ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1279 ตระกูลฟ่านไม่เห็นด้วย
บทที่ 1279 ตระกูลฟ่านไม่เห็นด้วย
บทที่ 1279 ตระกูลฟ่านไม่เห็นด้วย
เมื่อคืนถ้วยชาให้อาจั่วแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็เหลือบมองแวบหนึ่ง สายตาของอาจั่วนั้นยังคงมองมาที่ตัวเองด้วยสีหน้าที่กังวล กู้เสี่ยวหวานจึงเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่า ตั้งแต่ตอนที่ตัวเองเพิ่งออกจากร้านจิ่นฝูแล้วขึ้นรถมาจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้เอ่ยปากพูดกับนางเลยสักประโยค เมื่อเห็นตัวเองดูไม่มีความสุข จึงเป็นห่วงหรือ?
กู้เสี่ยวหวานเห็นนางเป็นห่วงตัวเอง กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกซาบซึ้งใจจึงรีบพูดกับอาจั่วว่า “อาจั่ว ชาถ้วยนี้ไม่เลวเลย เจ้าเองก็ดื่มสักถ้วยสิ”
อาจั่วตอบรับแล้วก็รินชาให้ตัวเอง น้ำชานั้นไม่เลวเลยจริง ๆ
สีหน้าของกู้เสี่ยวหวานเปลี่ยนไปอย่างมาก ไม่ได้ไม่มีความสุขเหมือนเมื่อสักครู่นี้แล้วและยังหาเรื่องมาพูดคุยกับอาจั่วไม่หยุด อาจั่วถึงวางใจได้ลง แต่ยังคิดว่ากู้เสี่ยวหวานจะต้องมีเรื่องอยู่ในใจแน่นอน ถึงตอนนั้นจะต้องบอกเจ้านาย
รถม้ากลับมาถึงสวนกู้อย่างรวดเร็ว
ทางด้านกู้เสี่ยวหวาน ทุกอย่างนั้นราบรื่นมาก แต่ทางด้านป้าจางเหมือนกับว่าเรื่องต่าง ๆ นั้นไม่ได้ราบรื่น
ภรรยาของหลิวต้าจ้วงไปสู่ขอหญิงสาวจากตระกูลฟ่าน เมื่อฟ่านหลิงได้ยินว่าเป็นครอบครัวป้าจางของสวนกู้มาสู่ขอก็ปฏิเสธทันที
ภรรยาของหลิวต้าจ้วงกลืนคำพูดที่พูดถึงตระกูลจางดี ๆ ที่เหลืออย่างตกตะลึง
เดิมทีผู้เฒ่าฟ่านนั้นพอใจมาก แต่เมื่อได้ยินลูกสาวตัวเองปฏิเสธก็ยากที่จะพูดอะไร บอกเพียงแค่ว่าทุกอย่างนั้นให้ลูกสาวตัดใจสินเอง ดูเหมือนว่าจะไม่ต้องการข้องเกี่ยวกับตระกูลจาง
ภรรยาของหลิวต้าจ้วงทำหน้าที่ของป้าจางไม่สำเร็จ จึงก้มหน้าลงแล้วกลับไปสวนกู้เพื่อบอกความต้องการของตระกูลฟ่าน
พอนั่งรถม้ากลับไปที่สวนกู้แล้ว เพิ่งจะถึงหน้าประตูก็ได้ยินเสียงที่ผิดหวังของป้าจาง “อะไรนะนางไม่เห็นด้วย”
ไม่เห็นด้วย
ดูเหมือนว่าภรรยาของหลิวต้าจ้วงกลับมาจากตระกูลฟ่านแล้ว
กู้เสี่ยวหวานเร่งฝีเท้าเดินตรงเข้าไปข้างใน
เมื่อมาถึงในห้องกินข้าวก็เห็นป้าจางและกู้ฟางสี่นั่งอยู่หน้าโต๊ะ ภรรยาของหลิวต้าจ้วงเองก็นั่งพูดคุยอยู่ข้าง ๆ บนโต๊ะนั้นยังวางสิ่งของไว้มากมาย มีผ้าพับและยังมีห่อขนม
กู้เสี่ยวหวานเข้าไปก็ได้ยินภรรยาของหลิวต้าจ้วงพูดอย่างอึดอัดว่า “ใช่แล้ว ข้าเพิ่งจะพูดจุดประสงค์ของข้าเสร็จ บอกว่าอยากจะสู่ขอฟ่านหลิง ใครจะรู้ว่าเด็กนั่นจะรีบปฏิเสธทันที”
“แล้วนางได้บอกหรือไม่ว่าเพราะอะไรจึงไม่เห็นด้วย” ป้าจางถามอย่างกระตือรือร้น
“ข้าเองก็ถามนางแล้ว นางบอกเพียงแค่ว่าไม่เหมาะสม พอข้าถามอีกครั้ง นางก็บอกว่ายังต้องหุงข้าวอีก จึงไม่ขอรั้งข้าไว้แล้ว” ภรรยาของหลิวต้าจ้วงพูดอย่างกระอักกระอ่วน
กล่าวได้ว่าเพิ่งจะเข้าไปพูดคุยเรื่องที่สู่ขอก็ถูกฟ่านหลิงปฏิเสธ และยังแอบไล่นางให้ออกมา
“นางรังเกียจสภาพความเป็นอยู่ที่ครอบครัวของข้าไม่ดีหรือไม่” ป้าจางถามอย่างผิดหวัง
เมื่อภรรยาของหลิวต้าจ้วงได้ยินก็รีบพูดว่า “พี่สะใภ้ ท่านอย่าพูดอะไรอย่างนี้เลย สภาพครอบครัวของท่านดีขนาดนี้ ท่านเป็นคนดี พี่ใหญ่เองก็เป็นคนดี ฉือโถวก็ขยันตั้งใจทำงานและใช้ชีวิตอย่างมั่นคง นี่หากอยู่ในเมืองก็ยังไม่รู้ว่าจะมีกี่ครอบครัวที่อยากแต่งงานกับฉือโถวแต่กลับไร้วาสนา เฮ้อ” ภรรยาของหลิวต้าจ้วงรีบอธิบายว่า “ฟ่านหลิงเด็กคนนั้นไม่รู้จักเสวยสุขเอาเสียเลย คนที่ดีมากเช่นนี้นางก็ปฏิเสธ ช่างไร้วาสนาเสียจริง”
ตระกูลจางอาศัยอยู่กับกู้เสี่ยวหวาน ได้ยินมาว่าเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตของเสี้ยนจู่ กู้เสี่ยวหวานจึงปฏิบัติต่อคนของตระกูลจางเหมือนเป็นผู้อาวุโส อาหาร เครื่องดื่ม เสื้อผ้า ทุกอย่างโดยทั่วไปนั้นของกู้เสี่ยวหวานก็เหมือนกับพวกเขา นี่ไม่ต่างกับเป็นครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานหรอกหรือ?
หากแต่งงานกับฉือโถว ต่อไปก็จะได้อาศัยอยู่ในสวนกู้ บ้านหลังใหญ่ที่ดีมากขนาดนี้ ครอบครัวกู้เสี่ยวหวานก็มีทั้งที่นาตั้งมากมายและยังมีร้านอาหาร ตัวเองยังมีสถานะเป็นเสี้ยนจู่อีก เมื่อทอดมองไปทั่วเมืองหลิวเจียแล้ว เกรงว่าจะมีแม่นางจำนวนมากที่รออยากจะแต่งงานกับฉือโถว
หรือไม่ก็ฟ่านหลิงเด็กคนนั้นเป็นคนไม่รู้ความ สภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวตัวเองลำบากเช่นนั้น คนที่ดีมากเช่นนี้กลับไม่ต้องการก็ช่างไร้วาสนานั้นเสียจริง
ภรรยาของหลิวต้าจ้วงคิดอะไรนั้น กู้เสี่ยวหวานย่อมไม่รู้ เมื่อเห็นท่าทางที่ผิดหวังของป้าจาง กู้เสี่ยวหวานกลับคิดว่ายังต้องพยายามอีก
“หรือว่าแม่นางตระกูลฟ่านมีผู้ที่อยู่ในใจแล้ว” กู้เสี่ยวหวานถามพลางเดินเข้าไป
เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานมาแล้ว ภรรยาของหลิวต้าจ้วงก็รีบลุกขึ้นจากม้านั่งและแสดงความเคารพให้กู้เสี่ยวหวาน “เสี้ยนจู่”
กู้เสี่ยวหวานรีบโบกมือ “ท่านอย่าทำเช่นนี้เลย ที่นี่ไม่มีคนนอก ไม่ต้องมากพิธี รีบนั่งลงคุยกันเถอะ” ในยามปกตินั้น ตัวเองก็ปฏิบัติต่อชาวนาที่เช่าที่ทำนาอย่างอบอุ่นมาก ทั้งหมดนั้นไม่ได้เป็นเพราะว่าตัวเองเป็นเสี้ยนจู่ หรือเพราะดูถูกพวกเขาว่าชาวนาเหล่านั้นเช่าที่ทำนาของตัวเอง
ชาวนาผู้เช่าเหล่านั้นจำกู้เสี่ยวหวานได้ดี และยังเคารพกู้เสี่ยวหวานมาก
ภรรยาของหลิวต้าจ้วงยังคงทำความเคารพให้กู้เสี่ยวหวาน เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานนั่งลงแล้วจึงนั่งลงข้าง ๆ
“ข้าคุ้นเคยกับตระกูลฟ่านมาก ฟ่านหลิงเด็กคนนั้น ปกติแล้วก็เอาแต่ทำงานเงียบ ๆ ดูแลบิดาและน้องชายของนาง ยามปกติไหนเลยจะเคยติดต่อกับบุรุษอื่น อีกทั้งข้าเองก็รู้สถานการณ์ของครอบครัวนาง บิดาสุขภาพไม่ดีและยังมีน้องชายที่เพิ่งจะโตเป็นผู้ใหญ่ แม้ว่าครอบครัวจะไม่ยากจน แต่ว่าชีวิตนั้นก็ไม่ค่อยดีนัก” ภรรยาของหลิวต้าจ้วงคิดแล้วพูดอย่างแน่วแน่ว่า “เด็กคนนั้นน่าจะไม่มีผู้ใดในใจ”
ขอแค่ไม่มีคนในใจ เช่นนั้นก็จัดการง่ายแล้ว จะกลัวก็แต่ว่าแม่นางจะมีคนอื่นอยู่ในใจ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจทำเรื่องที่ทำให้คนอื่นแตกแยกกันได้
กู้เสี่ยวหวานผ่อนลมหายใจ …จัดการง่าย
“แม่นางฟ่านพูดเพียงแค่ว่าไม่เหมาะสมกับฉือโถวเท่านั้นหรือ นางยังพูดอะไรอีกหรือไม่”
“ไม่ได้พูดอะไรอีก พูดแค่เพียงว่าไม่เหมาะสม จากนั้นก็บอกว่าต้องกลับไปหุงข้าวแล้วและก็เข้าไปในครัว”
“ผู้เฒ่าฟ่านบิดาของนางนั้นพูดอะไรบ้าง”
“บิดาของนางกลับพูดคุยง่าย พอได้ยินว่าข้ามาสู่ขอให้ฉือโถว บิดาของนางก็มีความสุขมาก แต่ว่าเด็กคนนั้นกลับส่ายหัวไม่เห็นด้วย บิดาของนางเองก็ไม่ได้พูดอะไร” ภรรยาของหลิวต้าจ้วงบอกกู้เสี่ยวหวานเกี่ยวกับเรื่องนี้
“บิดาของนางไม่ได้คัดค้าน” กู้เสี่ยวหวานแปลกใจมาก
สถานการณ์ของตระกูลฟ่าน กู้เสี่ยวหวานเองก็รู้
ภรรยาของผู้เฒ่าฟ่านเสียชีวิตไปสิบกว่าปีแล้ว ทิ้งผู้เฒ่าฟ่านและลูกสองคนเอาไว้ ซึ่งคนหนึ่งก็ยังไม่ทันได้หย่านม ผู้เฒ่าฟ่านก็ไม่ได้แต่งงานใหม่มานานกว่าสิบปี ผู้ชายคนหนึ่งเป็นทั้งพ่อเป็นทั้งแม่เลี้ยงดูลูกทั้งสองอย่างยากลำบาก
เพียงเพราะผู้เฒ่าฟ่านไม่อยากให้ลูกทั้งสองมีแม่เลี้ยง ถึงตอนนั้นกลัวว่าจะถูกแม่เลี้ยงรังแกแล้วมีชีวิตที่ไม่ดี ดังนั้นแล้วจึงเป็นพ่อมายมาหลายปี
ก็เพราะว่าเป็นพ่อที่เลี้ยงลูกติดมาหลายปีและไม่ได้ดูแลตัวเอง ร่างกายนี้ก็ยิ่งทรุดโทรมลงเรื่อย ๆ ทุกปี
พอถึงวันที่ฝนตกก็รู้สึกปวดไปทั้งตัว เกรงว่าจะเป็นโรคเรื้อรังที่เริ่มตั้งแต่อายุยังน้อย
โชคดีที่ลูกทั้งสองคนโตขึ้นก็มีความกตัญญูรู้คุณ เรื่องในบ้านเดี๋ยวนี้ผู้เฒ่าฟ่านก็ไม่จำเป็นต้องเข้ามายุ่งอะไรแล้ว แค่ทำเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เบา ๆ เรื่องอื่น ๆ นั้นก็ให้เด็กตระกูลฟ่านทั้งสองนั้นคอยดูแล
ต่อมาตระกูลฟ่านก็เช่าที่ดินสองสามหมู่ของครอบครัวกู้เสี่ยวหวาน ทุกปีเมื่อมีการเก็บเกี่ยวและส่งค่าเช่า กู้เสี่ยวหวานก็มักจะเห็นสองพี่น้องตระกูลฟ่านเสมอ
แล้วก็พึงพอใจกับคนตระกูลฟ่านมาก ชาวนาที่อยู่ในเมืองหลิวเจียนั้นน่าชื่นชมอย่างมาก
ขยันอดทนต่อความยากลำบาก กตัญญูต่อคนแก่ ขยัน ประหยัดอดออม ไม่มีงานอดิเรกที่ไม่ดีและก็ชอบช่วยเหลือผู้อื่น การประเมินนั้นดีมาก
“ไม่ได้คัดค้านนะ ตอนแรกที่ฟังข้าพูด บิดาของนางสีหน้ายังตื่นเต้น มาคิดดูแล้วก็คงจะพอใจมาก แต่ว่าหลังจากที่เด็กคนนั้นเข้ามา ได้ฟังเรื่องที่มาสู่ขอนางก็ปฏิเสธทันที บิดาของนางเห็นว่านางไม่เห็นด้วยก็ไม่พูดอะไร บอกเพียงว่านางคิดมาดีแล้ว ทุกอย่างนั้นเคารพความคิดเห็นของลูกสาวเขา” ภรรยาของหลิวต้าจ้วงพูด
“เช่นนั้นน้องชายนางเล่า” กู้เสี่ยวหวานถามต่อ
“ไม่ได้พูดอะไร พูดแค่ว่าพี่สาวพูดอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น” ภรรยาของหลิวต้าจ้วงพูดด้วยท่าทางเสียดายที่ไม่เป็นไปตามหวัง
“เสี่ยวหวาน เจ้าถามเยอะแยะเช่นนี้จะทำอะไร” กู้ฟางสี่เห็นกู้เสี่ยวหวานถามเยอะแยะเช่นนี้ก็สงสัยบ้างจึงถามขึ้น
หลังจากกู้เสี่ยวหวานฟังคำพูดของภรรยาของหลิวต้าจ้วงจบก็ยิ่งชื่นชมตระกูลฟ่านมากขึ้นเรื่อย ๆ “ท่านอา ข้ากลับพอใจแม่นางตระกูลฟ่านมาก ถ้าหากสามารถโน้มน้าวให้นางเห็นด้วยได้ ต่อไปก็เป็นคู่ที่หวานชื่นแล้ว”
ตระกูลฟ่านนี้เป็นครอบครัวที่เป็นประชาธิปไตยจริง ๆ
ตามความคิดของกู้เสี่ยวหวาน ถ้าหากเป็นคนธรรมดาแล้วมีคนอย่างตระกูลจางไปสู่ขอ ไม่ต้องบอกว่าเป็นครอบครัวอย่างตระกูลฟ่านเลย แม้แต่ครอบครัวที่ร่ำรวยก็กลัวว่าจะรีบร้อนตอบตกลงเสียด้วยซ้ำ
เพราะอะไร
เพราะว่าข้างหลังตระกูลจางมีกู้เสี่ยวหวาน
สถานะของตระกูลจางในใจของกู้เสี่ยวหวานก็เป็นเหมือนกับบิดามารดาและพี่ชาย ไม่ว่าจะเป็นของกินของใช้ พวกเขาก็มีเหมือนกับกู้เสี่ยวหวาน
ถ้าหากป้าจางไม่ได้ยืนกรานที่จะทำงานบ้าน กู้เสี่ยวหวานก็คงจ้างสาวใช้ไปนานแล้ว ป้าจางและพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไร
ในความคิดของกู้เสี่ยวหวาน ฉือโถวก็คือพี่ชายของตัวเอง
ตัวเองจะให้ฉือโถวแต่งงานกับสะใภ้อย่างน่าภูมิใจ ได้เกี่ยวดองกับฉือโถวก็ย่อมต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลกู้ ไม่รู้ว่ามีกี่คนที่คิดเช่นนี้
บางคนมีเจตนาร้าย พอนึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลจางกับตระกูลกู้ก็พูดจาบิดเบือนอ้อมค้อมกับป้าจาง ไม่รู้ว่ามีตั้งเท่าไรแล้ว
โชคดีที่ป้าจางรู้ความคิดของคนเหล่านี้และไม่เห็นด้วย
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรอฉือโถวอายุสิบแปด ชีวิตในครอบครัวก็ค่อย ๆ เริ่มเข้าที่เข้าทาง ป้าจางจึงเริ่มวุ่นอยู่กับเรื่องการแต่งงานของฉือโถวอีกครั้ง
โชคดีที่นางมีคนเลือกลูกสะใภ้ในใจ
………………………………………………….