ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1273 เรียนคำนวณบัญชีกับข้า
บทที่ 1273 เรียนคำนวณบัญชีกับข้า
บทที่ 1273 เรียนคำนวณบัญชีกับข้า
กู้หนิงผิงเองก็คำนวณบัญชีเสร็จเรียบร้อยตามลำดับ เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานจากไปแล้ว คนนั้นเหล่านั้นคงจะรับรู้ความผิดของตนเองแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงออกไปจากร้านจิ่นฝูทันทีที่ได้รับเงินแล้ว
ร้านจิ่นฝูที่เต็มไปด้วยเสียงเอะอะโวยวายเมื่อครู่ก็กลับเข้าสู่บรรยากาศเงียบสงบทันใด
เมื่อกู้เสี่ยวหวานมาถึงห้องของเสี่ยวเหลียงจื่อ เด็กหนุ่มเพิ่งทำแผลเสร็จก็กำลังนอนพักอยู่บนเตียง
เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานเข้ามา เสี่ยวเหลียงจื่อก็ลุกขึ้นทันที เตรียมจะทำความเคารพกู้เสี่ยวหวาน
กู้เสี่ยวหวานรีบเดินไปข้างหน้าเพื่อหยุดเขาไว้ และพยุงเขากลับไปที่เตียง จากนั้นนั่งลงบนเก้าอี้เล็กข้างเตียง และพูดด้วยความเป็นห่วง “ร่างกายของเจ้ายังได้รับบาดเจ็บอยู่ ดังนั้นอย่าขยับตัวมาก”
“ใช่…” เสี่ยวเหลียงจื่อพึมพำเบา ๆ และพยักหน้า อีกทั้งสีหน้ายังเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
กู้เสี่ยวหวานเห็นท่าทางนั้นจึงคิดถึงบทสนทนาข้างนอกขึ้นมาทันที เสียงของหลี่พ่างจื่อและเกาจื่อดังมาก อีกทั้งยังมีชื่อของเสี่ยวเหลียงจื่อแทรกเข้ามาบ้างเป็นครั้งคราว บางทีเขาอาจจะได้ยินหมดแล้ว
“เมื่อครู่เจ้าได้ยินเสียงข้างนอกหรือไม่” กู้เสี่ยวหวานเอ่ยถาม หลังจากที่ถามเสร็จก็เห็นเสี่ยวเหลียงจื่อพยักหน้าและพึมพำอย่างแผ่วเบา “เถ้าแก่ ข้าขอโทษ”
“เหตุใดเจ้าถึงต้องขอโทษข้า” กู้เสี่ยวหวานรู้สึกงงงวย
“ข้าเป็นคนพาคนเหล่านี้มา แต่…” เสี่ยวเหลียงจื่อหยุดชะงักและมองไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างไม่สบายใจและรู้สึกผิด
กู้เสี่ยวหวานไม่ได้เอ่ยคำใด แต่อาจั่วที่อยู่ข้าง ๆ กลับมองเห็นสิ่งนี้และพูดว่า “เสี่ยวเหลียงจื่อ เหตุใดเจ้าถึงต้องรู้สึกผิดด้วยเล่า พวกเขาทรยศต่อคุณหนูด้วยตัวเอง พวกเขาเลือกเส้นทางนี้ด้วยตัวเอง เช่นนี้ต้องโทษพวกเขา เจ้าอย่าได้โทษตัวเองเลย”
“ข้าไม่โทษพวกเขาหรอก” จู่ ๆ กู้เสี่ยวหวานก็เอ่ยขึ้น “พวกเขาไม่ผิดหรอก พ่อแม่ของพวกเขาเลี้ยงดูมาอย่างดี ใครบางเล่าจะอยากตายเช่นนี้ พวกเขาพูดเช่นนั้นก็เพื่อให้ตนเองหนีรอดจากการถูกทรมาน เรื่องราวแบบนี้จะให้ทนได้อย่างไร”
“เถ้าแก่…” เสี่ยวเหลียงจื่อรู้สึกละอายใจมากขึ้นเมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานกล่าวเช่นนี้ “เถ้าแก่ ท่านทำทุกอย่างดีแล้ว แม้ว่าเราจะเป็นสหายกัน แต่มองดูรอบเมืองหลิวเจียสิ จะมีผู้ใดเหมือนกันเราบ้าง ให้เงินมาก มีรางวัลพิศษ มีเสื้อผ้าใหม่ในช่วงเทศกาลและงานรื่นเริง เราสวมชุดของร้านจิ่นฝู เมื่อก้าวออกนอกร้าน เราทุกคนรู้สึกว่าได้รับความสนใจเป็นพิเศษ มันเป็นเพราะพวกเขาไม่รู้จักถนอมสิ่งนี้ไว้ และตอนนี้พวกเขาก็ได้ทำสิ่งผิดพลาด ทั้งยังให้เงินแก่พวกเขาอีก เถ้าแก่ ข้า… เสี่ยวเหลียงจื่อขอสาบานว่า ข้าจะภักดีต่อท่านไปตลอดชีวิต และจะไม่มีวันทรยศหักหลังท่าน” ทันใดนั้น เหลียงจื่อก็ยกมือขึ้นและสาบาน กู้เสี่ยวหวานสะเทือนใจเมื่อเห็นใบหน้าที่จริงจังของเขา
เสี่ยวเหลียงจื่อได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ไม่ว่าเขาจะถูกลงโทษสถานใดก็ไม่มีความคิดที่จะทรยศตนเอง กู้เสี่ยวหวานรู้สึกประทับใจอย่างมาก
เมื่อเห็นเขาสาบาน กู้เสี่ยวหวานก็ถามต่อว่า “เจ้าชื่อว่าอะไร?”
นางมักจะเรียกเขาว่าเสี่ยวเหลียงจื่อ และไม่เคยรู้ชื่อที่แท้จริงของเขามาก่อน
เสี่ยวเหลียงจื่อผงะไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานถามตัวเอง จึงรีบตอบทันควัน “ข้าชื่อเหลียงอวี้เฉิง”
“อวี้เฉิง” กู้เสี่ยวหวานพูดชื่อเด็กหนุ่มสองครั้งแล้วถอนหายใจ “อวี้เฉิงเป็นชื่อที่ดี เจ้าอ่านเขียนได้หรือไม่”
“อ่านได้ขอรับ แต่ครอบครัวของข้ายากจน และพ่อแม่ก็จากไปตั้งแต่ข้ายังเด็ก ข้าไม่มีเงิน ดังนั้นจึงไม่ได้เรียนหนังสือ” เสี่ยวเหลียงจื่อกล่าวด้วยความเสียใจ
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า “ถ้าเช่นนั้น เจ้ายินดีที่จะเรียนรู้การคำนวณบัญชีหรือไม่”
“การคำนวณบัญชี…” เหลียงอวี้เฉิงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้าอย่างตื่นเต้น และพูดอย่างยินดีว่า “แน่นอน ข้าเต็มใจ ถ้าข้าสามารถเรียนรู้สิ่งที่เกี่ยวกับการคำนวณบัญชีได้ ข้าจะได้มีความรู้เพื่อสร้างชีวิตในอนาคต”
“เมื่อเจ้าหายจากอาการบาดเจ็บ เจ้าสามารถเริ่มงานในตำแหน่งนักบัญชีในร้านจิ่นฝูได้ทันที” แน่นอนว่ากู้เสี่ยวหวานมีความสุขมากที่เห็นอีกฝ่ายมีความสุขและกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้
“แต่…” เหลียงอวี้เฉิงสะดุ้งเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “ข้ายังไม่เข้าใจอะไรเลย ข้ากลัวว่าจะทำผิดพลาด…”
“ไม่เป็นไร ข้าจะคอยแนะนำเจ้าอยู่ข้าง ๆ นอกจากนี้ การคำนวณบัญชียังง่ายมาก เจ้าสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วแน่นอน”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสะดุ้งเล็กน้อย กู้เสี่ยวหวานก็พูดว่า “ถ้าเจ้าทำได้ในสองสามวันนี้ ข้าจะขอให้ใครสักคนส่งบัญชีให้เจ้าทำ และเจ้าควรพิจารณาให้ดีก่อน”
“ข้าทำได้ ข้าทำได้” เหลียงอวี้เฉิงพูดอย่างเร่งรีบด้วยสีหน้าแน่วแน่ เมื่อครู่เขากังวลว่าตนเองจะคำนวณผิดพลาด แต่แล้วเขาก็ตระหนักว่า เมื่อเถ้าแก่ไว้ใจตนถึงเพียงนี้ เขาจะต้องตั้งใจเรียนและต้องไม่ทำให้เถ้าแก่ผิดหวัง
หลังจากคุยกับเหลียงอวี้เฉิงเรียบร้อยแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็ขึ้นไปชั้นบนอีกครั้งเพื่อดูฉินเย่จือ
ครั้งนี้เมื่อนางเข้าไป อาจั่วไม่ได้ตามเข้าไปด้วย นางทำเพียงยืนรออยู่หน้าประตูเท่านั้น
กู้เสี่ยวหวานเข้าไปถึงก็เห็นว่าไม่มีการเคลื่อนไหวบนเตียง และสงสัยว่าฉินเย่จืออาจจะยังไม่ตื่น
ในช่วงไม่กี่วันนี้ในห้องขัง แม้ว่าฉินเย่จือจะไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ มาก แต่การถูกขังอยู่ที่นั่นตลอดเวลาก็สร้างความอ่อนเพลียให้อีกฝ่ายได้ กู้เสี่ยวหวานเดินอย่างเงียบเชียบ เพราะกลัวว่าจะทำให้ฉินเย่จือตื่น
เดินได้ครึ่งทาง จู่ ๆ ก็คิดว่าการเข้ามาเช่นนี้จะเป็นการรบกวนการพักผ่อนของฉินเย่จือ ดังนั้นนางจึงยืนนิ่งคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และหมุนตัวเตรียมออกจากห้องไป
แต่ไม่คาดคิดว่าฉินเย่จือจะตื่นขึ้นมา
ฉินเย่จือรู้ตัวตั้งแต่ได้ยินเสียงฝีเท้าของกู้เสี่ยวหวานเข้ามาแล้ว เขารู้สึกประหลาดใจในตอนแรก แต่ก็คิดว่าจะแสร้งทำเป็นหลับแล้วแกล้งนางในภายหลัง
ในขณะที่กำลังคิดอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินจากไปอีกครั้ง และเมื่อคิดจะเอ่ยปากขึ้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาอีกครั้ง
ฉินเย่จือรีบหลับตาและนอนนิ่งอยู่ใต้ผ้าห่ม
เขาได้ยินเสียงฝีเท้าของกู้เสี่ยวหวานขยับใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แม้ว่ามันจะเบามาก แต่ฉินเย่จือผู้มีทักษะการฟังอันดีเยี่ยมก็ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ
ฉินเย่จือไม่ได้ลืมตามามอง
และกู้เสี่ยวหวานกำลังจะจากไป แต่หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ นางก็หันกลับมา ก้าวเท้าไปที่ข้างเตียง และเปิดม่านคลุมเตียงออกอย่างแผ่วเบาแล้วโผล่หัวเข้าไปดู
ดูเหมือนว่ากู้เสี่ยวหวานจะไม่เคยเห็นฉินเย่จือตอนนอนหลับสนิท
………………………………………………….