ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1278 คัดเลือกลูกสะใภ้
บทที่ 1278 คัดเลือกลูกสะใภ้
บทที่ 1278 คัดเลือกลูกสะใภ้
ป้าจางและกู้ฟางสี่รู้สึกประหลาดใจ เมื่อได้ยินเสียงที่ดังขึ้นมาจากด้านหลัง ป้าจางรู้สึกตกใจมาก เมื่อนางเห็นว่าคนที่อยู่ด้านหลังหลังคือกู้เสี่ยวหวาน ป้าจางรู้สึกโล่งใจและตบหน้าอกแผ่วเบา
กู้เสี่ยวหวานมองอย่างสงสัย “ท่านป้า ท่านเป็นอะไรไป ทำไมถึงต้องตกใจขนาดนั้น”
“โถ่” ป้าจางพูดอย่างหมดหนทาง “ก็เรื่องฉือโถวน่ะสิ ข้าบอกเขาเรื่องการหาหญิงสาวมาแต่งงาน แต่ข้าเอ่ยปากทีไรเขาก็แสดงอาการกังวลและต่อต้านข้าทุกที ข้าก็กลัวว่าเขาจะมาได้ยินเข้า ไม่งั้นข้าแย่แน่เลย”
หลังจากได้ยินเรื่องนี้ กู้เสี่ยวหวานก็หัวเราะเบา ๆ “ท่านป้า ท่านบอกว่าพี่ฉือโถวไม่อยากแต่งงานหรือ?”
“ใช่” ป้าจางชำเลืองมองกู้เสี่ยวหวาน ราวกับว่ากำลังมองลูกสาวของตนเอง หัวใจของนางเต็มไปด้วยความเจ็บปวด และนางก็พูดด้วยรอยยิ้ม “เขาบอกว่าอยากรออีกสักสองสามปี เขาอยากที่จะทำอะไรบางอย่างก่อน แล้วเรื่องนี้ค่อยว่ากันทีหลัง แต่ข้าจะรอไม่ไหวแล้ว ข้าอยากได้หลานชาย ลุงจางก็ร้องอยากจะอุ้มหลานแล้ว”
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า “พี่ฉือโถวอายุสิบแปด และเขาจะอายุสิบเก้าเมื่อปีใหม่มาถึง มันก็ถึงเวลาที่เขาจะแต่งงานได้แล้ว เมื่อเขาแต่งงานมีภรรยา มีคนเข้ามาเติมเต็มชีวิต ครอบครัวคงมีชีวิตชีวามาก”
กู้ฟางสี่พูดจากด้านข้าง “ใช่ นั่นคือสิ่งที่ข้าคิดเช่นกัน การแต่งงานควรแต่งงานกับคนที่มีคุณธรรม แม่นางฟ่านผู้นี้เป็นหญิงที่มีคุณธรรมและใจดี ถ้านางสามารถมาเป็นภรรยาของฉือโถวได้จริง ๆ นี่ก็คงเป็นคู่ที่สวรรค์สร้างมาให้จริง ๆ”
“แม่นางผู้นั้นเป็นเด็กดี แม้ว่าครอบครัวของนางจะยากจน แต่นางก็มีความทะเยอทะยานสูง และน้องชายของนางก็ทำงานหนักและซื่อสัตย์ ครอบครัวของนางนั้นก็เรียบง่าย ในอนาคตถ้าได้แต่งงานกับฉือโถวก็คงจะเข้ากันได้ดี”
ป้าจางหรี่ตาของนางแล้วยิ้ม ความปรารถนาบนใบหน้าของนางดูเหมือนว่าฉือโถวแต่งงานแล้วและครอบครัวก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
ดูเหมือนว่าป้าจางจะพอใจกับแม่นางฟ่านคนนี้มาก
ตราบใดที่ป้าจางชอบ และหญิงผู้นั้นก็เป็นผู้หญิงที่ดีและครอบครัวของนางก็เป็นครอบครัวที่ดี กู้เสี่ยวหวานก็มีความสุขไปด้วยที่ท่านพี่ฉือโถวได้แต่งงานกับแม่นางฟ่าน
“ท่านป้า ข้าจะส่งคนไปเชิญแม่สื่อลี่และให้นางไปที่บ้านตระกูลฟ่านเพื่อสู่ขอ”
เมื่อป้าจางได้ยินสิ่งนี้นางก็รีบโบกมือ “ไม่ ๆ ทำไมต้องใช้เงินขนาดนั้น ภรรยาของหลิวต้าจ้วงคุ้นเคยกับตระกูลฟ่านเป็นอย่างดี นางรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้าจะขอความช่วยเหลือจากนาง”
เมื่อเห็นว่าป้าจางเตรียมพร้อมแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็ไม่สามารถพูดอะไรได้มากกว่านี้ “เช่นนั้นก็ได้ ท่านป้าจางไปทำงานของท่านเถอะ หากท่านมีปัญหาอะไร ก็บอกข้าได้เสมอ”
ป้าจางพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ได้ ๆ แต่ตอนนี้ทุกคนต้องเก็บเป็นความลับ ถ้าฉือโถวได้ยินเข้า ข้าเกรงว่าเขาจะไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้”
เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินว่าฉือโถวไม่เห็นด้วย นางก็ทำหน้ามุ่ยและต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นว่าป้าจางมีท่าทางดื้อดึงมาก จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้
กู้เสี่ยวหวานจึงไปคิดถึงเรื่องอื่น
ฉือโถวกำลังจะแต่งงาน ดังนั้นของหมั้นจึงขาดไม่ได้ นอกจากนี้ยังต้องมีห้องจัดงานแต่งงานของฉือโถว รวมไปถึงงานเลี้ยงฉลอง มีหลายสิ่งที่ต้องทำมากเกินไป
กู้เสี่ยวหวานตัดสินใจไม่เดินทางไปเมืองหลวง นางไม่รู้ว่าเมื่อนางไปเมืองหลวงในครั้งนี้จะได้กลับมาอีกเมื่อไร บางทีอาจจะสองหรือสามปี
กู้เสี่ยวหวานคิดจะไปหาช่างไม้เพื่อทำเตียงนอน เครื่องนอนและอื่น ๆ กู้เสี่ยวหวานไม่ยอมให้ป้าจางและคนอื่น ๆ ทำ และพาอาจั่วกับอาโม่ไปรอบ ๆ เมืองหลิวเจียเพื่อเตรียมการทุกอย่าง
ตั้งแต่เตียงไปจนถึงผ้านวม มีขนมอบ ขนมสำหรับวันแต่งงานและอีกมากมาย ตั้งแต่เล็กไปจนถึงใหญ่ ทุกอย่างถูกจัดเตรียมอย่างดี
กู้เสี่ยวหวานยุ่งกับเรื่องงานแต่งงานของฉือโถว และเตรียมทุกอย่างที่ควรเตรียมล่วงหน้า เมื่อเห็นว่ายังเช้าอยู่ นางจึงไปที่ร้านจิ่นฝู
ร้านจิ่นฝูกำลังได้รับการปรับปรุง กู้เสี่ยวหวานมาดูความคืบหน้าและพบว่ามันเสร็จสิ้นแล้ว และจะใช้เวลาอีกสองวันในการทำความสะอาด และจะเปิดทำการภายในหกหรือเจ็ดวัน
ช่วงนี้หลี่พ่างจื่อและเกาจื่อไม่ได้ทำงาน พวกเขากำลังฝึกทำอาหารจานใหม่ ๆ ตามแบบที่เสี่ยวหวานต้องการ มีรายการอาหารใหม่สองอย่างทำเสร็จพอดี พวกเขาจึงนำมาให้ทุกคนได้ลิ้มลอง
เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานกำลังมา พวกเขาก็รีบนำอาหารมาให้กู้เสี่ยวหวานชิม นางเคยทำให้พวกเขาชิมมาก่อน และทั้งสองคนก็ลองฝึกฝนมาตลอด
กู้เสี่ยวหวานลองชิมดูแล้วก็พบว่ารสชาติของมันใกล้เคียงกับที่นางคิดไว้ ดังนั้นนางจึงพยักหน้าและบอกว่ารสชาติของมันยอดเยี่ยมมาก
ในครั้งนี้ กู้เสี่ยวหวานคิดรายการอาหารขึ้นมาใหม่หลายรายการ หลี่พ่างจื่อและเกาจื่อมีความสุขมากที่ได้รับการอนุมัติจากกู้เสี่ยวหวาน โดยคิดว่าในอีกไม่กี่วันร้านจิ่นฝูจะเปิดอีกครั้ง และจะมีรายการอาหารใหม่อีกมากมาย เมื่อมีลูกค้าจำนวนมาก รายได้ของทางร้านก็คงมากตามไปด้วย หลี่พ่างจื่อและเกาจื่อรู้สึกตื่นเต้นมาก
“เถ้าแก่ ร้านอาหารของเราได้รับการปรับปรุงใหม่ รายการอาหารต่าง ๆ เราก็ต่างลองชิมมาเกือบหมดแล้ว เมื่อเราเปิดใหม่ กิจการในร้านอาหารของเราจะดีขึ้นเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน” หลี่พ่างจื่อถูมือของเขาอย่างตื่นเต้นและกินอาหารที่วางไว้เต็มโต๊ะ มันเต็มไปด้วยสี กลิ่นหอม และรสชาติ ไม่ต่างจากที่เถ้าแก่เคยลงมือทำให้พวกเขาชิมในครั้งก่อนมากนัก
“ถูกต้อง เถ้าแก่ ทำไมมีแต่ของอร่อยอยู่ในหัวท่านนะ” เกาจื่อลูบมือของเขาและพูดอย่างตื่นเต้น “พวกข้านึกไม่ได้อย่างท่านเลยจริง ๆ ก็เหมือนมันเทศนั่น พวกข้ากินโดยการผัดมาโดยตลอด แต่ท่านยังมีวิธีอีกมากมาย เช่น ต้ม ตุ๋น หั่นฝอย ขนมมันเทศและมันเทศแท่ง ท่านชุบชีวิตมันเทศที่เหมือนจะตายแล้วให้ฟื้นคืนชีวิตขึ้นมา”
หลี่พ่างจื่อชื่นชมอยู่ด้านข้าง “เกาจื่อพูดถูก พวกข้าเป็นพ่อครัวทั้งคู่ แต่พวกข้าไม่สามารถคิดวิธีกินได้มากมาย แต่ท่านคิดได้และทำอาหารก็อร่อยมาก ฝีมือดีกว่าพวกข้ามาก”
เมื่อเห็นว่าคนสองคนนี้ชื่นชมนางไม่หยุด กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกเขินอายขึ้นมา
นางได้ชิมอาหารของที่ไหน นางก็จะนึกถึงสถานที่นั้น ๆ ทั้งอาหารซานตง อาหารเสฉวน อาหารหวยหยาง อาหารกวางตุ้ง อาหารเจ้อเจียง อาหารฝูเจี้ยน อาหารหูหนาน อาหารอันฮุย รวมถึงอาหารปักกิ่งและอาหารหูเป่ย์ ‘อาหารสิบอย่าง’ อาหารอย่างใดอย่างหนึ่ง ตราบใดที่มีอยู่ในร้านอาหาร นางก็ชื่นชอบทั้งหมด เพราะกู้เสี่ยวหวานเคยกินมันมาก่อนในชีวิตที่แล้ว
นอกจากนี้พ่อกับแม่ยังเป็น ‘นักชิม’ ได้ยินมาว่าทั้งคู่ได้เรียนรู้จากโรงเรียนสอนทำอาหารชื่อดังและอาหารที่พวกเขาปรุงนั้นเต็มไปด้วยสีสันและรสชาติที่อร่อย กู้เสี่ยวหวานเติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ ทุกครั้งที่นางทานอาหารจานใหม่ พ่อแม่ของนางจะบอกถึงวิธีการทำอาหาร และตราบใดที่กู้เสี่ยวหวานมีเวลา พวกเขาจะพานางไปที่ครัวเพื่อสัมผัสประสบการณ์ด้วยมือของนางเอง โดยคิดว่าถ้าในอนาคตกู้เสี่ยวหวานได้แต่งงาน การทำอาหารได้มันคงเป็นทักษะที่น่าชื่นชม
อย่างไรก็ตาม ทักษะนี้นางได้เรียนรู้ตั้งแต่ยังเด็ก ไม่เพียงแสดงทักษะเพื่อที่จะได้แต่งงาน ในทางกลับกัน นางเดินทางข้ามเวลาหลายพันปีเพื่อให้นางสามารถสร้างรายได้และเลี้ยงชีพโดยไม่ต้องอดตาย
ถ้านางข้ามมาโดยไม่รู้วิธีทำอาหาร นางคงอดตายไปแล้ว
ทุกครั้งที่กู้เสี่ยวหวานคิดถึงเหตุการณ์นี้ นางก็เต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ
ครั้งนี้ฟังหลี่พ่างจื่อและเกาจื่อชื่นชมฝีมือของนาง กู้เสี่ยวหวานอดไม่ได้ที่จะคิดถึงพ่อแม่ของนางในชาติที่แล้ว ทว่าจู่ ๆ นางก็รู้สึกหดหู่เล็กน้อยและพูดอะไรไม่ออก นางกินเพียงสองสามคำแล้วเดินจากไป
เดิมทีนางต้องการดูว่าความสามารถในการคำนวณบัญชีของเหลียงอวี้เฉิงช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง แต่นางไม่มีอารมณ์จริง ๆ ดังนั้นนางจึงกลับไปที่รถม้า
อาโม่กำลังขับรถม้า โดยมีอาจั่วและกู้เสี่ยวหวานนั่งอยู่ด้านใน
กู้เสี่ยวหวานอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก นางนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา นางเพียงแค่นั่งพิงรถม้าอย่างเหม่อลอย จ้องมองฉากที่อยู่นอกม่านราวกับว่าไม่มีเรี่ยวแรง
อารมณ์ของกู้เสี่ยวหวานหดหู่ และอาจั่วก็รู้สึกได้เช่นกัน แต่นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นนางจึงได้แต่กังวลอยู่ข้าง ๆ
นางต้องการพูดบางอย่างเพื่อให้กู้เสี่ยวหวานมีความสุข แต่นางไม่รู้ว่าทำไมกู้เสี่ยวหวานถึงไม่มีความสุข หลังจากคิดเรื่องนี้อยู่นาน นางก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรและเหงื่อแตกพลั่ก
กู้เสี่ยวหวานคิดถึงพ่อแม่ของนาง นางเดินทางมาอีกโลกหนึ่งเป็นเวลาแปดปีแล้ว กู้เสี่ยวหวานคิดถึงพวกเขาตลอดเวลา นางมีความคิดที่จะย้อนเวลากลับไป แต่วันเวลาก็ผ่านไปปีแล้วปีเล่า
ไม่ใช่ว่าไม่อยากกลับ แต่ไม่รู้ว่าจะกลับไปอย่างไร
ปีแล้วปีเล่ากับชีวิตที่ไม่เปลี่ยนแปลง ทำได้เพียงปล่อยวางความคิดถึงแบบนั้นอย่างเงียบ ๆ
เผชิญหน้ากับความเป็นจริง ทำดีต่อตัวเองหรือทำดีกับพ่อแม่
หากพวกท่านรู้ว่านางมีชีวิตที่ดี พวกท่านก็คงไม่ต้องคิดว่าตัวเองอยู่อย่างไร้ค่าอีกต่อไป
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกโล่งใจอีกครั้ง
ตอนนี้มีชีวิตที่ดี บางทีมันอาจจะเป็นความสบายใจของพ่อแม่ด้วย
กู้เสี่ยวหวานกลับมามีสติอีกครั้ง รอยยิ้มพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้า
อาจั่วเฝ้าดูกู้เสี่ยวหวานอย่างตั้งใจตลอดเวลา เมื่อเห็นรอยยิ้มของนางอีกครั้ง อาจั่วจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกและรีบส่งชาในมือให้กู้เสี่ยวหวาน “คุณหนู จิบชาหน่อยเถอะเจ้าค่ะ ท่านยังไม่ได้ดื่มน้ำตลอดทั้งบ่าย”
หลังจากได้ยินคำพูดของอาจั่ว กู้เสี่ยวหวานก็ตระหนักว่านางกระหายน้ำจริง ๆ วันนี้นางไปซื้อของในเมืองและกินอาหารสองสามคำในร้านจิ่นฝู จู่ ๆ คอของนางก็กระหายน้ำขึ้นเล็กน้อย
นางรีบดื่มชาที่อาจั่วนำมาให้ จากนั้นนางก็รู้สึกว่าความแห้งในลำคอของนางก็บรรเทาลง