ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1269 ลวี่เทายอมรับ
บทที่ 1269 ลวี่เทายอมรับ
บทที่ 1269 ลวี่เทายอมรับ
เซี่ยเทียนหมิงตบที่เท้าแขนของเก้าอี้ เขาชี้ไปที่ลวี่เทาด้วยใบหน้าโกรธขึ้งและสาปแช่ง “ลวี่เทา ข้าประเมินท่านต่ำไป เป็นเวลาหลายปีที่ตำแหน่งทางการของท่านไม่ได้ขยับให้สูงส่งขึ้นเลย ปรากฏว่าเพราะท่านมัวแต่ไปเล่นสนุกกับผู้หญิงคนนี้ ลวี่เทา อย่าลืมว่าตอนที่ท่านเข้าสู่ตระกูลกัว ตอนเผชิญหน้ากับบรรพบุรุษของตระกูลกัวและคุณหนู ท่านสาบานว่าอย่างไร?”
ท่าทางของเซี่ยเทียนหมิงราวกับกำลังดุหลานชาย เขาชี้ไปที่ลวี่เทาและตำหนิติเตียน
ลวี่เทาไม่กล้าตอบกลับและเงยหน้าขึ้น “พ่อบ้านเซี่ย เป็นเพราะข้าสับสน นางผู้นี้เข้ามายั่วยวนข้าก่อน พ่อบ้านเซี่ย นี่เป็นความผิดพลาดครั้งแรกของข้า ได้โปรดสงสารข้าเถิด ท่านอย่าบอกฮูหยินและท่านพ่อได้หรือไม่”
ลวี่เทาดึงขากางเกงของเซี่ยเทียนหมิงพลางร้องห่มร้องไห้
เขาโยนความผิดทั้งหมดไปที่ว่านซื่อ
เดิมทีว่านซื่อเองก็โกรธหลิวชิงซานมากอยู่แล้ว ในขณะนี้นางก็ถูกใส่เครื่องจองจำขื่อคา ครั้นได้ยินลวี่เทาบอกว่าเขาถูกนางยั่วยวน ความโกรธก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง “เจ้าคนแซ่ลวี่ เจ้ามันไร้ยางอาย เจ้านั่นแหละที่มาอ้อนวอนข้า เจ้าลืมไปแล้วหรือ เมื่อเรื่องถูกเปิดเผย แต่กลับมาบอกว่าข้าเป็นคนยั่วยวนเจ้า เจ้ามันจิตใจเหี้ยมโหดเยี่ยงหมาป่า”
ว่านซื่อถูกตรึงไว้ด้วยขื่อคา นางจึงไม่สามารถทำอะไรลวี่เทาได้ ถ้านางยังเป็นอิสระ เกรงว่านางคงกระหน่ำแทงลวี่เทาไปแล้ว
กู้เสี่ยวหวานมองว่านซื่อกับลวี่เทาที่กำลังเชือดเฉือนกันด้วยคำพูด ก่อนหน้านี้พวกเขาทั้งสองมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้ง ทว่าในพริบตา พวกเขาก็กลายเป็นศัตรูกัน
คำพูดของลวี่เทาและว่านซื่อต่างตำหนิกันและกันว่าอีกฝ่ายเป็นคนยั่วยวนก่อน
เหอฮวาที่คุกเข่าอยู่ด้านข้างนิ่งเงียบไม่พูดอะไร ทันใดนั้นนางก็รุดไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ขวางหน้าว่านซื่อไว้และชี้หน้าด่าลวี่เทา “คนแซ่ลวี่ ท่านมาหานางเอง แต่กลับมาตำหนินางว่ายั่วยวนท่าน ข้าคิดเสมอว่าท่านเป็นสุภาพบุรุษ ข้ามองผิดไปจริง ๆ นายหญิงอย่าสนใจคนอกตัญญูแบบนี้เลย ผู้ชายแบบนี้พวกเราไม่ต้องการ”
ความโมโหของเหอฮวานี้ทำให้กู้เสี่ยวหวานประหลาดใจ
เมื่อครู่เหอฮวานี้ยังคงกล่าวหาว่าว่านซื่อเป็นนางจิ้งจอก แต่ทำไมตอนนี้นางถึงเข้าข้างว่านซื่อได้ล่ะ
แต่เมื่อนึกถึงใบหน้าที่ชั่วร้ายของลวี่เทา หลังจากถูกเปิดเผยความจริง เกรงว่าไม่ว่าผู้หญิงคนใดเห็นมันก็คงจะรู้สึกว่าตัวเองมองเขาผิดไป
เหอฮวาคิดเหมือนที่กู้เสี่ยวหวานคิดจริง ๆ
ปรากฏว่าเป็นเพราะในตอนเด็ก นางมีฐานะยากจน นางจึงอิจฉาและต้องการแต่งงานกับครอบครัวที่ร่ำรวยเพื่อที่ตนเองจะได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แม้จะต้องเป็นเพียงนางบำเรอก็ตาม
เป็นผลให้เมื่อนางได้พบกับลวี่เทาและเห็นลวี่เทาดูแลว่านซื่อด้วยความรัก นางจึงยึดติดกับเขาอย่างลึกซึ้งและคิดว่าเขาเป็นคนที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลก
นอกจากนี้ เขายังเป็นขุนนางที่มีอำนาจ มีความอ่อนโยนและปฏิบัติต่อว่านซื่อด้วยความจริงใจ เมื่อเหอฮวาเห็นเมื่อใด นางก็รู้สึกอิจฉาทุกครั้ง
ดังนั้นจึงคิดว่าหากตัวเองสามารถเข้าใกล้ลวี่เทาและเป็นนางบำเรอของลวี่เทาได้ก็คงดี
ว่านซื่อเองก็เคยสัญญากับนางด้วยเช่นกัน แต่เป็นเวลาหลายปีที่เหอฮวายังคงเป็นผู้หญิงที่มีอายุเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และสถานะของนางก็ไม่ขยับเลยสักครั้ง
ท่าทางของว่านซื่อเหมือนเด็กสาวไร้เดียงสาขณะอยู่กับลวี่เทา เมื่อเหอฮวาเห็นจึงรู้สึกอิจฉา
คนก็เป็นแบบนี้ เมื่อชอบอะไรบางอย่างก็จะยึดติดกับสิ่งนั้น เมื่อมีคนมาบอกว่าจะให้สิ่งนั้นกับตัวเอง จึงดีใจเกินกว่าหาสิ่งใดเปรียบ
แต่เมื่อรอแล้วรอเล่า รอมาเป็นเวลานาน แต่ยังไม่มีการเคลื่อนไหว คนที่พูดว่าจะให้ก็ดูเหมือนจะลืมสัญญานี้ไปแล้ว
เหอฮวาจึงมีความคิดอคติต่อลวี่เทาและเกลียดว่านซื่อโดยธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม ความเกลียดชังนี้ถูกถ่ายโอนไปที่ลวี่เทา เมื่อลวี่เทาปฏิเสธว่าเขาถูกยั่วยวนโดยว่านซื่อ เหอฮวาก็รู้สึกตื่นเต้น
เมื่อลวี่เทาพูดอย่างแดกดันกับว่านซื่อ เหอฮวาก็ได้สติขึ้นมา
เมื่อมองไปที่ความโหดเหี้ยมของลวี่เทา ความอ่อนโยนที่เขาเคยมีต่อว่านซื่อ บัดนี้มันไม่มีอีกแล้ว
พวกเขาเป็นคนประเภทเดียวกัน แต่พวกเขาเปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์
เหอฮวารู้สึกงงงวย สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกะทันหันทำให้รู้ทันทีว่าสติของนางถูกดึงกลับมาแล้ว
เมื่อก่อนมีความอิจฉาต่อว่านซื่อมากแค่ไหน ความเกลียดชังต่อลวี่เทาในตอนนี้ก็มีมากเท่านั้น
ลวี่เทาคนนี้ทำเกินไปจริง ๆ
เหอฮวารีบก้าวไปหาลวี่เทาโดยไม่คิดอะไร ชี้ไปที่ลวี่เทาและพูดอย่างแดกดัน “ใต้เท้าลวี่ ท่านเพิ่งบอกว่านายหญิงยั่วยวนท่าน แต่ในความคิดของข้า ข้าคิดว่านางเป็นภรรยาของท่าน หลายปีที่ผ่านมา นายหญิงติดตามท่านโดยไม่มีสถานะแน่ชัด ท่านอยากมาก็มา ไม่อยากมาก็ไม่มา อยากไปก็ไป เป็นเวลาหลายปีที่นายหญิงรอท่านอยู่ที่บ้าน แต่ท่านกลับมาล้อเล่นกับความจริงใจของนายหญิง ท่านช่างโหดร้ายจริง ๆ”
“เจ้าเป็นใคร เจ้ากล้าชี้หน้าด่าข้าได้อย่างไร นางแค่รักเงินของข้าและอำนาจที่นางจะได้มา นี่เป็นพรที่นางได้รับไป นางควรจะสำนึกบุญคุณข้าด้วยซ้ำ” ลวี่เทามองเหอฮวาที่กำลังด่าทอตัวเองและพูดอย่างดุดัน
เมื่อพูดจบประโยคนี้ ลวี่เทาก็หันไปมองเซี่ยเทียนหมิง ใบหน้าของเขาดูน่ากลัว
“พ่อบ้านเซี่ย ข้า…”
“หึ หน้าไม่อาย” เซี่ยเทียนหมิงพูดพลางยืนขึ้นโดยไม่ชายตามองไปที่ลวี่เทา เขาตรงไปหาใต้เท้าจ้าว ประสานมือและพูดว่า “ใต้เท้าจ้าว ขอบคุณท่านมากที่ทำให้ตระกูลกัวเห็นธาตุแท้ของคนผู้นี้ นี่คือจดหมายจากนายท่านของข้า รบกวนท่านอ่านมันสักหน่อย”
ใต้เท้าจ้าวเหลือบมองจดหมายสิบบรรทัดอย่างรวดเร็ว หลังจากอ่านจบก็เงยหน้าขึ้นและมองไปที่ลวี่เทาด้วยความเห็นอกเห็นใจ เขาส่งจดหมายคืนให้เซี่ยเทียนหมิง จากนั้นจึงพูดอย่างอึดอัดใจ “พ่อบ้านเซี่ย เดิมทีนี่เป็นเรื่องของตระกูลกัว ท่านมาให้ข้าที่เป็นคนนอกอ่านคงจะไม่ดี”
เซี่ยเทียนหมิงมองจดหมายของตัวเองและพูดด้วยความเคารพ “ใต้เท้าจ้าว ท่านเป็นเจ้านายของลวี่เทา การให้ท่านอ่านนั้นเหมาะสมที่สุดแล้ว ข้าเป็นเพียงพ่อบ้าน จึงไม่เหมาะสมนัก”
เครื่องจองจำขื่อคา