้นี้ได้ช่วยชีวิตท่านผู้เฒ่าของตระกูลกัวเอาไว้ ต่อมาเมื่อตระกูลกัวเจริญรุ่งเรือง พวกเขาจึงไม่ลืมความเมตตาของตระกูลเซี่ย ดังนั้นเขาจึงเชิญตระกูลเซี่ยเข้ามาเป็นพ่อบ้านของตระกูลกัว
ในความเป็นจริง ตระกูลกัวทั้งหมดยกเว้นคนที่ไม่ใช่แซ่กัว ก็ไม่มีใครมีสถานะสูงกว่าสมาชิกของตระกูลเซี่ย
รวมถึงลูกเขยทั้งสามของลูกสาวทั้งสามของตระกูลกัว ต่อหน้าเซี่ยเทียนหมิงจะมีใครเรียกพ่อบ้านเซี่ยอย่างไม่สุภาพกัน?
นับประสาอะไรกับลูกเขยคนโตและลูกเขยคนรองของตระกูลกัวที่มีความก้าวหน้า ลวี่เทาก็ยิ่งหวาดกลัว
ลวี่้ทาคุกเข่าลงบนพื้นและแทบจะร้องไห้ออกมา พลางดึงรั้งกางเกงของเซี่ยเทียนหมิง
ความขี้ขลาดดังกล่าวทำให้กู้เสี่ยวหวานหันมองไปทางอื่น
ไม่มีความเย่อหยิ่งอีกต่อไป
“พ่อบ้านเซี่ย ข้าไม่ได้ทำ คนอันธพาลพวกนี้ใส่ร้ายข้า ข้าไม่ได้ทำ” ลวี่เทาร้องไห้อย่างน่าสมเพช
หลิวชิงซานจะทำให้ความปรารถนาของเขาเป็นจริงได้อย่างไร “ใต้เท้า อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระของเขา เมื่อครู่ลูกพี่ลูกน้องของเขายังบอกอีกว่า คนผู้นี้ขอให้เขาสั่งจ่ายยาเพื่อให้หญิงคนนี้แท้ง ถ้าไม่เชื่อ ทำไมไม่ถามดูเขาล่ะ”
เซี่ยเทียนหมิงไม่ได้ละสายตาไปจากลวี่เทา ความดุร้ายในดวงตาของเขาทำให้ลวี่เทารู้สึกว่ามีมีดแหลมจ่ออยู่ที่คอ ซึ่งมันอาจปลิดชีวิตตนได้ทุกเมื่อ มันรู้สึกราวกับว่าจะแยกศีรษะและร่างกายของเขาออกเป็นสองส่วน