ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1275 ทำผมให้เจ้า
บทที่ 1275 ทำผมให้เจ้า
บทที่ 1275 ทำผมให้เจ้า
เมื่อทั้งสองออกมาจากห้อง ริมฝีปากของกู้เสี่ยวหวานก็แดงบวมเล็กน้อย เมื่อมองไปที่เงาพร่ามัวในกระจก และรู้สึกถึงอาการบวมจากปาก กู้เสี่ยวหวานก็คร่ำครวญ
“มันบวมอีกแล้ว”
ฉินเย่จือที่กำลังสวมเสื้อผ้าอยู่หลังม่านได้ยินเสียงคร่ำครวญของกู้เสี่ยวหวานชัดเจน เขาก็หัวเราะเบา ๆ เมื่อใส่เสื้อผ้าเสร็จก็เดินมาจากด้านหลัง เขาหยุดลงข้างหลังกู้เสี่ยวหวาน วางมือบนไหล่และบีบไหล่ของนางเบา ๆ
คนหนึ่งยืน คนหนึ่งนั่ง ทั้งสองมองกันและกันผ่านกระจกทองสัมฤทธิ์
เมื่อนึกถึงการกระทำที่ใกล้ชิดของทั้งสองคนบนเตียง ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานก็แดงซ่านขึ้นอีกครั้งในทันที อย่างไรก็ตาม โชคดีที่กระจกทองสัมฤทธิ์นั้นพร่ามัวจนไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน
กู้เสี่ยวหวานยืนนิ่งไม่กล้าขยับ นางปล่อยให้ฉินเย่จือบีบไหล่และจ้องมองตัวเองจากกระจก
ผมของนางยุ่งเหยิงเล็กน้อย กู้เสี่ยวหวานเพิ่งคลายมันออกและเตรียมจะหวีมันอีกครั้ง แต่ปกติอาจั่วจะหวีผมให้นาง หลังจากหวีผมแล้วนางก็ทำอะไรไม่ถูก นางไม่สามารถทำทรงผมที่ซับซ้อนในสมัยนี้ได้ นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปล่อยผมดำยาวสลวยไว้ข้างหลัง นั่นทำให้นางดูผ่อนคลายและมีเสน่ห์มากขึ้น
รูปร่างหน้าตาของกู้เสี่ยวหวานไม่ถือว่าน่าทึ่ง แต่มันให้ความรู้สึกถึงความสงบท่ามกลางความเร่งรีบและวุ่นวายของโลกนี้
นิสัยที่สง่างามและละเอียดละออ ตลอดจนการจัดการสิ่งต่าง ๆ อย่างชาญฉลาดและเด็ดขาด ล้วนดึงดูดผู้คนอย่างลึกซึ้ง
ฉินเย่จือมองนางด้วยสายตาจริงจัง และกู้เสี่ยวหวานก็สบตาเขากลับเช่นกัน
ทันใดนั้น ฉินเย่จือก็เอนตัวไปหยิบหวีจากมือของกู้เสี่ยวหวาน หญิงสาวไม่ค่อยเข้าใจการกระทำของเขา หากแต่ก็ยังมอบให้เขา ทันใดนั้น ฉินเย่จือก็ช่วยหวีผมของนาง
ครั้งแล้วครั้งเล่า ผมของกู้เสี่ยวหวานมีสุขภาพดีมาก นุ่มสลวย เรียบลื่น ให้ความรู้สึกเหมือนผ้าไหมเนื้อดี ฉินเย่จือถือหวีมันซ้ำแล้วซ้ำอีก
ในกระจก มือของฉินเย่จือกำลังยกอยู่เหนือศีรษะของกู้เสี่ยวหวาน และนางก็เห็นผมตัวเองถูกหวีอย่างช้า ๆ
ฉินเย่จือวางหวีลงและสอดปิ่นปักดอกท้อลงบนผมของกู้เสี่ยวหวาน กู้เสี่ยวหวานก็ตระหนักว่าฉินเย่จือกำลังช่วยนางทำผม
แม้ว่าทรงผมนี้จะไม่ใช่ทรงผมในเวลากลางวัน และมันง่ายกว่าทรงที่อาจั่วทำมาก แต่ชายร่างใหญ่ที่สามารถจัดการกับผมนี้ได้ดีกว่าตัวเองทำให้กู้เสี่ยวหวานรู้สึกตกใจและผิดหวังอย่างมาก
นางมองดูผมที่ถูกหวีอย่างเรียบร้อยในกระจก แล้วทำหน้ามุ่ย “พี่เย่จือ ทำไมท่านถึงรู้วิธีทำผม”
เขามีความสามารถทั้งด้านวรรณกรรมและการทหารและล้วนมีฝีมือ เมื่อลองคิดดู ถ้าตอนนั้นตัวเองไม่ช่วยเขาไว้ ถ้าเขาไม่หน้าทนจะอยู่ด้วย ตัวเองก็คงจะเทียบอีกฝ่ายไม่ได้
ฉินเย่จือมองไปที่ผมของกู้เสี่ยวหวานด้วยความพึงพอใจและพยักหน้า “ดูดีหรือไม่”
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า “มันสวย แต่…”
ฉินเย่จือดึงกู้เสี่ยวหวานขึ้นแล้วเดินออกไปข้างนอก แต่คำสองคำนี้ยังคงอยู่ในปากของนาง หลังจากเปิดประตูและออกจากห้อง กู้เสี่ยวหวานถึงได้มีปฏิกิริยาตอบโต้ “มันแตกต่างจากผมที่อาจั่วทำให้ข้าในวันนี้”
เมื่อเข้าไปในห้องแล้วทรงผมเปลี่ยน ทุกคนจะพูดเกี่ยวกับตัวเองว่าอย่างไร?
ทันทีที่นางพูดจบ อาจั่วก็พุ่งออกมาจากด้านข้าง ปรากฏว่านางอยู่ชั้นบนตลอดเวลา ช่วยกู้เสี่ยวหวานเฝ้าประตูและไม่ให้ใครเข้ามา
เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานออกมา นางก็รีบแสดงตัวออกมาทันที
แน่นอนว่าเมื่อเห็นใบหน้าของกู้เสี่ยวหวาน ความประหลาดใจก็ฉายชัดไปทั่วใบหน้าของอาจั่ว และนางก็เหลือบมองไปที่ทรงผมของกู้เสี่ยวหวาน ร่องรอยของความประหลาดใจฉายในดวงตาของนางอีกครั้ง
ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานเปลี่ยนเป็นสีแดงและรีบก้มศีรษะลงทันที
ฉินเย่จือที่อยู่ด้านข้างเหลือบมองอาจั่วเล็กน้อย จากนั้นนางก็ลดศีรษะลงทันทีโดยไม่พูดอะไรสักคำ
กู้เสี่ยวหวานต้องการกลับไปที่ห้องเพื่อเปลี่ยนทรงผม แต่ผมทรงนี้ฉินเย่จือเป็นคนทำมันให้นาง ดังนั้นหากนางรีบแก้ทรงผมตอนนี้มันคงจะไม่ดี หากในอนาคตเขาต้องการทำผมให้นางในภายหลัง ตอนนั้นมันอาจทำให้ความกระตือรือร้นของเขาหมดลง นอกจากนี้ วันนี้ทุกคนอาจจะยังไม่รู้ว่าตัวเองทำผมทรงอะไร
หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วก็ตัดสินใจที่จะลืม ๆ มันไป นางมองไปที่ฉินเย่จืออย่างขอบคุณ จากนั้นให้อาจั่วพาตัวเองไปที่ชั้นหนึ่ง
ฉินเย่จือยืนอยู่ข้างหลังพลางมองแผ่นหลังที่สวยงามของกู้เสี่ยวหวานด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น
จากนั้นก็เดินตามหญิงสาวไปทันที
กู้เสี่ยวหวานมีความคิดที่ดี แต่เมื่อนางไปถึงห้องโถง นางก็รับรู้ได้ว่าทุกคนดูแลนางมากแค่ไหน
ทุกคนรู้เรื่องการเปลี่ยนทรงผมของนางด้วยซ้ำ
เพื่อเฉลิมฉลองที่ร้านจิ่นฝูรอดพ้นจากมลทิน หลี่พ่างจื่อและเกาจื่อได้เตรียมงานเลี้ยงในคืนนี้
เมื่อเดินเข้าไปก็มีโต๊ะขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยชาม ตะเกียบ และจานตรงกลาง มีหม้อขนาดใหญ่ที่กำลังต้มบางอย่างอยู่ และมีอาหารดิบอยู่รอบ ๆ ดูเหมือนว่าวันนี้จะมีหม้อไฟให้กิน
เนื่องจากร้านจิ่นฝูมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรม ร้านอาหารจึงถูกปิด ดังนั้นยกเว้นหลี่พ่างจื่อและเกาจื่อที่ยังอยู่ในร้านอาหาร กู้เสี่ยวหวานจึงให้คนอื่นกลับไปก่อน ที่ในครัวนอกจากหลี่พ่างจื่อและเกาจื่อที่เป็นพ่อครัวแล้วก็มีท่านป้าจางกับท่านอา
และเห็นว่าพวกเขากำลังยุ่ง คนหนึ่งกำลังล้างผัก คนหนึ่งกำลังหั่นผัก และสองคนกำลังทำอาหาร หลังจากนั้นไม่นาน อาหารร้อน ๆ จานหนึ่งก็ถูกตักออกจากกระทะ
เมื่อกู้ฟางสี่กำลังยกจานอาหารออกมาจากห้องครัว นางก็เห็นกู้เสี่ยวหวานยืนอยู่ที่ประตู มองไปที่พวกเขาด้วยรอยยิ้ม
ห้องครัวเต็มไปด้วยควันคลุ้งและมีกลิ่นเหม็นน้ำมัน เมื่อกู้ฟางสี่เห็นนางจึงรีบไล่กู้เสี่ยวหวานออกไป “ในครัวมีแต่ควัน เสี่ยวหวานรีบออกไปเร็ว เดี๋ยวเจ้าจะสำลักเอาได้”
ไม่รู้ว่ามันเริ่มเมื่อไรที่กู้เสี่ยวหวานไม่สามารถเข้าไปในครัวนี้ได้อีก
ในครัวดูเหมือนว่าจะเป็นโลกของท่านป้าจางและท่านอา ตราบใดที่พวกนางกำลังทำอาหาร พวกนางจะไม่ยอมปล่อยให้กู้เสี่ยวหวานเข้าไป โดยบอกว่ามีควันในครัว เดี๋ยวจะสำลักควันเอาได้
นอกจากนี้ยังกล่าวด้วยว่า สิ่งเหล่านี้ในครัวเป็นงานที่หยาบ จะให้กู้เสี่ยวหวานลงมือทำได้อย่างไร
ในอดีต สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่กู้เสี่ยวหวานเคยทำ สับฟืน แบกน้ำ ล้างผัก ทำอาหาร และล้างจาน ไม่มีสิ่งไหนที่นางไม่เคยทำ
ตอนนี้เมื่อชีวิตดีขึ้น กู้เสี่ยวหวานก็ไม่จำเป็นต้องทำสิ่งเหล่านี้อีกต่อไป ยิ่งกว่านั้น สถานะของกู้เสี่ยวหวานก็ต่างออกไป กู้ฟางสี่และป้าจางจะไม่มีวันปล่อยให้กู้เสี่ยวหวานกลับมาทำสิ่งเหล่านี้แน่นอน
………………………………………………….